วิธีป้องกันดูแลสุขภาพช่วงฤดูฝนในประเทศไทย # 2
ฤดูร้อนฝนล้วนแต่ทำให้เกิดโรคที่มีแนวโน้มจะเป็นได้ง่าย เช่น โรคระบบทางเดินอาหาร ภูมิแพ้ผิวหนัง
โดย...แพทย์จีน อู๋ลี่ฉวิน แปล แพทย์จีนต้นสกุล สังข์ทอง คลินิกหัวเฉียวแพทย์จีน
ฤดูร้อน-ฝนตกก็ทำให้เกิดโรคได้
ฤดูร้อนฝนล้วนแต่ทำให้เกิดโรคที่มีแนวโน้มจะเป็นได้ง่าย เช่น โรคระบบทางเดินอาหาร ภูมิแพ้ผิวหนัง โรคไข้หวัดเป็นๆ หายๆ โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง เป็นต้น ซึ่งในช่วงฤดูกาลนี้การเสริมสร้างบำรุงม้ามให้แข็งแรงถึงเป็นวิธีที่สำคัญที่สุด ในช่วงที่มีความร้อนและฝนตกเกิดขึ้น จะมีเรื่องของอุณหภูมิที่สูงและมีความชื้นเกิดขึ้นพร้อมกัน คนทั่วไปชอบเปิดเครื่องปรับอากาศ ลักษณะนี้จะทำให้เกิดเป็นโรคไข้หวัดได้ง่าย จะมีไข้ เจ็บคอ ไม่อยากอาหารเป็นต้น ในวัยเด็กอาจโดนความเย็นกระทบ หรือท้องเสียได้ง่ายเป็นต้น
วิธีป้องกันดูแลสุขภาพช่วงฤดูฝน
ข้อแนะนำที่ 1 รับประทานของทอดของมัน ของหวานให้น้อยลง ไม่ให้รับประทานอาหารจนอิ่มจุกแน่น เครื่องดื่มสุราต่างๆ เพราะอาหารที่ร่างกายย่อยไม่ทัน หรือจัดการไม่หมด ส่วนหนึ่งจะเข้าสะสมจนเกิดความร้อนชื้นไปสะสมที่อวัยวะม้ามกระเพาะอาหาร หากเป็นอาหารรสจืดในปริมาตรที่เหมาะสมจะช่วยให้เกิดการบำรุงและเผาผลาญในระบบทางเดินอาหารได้ดีกว่า ดีที่สุดคือ ปริมาตรและความหลากหลายของอาหาร เพราะถ้ารับประทานอาหารที่ย่อยยาก ของทอดของมันที่ย่อยยาก ก็จะทำให้รู้สึกอึดอัด อีกทั้งของหวานของมันยังทำให้เกิดสาร Peroxidase ซึ่งกระตุ้นกลไกการอักเสบอีกด้วย
ข้อแนะนำที่ 2 แพทย์แผนจีนมีความคิดว่า อาหารต่างๆ ที่มีฤทธิ์เย็น น้ำเย็นน้ำแข็ง จะทำให้การดูดซึมของระบบทางเดินอาหารช้าลง เช่น ผักดิบ น้ำสลัด แตงโม ผักกาดขาว มะระเป็นต้น ให้ดีที่สุดหากรับประทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็นควรควบคู่กับ ต้นหอม ขิง เพื่อลดฤทธิ์เย็นลง ช่วยให้เกิดความสมดุลขึ้นในร่างกาย
ข้อแนะนำที่ 3 อาหารทั่วไปที่แนะนำ ให้รับประทานเพื่อขับความร้อนชื้น บำรุงม้าม ปรับสมดุลทางเดินอาหาร ขับความร้อนเช่น ฟักทอง ถั่วเขียว ผักกาดขาวเล็ก มะระเป็นต้น ส่วนขับความชื้นได้แก่ ลูกเดือย ถั่วแดง เมล็ดเชี่ยนสือเป็นต้น การรับประทานโจ๊กลูกเดือย โจ๊กถั่วแดง ก็นับเป็นอีกทางเลือกที่ดีในการบำรุงร่างกายช่วงฤดูฝน
ข้อแนะนำที่ 4 ต้องระวังในเรื่องของสุขอนามัย ความสะอาดของอาหารที่รับประทาน เพราะฤดูนี้เป็นฤดูที่อาหารค่อนข้างเสียมีเชื้อราได้ง่าย หากไม่ระวังอาจก่อให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร ลำไส้อักเสบ ถึงขึ้นอาหารเป็นพิษได้
ข้อแนะนำที่ 5 เด็กเล็กไม่ควรรับประทานอาหารฤทธิ์เย็นหรือน้ำเย็น เนื่องจากเดิมทีระบบทางเดินอาหารของเด็กเล็กยังค่อนข้างอ่อนแอ ไม่สมบูรณ์ หากรับประทานเข้าไป อาจส่งผลให้ถ่ายเหลว เบื่ออาหาร อ่อนเพลียง่าย ซึ่งเป็นอาการของม้ามถูกความชื้นรบกวน เป็นต้น
