แว่นเท่ๆ ของสะสมเสริมคาแรกเตอร์ของ จิตต์สิงห์ สมบุญ
โดย...วรธาร ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
โดย...วรธาร ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
เห็นการแต่งตัวของจิตรกรและดีไซเนอร์คนดัง “รอง-จิตต์สิงห์ สมบุญ” ครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์ แห่งบริษัท เพลย์ฮาวด์ ในงานเปิดตัวคอลเลกชั่นพิเศษสุดยูนีคของ Capsule Collection SangSom by Playhound ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสองแบรนด์ดังอย่างแสงโสมและเพลย์ฮาวด์ ซึ่งออกแบบโดย จิตต์สิงห์ และทีมดีไซเนอร์จากเพลย์ฮาวด์ ความคิดปนอยากรู้ก็ผุดขึ้นในหัวทำไมผู้ชายคนนี้ช่างแต่งตัวเท่ได้ใจวัยโจ๋ขนาด
จนวันนี้ถามถึงรู้ว่า จิตต์สิงห์ เป็นคนชอบแต่งตัวมาแต่ไหนแต่ไร และรู้อีกว่าหนึ่งในของแต่งตัวอัพความหล่อที่ขาดไม่ได้คือแว่นตา โดยเฉพาะ “เรย์แบน” (RayBan) ยี่ห้อโปรดของเขาในวัยรุ่นที่ถึงกับเก็บเงินเพื่อซื้อมาใส่
“ผมเป็นคนที่ชอบแต่งตัวอยู่แล้ว ซึ่งคนที่รู้จักผมก็จะรู้ว่าผมชอบแต่งตัว แล้วแว่นตาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผมนำมาใช้ในการแต่งตัว เสริมบุคลิก เปลี่ยนคาแรกเตอร์ โดยแรงบันดาลใจของผมก็มาจากเห็นคุณพ่อเวลาขี่มอเตอร์ไซค์ท่านใส่แว่น (สายตา) คนอื่นอาจจะมองไม่เท่ก็ได้นะ แต่ผมว่าเท่ดี ตอนแรกคิดว่าท่านคงชอบแต่งตัวตามประสาคนหนุ่ม เพราะเห็นแว่นเยอะ แต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะพ่อดุ (หัวเราะ) เอาเป็นว่าเห็นพ่อใส่อยากใส่บ้าง”
จากความอยากเป็นปัจจัยให้เกิดการแสวงหา และพอได้ใส่จริงก็เกิดความชอบ จิตต์สิงห์ จึงเริ่มใส่แว่นตาเสริมการแต่งตัวตั้งแต่สมัยมัธยมต้น จากที่เห็นเพื่อนรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกันใส่แล้วเกิดสะดุดตาจึงอยากทำอย่างนั้นบ้าง และพอได้ใส่จริงก็รู้สึกได้อย่างนั้นจริง
“ผมใส่แว่น (กันแดด) ตอนอยู่ ม.ศ.1 โรงเรียนเทพศิรินทร์ คือไปเห็นรุ่นพี่ที่เทพศิรินทร์เขาใส่เรย์แบน น่าจะยุค 1960-1970 ทรงคาราวาน ดัดงอๆ หรือที่เขาเรียก ‘ทรงตี๋ใหญ่’ เห็นแล้วก็อยากลองมั่ง เจ๋งดี มองดูจิ๊กโก๋มาก ชอบ ตอนนั้นไม่มีเงินซื้อของจริงหรอก ก็หาของปลอมใส่ไปก่อน ซื้อข้างทาง แต่ถึงจะของปลอมใส่แล้วก็ดูดี อันนี้คิดเอง ไม่รู้ว่าคนอื่นจะมองยังไงนะ แต่ใส่แล้วรู้สึกอย่างนั้น”
ความที่ใส่แล้วดูดีและเข้ากับสไตล์การแต่งตัวตามแบบฉบับของตน จิตต์สิงห์ ก็เริ่มมองหาเรย์แบนของจริงมาใส่แต่เริ่มจากของมือสอง ก่อนขยับมาซื้อของใหม่แกะกล่อง ในสมัยเรียนวิทยาลัยช่างศิลป์ ซึ่งเป็นช่วงที่เขาเริ่มหาเงินได้จากการวาดภาพ และนั่นก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสะสมแว่นตามากมายหลากหลายยี่ห้อในสไตล์ของดีไซเนอร์วัย 50
“หลังเรียนจบ ม.ศ.3 ก็มาต่อสายอาชีพที่วิทยาลัยช่างศิลป์ เพราะชอบศิลปะ ช่วงเรียนก็วาดภาพประกวดตลอด กวาดรางวัลมาเยอะ จนหลังๆ มีคนมาบอกว่าไม่ต้องประกวดแล้วเฮ้ย เดี๋ยวจ้างวาดเลย ตอนนั้นเป็นหนังสือการ์ตูน ได้ไม่กี่บาทแต่ก็เก็บออมมาเรื่อยๆ แล้วไปซื้อมือสองแถวสนามหลวง และสะพานเหล็ก รุ่นเก่าในยุคนั้นราคาร้อยกว่าบาท ต่อมาพอมีสตางค์ก็ซื้อของใหม่ และเริ่มสะสมเรื่อยมา หลากหลายยี่ห้อเป็นพันอัน แต่ชอบมากคือยี่ห้อคาซา (casa) ที่นำมาให้ดู”
แบรนด์คาซาที่ผลิตจากเยอรมนีเป็นแว่นตาที่ จิตต์สิงห์ ชอบชนิดหลงรัก ล้วนแล้วเป็นรุ่นเก่าๆ เช่น ยุค 1970-1980 ซื้อสะสมไว้หลายรุ่น แต่ว่าซื้อมาแล้วแทบจะไม่ได้ใส่ไปไหนมาไหน นอกจากจะเอามาโชว์เหมือนในวันนี้ หรือใช้งานเวลาถ่ายรูป ทุกอันถูกเก็บอยู่ในกล่องอย่างดีและเป็นแว่นที่มีเพื่อสะสมจริงๆ
“ผมชอบสะสมคาซาเพราะมันใช้วัสดุที่ดูสนุกกับดีไซน์ของมัน มองเป็นเหมือนประติมากรรม เรียกให้ดูน่าสะสม (หัวเราะ) การดีไซน์ค่อนข้างเว่อร์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าพวกฮิปฮอปชอบใส่ โชว์ความวูบวาบของมัน เพราะวัสดุค่อนข้างแพง ใส่จริงทุกวันอาจมีสิทธิที่จะดูเป็นแฟนซีมากเกินไปหรือดูแก่ป้าไปเลยก็ได้ แต่ของอย่างนี้เหมาะแก่การสะสม
จริงๆ แล้วแว่นที่ผมใส่ประจำกับที่สะสมเนี่ยคนละเรื่องเลย แว่นที่ใส่ประจำโนเนมมาก จนคนขายบอกว่า พี่ใส่แว่นอะไร ซื้อแว่นดี๊ดี แพงก็แพงไปเยอะแยะ เอาไปทำอะไร พี่ใส่แว่นอะไรไม่รู้ พูดอย่างนี้เลย แต่ก็อย่างที่บอกแว่นที่สะสมก็จะไม่ค่อยได้นำออกมาใช้ นานๆ ก็จะเอาออกมาเช็ดสักครั้ง”
จิตต์สิงห์ พูดถึงมุมมองในการสะสมส่วนตัวว่า บางคนที่สะสมถ้าชอบรุ่นไหนก็อาจซื้อรุ่นนั้นรุ่นเดียวจบ ไม่สะสมรุ่นอื่น แต่สำหรับเขาสะสมหลากหลาย เพราะมองแว่นตาเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งและส่วนตัวก็รักในศิลปะการออกแบบอยู่แล้ว แต่ถ้าพูดถึงความชอบในการสะสมส่วนใหญ่สะสมรุ่นที่คนอื่นไม่ค่อยเล่นกัน ซึ่งเขาเองก็มองว่าเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งคืออาจจะถูกเล่นในอนาคตและแพงกว่า หรืออาจจะไม่มีใครเล่นเลยก็ได้
ขณะที่ในการนำแว่นตามาใช้กับการแต่งตัวเพื่อเสริมบุคลิกและคาแรกเตอร์ให้โดดเด่น ดีไซเนอร์รุ่นใหญ่เผยว่า ทุกครั้งเวลาออกงานจะเปลี่ยนแว่นไปตามการแต่งตัว และทุกวันจะต้องพกติดตัวไปด้วยอย่างน้อย 3-4 อัน และเป็นแว่นสายตาทั้งหมด เนื่องจากอายุมากสายตาเริ่มเปลี่ยน
“ผมจะเปลี่ยนแว่นไปตามการแต่งตัว แต่ ณ ปัจจุบันผมสายตาคนแก่แล้ว ทั้งสั้นทั้งยาวเลย (หัวเราะ) จึงต้องใส่แว่นสายตา เวลาไปไหนก็จะพกติดตัว 3-4 อัน เผื่อตลอด กรอบก็คัดเอามาจากแว่นที่สะสมที่เราชอบนั่นแหละ 3-4 กรอบที่คิดว่าเหมาะกับสไตล์การแต่งตัว เอาไปทำแว่นสายตา ทำเลนส์สีกันแดดเผื่อด้วย มีสายอันหนึ่งเผื่ออ่านหนังสือได้สะดวก”
ครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์เพลย์ฮาวด์ เล่าว่า ในการแต่งตัวของเขาไม่เคยสนใจศาสตร์ที่มีผู้ว่าไว้ เช่น หน้าเหลี่ยมห้ามใส่แว่นกลม หน้ากลมห้ามใส่แว่นเหลี่ยม ผอมห้ามใส่สีดำ อ้วนห้ามใส่สีขาว เป็นต้น
“เรื่องนี้ผมไม่สนใจ และสังเกตให้ดีคนที่ชอบแต่งตัวจะไม่สนใจศาสตร์พวกนี้เท่าไหร่ ไม่ใช่ไม่เชื่อนะ และไม่ได้บอกว่าสิ่งนั้นผิด แค่ไม่สนใจ เพราะถ้าไปยึดติดอย่างนั้นผมก็ไม่ต้องไปใส่ ไม่ต้องสะสมแว่นพอดี ผมใส่ได้ทุกอัน เพียงอยู่ที่ว่าเราจะแต่งตัวยังไงดีกว่า เช่น ถ้าแต่งตัวฮิปฮอปผมก็จะหยิบแว่นคาซามาใส่ เพราะคาซาเป็นคาแรกเตอร์ของพวกฮิปฮอป ตอนนี้ที่ใส่แว่นกลมเพราะเป็นยุคทเวนตี้ เวลาผมยาวปั๊บใส่แว่นนี้ก็จะเหมาะกับยุคมากกว่า เป็นต้น”
ว่าแต่ว่า ทุกวันนี้จิตรกรและดีไซเนอร์ชื่อดังประกาศหยุดแล้วกับการสะสมแว่นตาที่ครั้งหนึ่งเคยหลงใหลได้ปลื้มต้องเสาะแสวงหามาให้ได้โดยมีคำตอบสั้นๆ แต่ชัดเจนจากปากของเขาว่า “เบื่อ”
“ช่วงหนึ่งของการสะสม บ้านถูกโจรขึ้นแล้วมันเอาแว่นไปหมดเลย ตอนนั้นรู้สึกเซ็งมาก หยุดสะสมไปนาน แล้วก็มาสะสมใหม่ แต่วันนี้หยุดแล้วเพราะรู้สึกเบื่อ ที่จะเล่นคนอื่นก็เล่นไปหมด ของใหม่ก็เริ่มทำออกมาเลียนแบบของเก่าสารพัด หยุดดีกว่า พอแล้ว”