ข้อแนะนำที่ 6 เตรียมพกยาน้ำฮั่วเซียงเจิ้งชี่ หากมีอาการแขนขารู้สึกหนักหน่วง ง่วงนอนตลอดเวลาเป็นต้น ค่อนข้างเหมาะสมในการดื่มยาน้ำฮั่วเซียงเจิ้งชี่ สามารถช่วยขับความร้อนชื้นได้ หากม้ามกระเพาะอาหารในร่างกายอ่อนแอ รู้สึกไม่มีแรง เหนื่อยง่าย อาจใช้ โสมตั่งเซียม ปักคี่ ไป๋จู๋ ชะเอมเทศเป็นต้น ซึ่งเป็นตัวยาช่วยปรับกระเพาะขับชื้น เสริมม้ามให้แข็งแรง
ข้อแนะนำที่ 7 การเข้านอนตื่นนอนแต่เช้าคือคำแนะนำที่ดีที่สุด ช่วงพักเที่ยงงีบเล็กน้อย แพทย์แผนจีนให้ความสำคัญกับการพักผ่อนเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการงีบหลับกลางวันสักครึ่งชั่วโมง สามารถถนอมอวัยวะหัวใจ ทำให้อายุยืนได้ยิ่งขึ้นอีก 3 ปี และการเข้านอนก่อนห้าทุ่ม สามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่ายกายได้
ข้อแนะนำที่ 8 หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พยายามรักษาสภาพจิตใจให้ผ่อนคลาย มีความสุข ซึ่งการออกกำลังกายนั้นมีส่วนช่วยในการลดความกดดัน ช่วยให้ระบบการไหลเวียนของอวัยวะต่างๆ ดีขึ้น ซึ่งช่วยให้ร่างกายสามารถขับความชื้นได้ดียิ่งขึ้น ณ ปัจจุบัน พบว่า มนุษย์ใช้งานสมองหนักขึ้น แต่เผาผลาญพลังงานในร่างกายน้อยลง อีกทั้งยังอาศัยอยู่ในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศเป็นเวลานาน เหงื่อออกน้อย ทำให้ร่างกายขาดความสมดุลและความสามารถในการขับความชื้นน้อยลงและทำได้ไม่ดีนัก อยากให้ทุกท่านลองวิ่งออกกำลังกาย เดินเร็ว ว่ายน้ำ โยคะ รำไทเก๊ก เป็นต้น ไม่ว่าจะรูปแบบไหนที่สามารถทำให้ท่านเหนื่อยหอบเล็กน้อย เหงื่อออก ล้วนมีส่วนช่วยในการทำให้การไหลเวียนของชี่และเลือดดีขึ้น ช่วยให้ระบบเผาผลาญเมตาโบลิซึมในร่างกายดีขึ้น
ข้อแนะนำที่ 9 หลังจากโดนฝนมานั้น เสื้อผ้าที่ใส่จะต้องนำมาตากแดดให้แห้งทุกครั้ง ป้องกันการเกิดความชื้นซึ่งอาจส่งผลให้เกิด ลมพิษชนิดต่างๆ ผิวหนังอักเสบชนิดต่างๆ โรคผิวหนังอื่นๆ เป็นต้น
วิธีการหลีกเลี่ยงสภาพความชื้นต่างๆ รอบตัว
สิ่งที่ดีที่สุดคือ ในชีวิตประจำวันพยายามหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นโดยรอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ค่อนข้างไวต่อสภาพความชื้น ควรจะต้องระวังเรื่องต่างๆ ต่อไปนี้
1.ไม่ควรนอนพื้นราบ หรือพื้นแข็งโดยตรง เนื่องจากในชั้นบรรยากาศนั้น โดยมากแล้ว ไอน้ำความชื้นมักจะรวมตัวกันบริเวณพื้นค่อนข้างเยอะ ซึ่งทำให้ความชื้นสามารถบุกรุกเข้าสู่ร่างกายทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามแขนขา แนะนำให้ทุกท่านหาฟูก หรือนอนบนเตียงเพื่อป้องกันความชื้นที่อาจเกิดขึ้นได้
2.ช่วงฝนตกมีความชื้น ควรงดออกไปนอกบ้าน
3.ไม่ควรสวมเสื้อผ้าที่เปียกชื้น
4.ควรดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม ในคนทั่วไปควรมีการบริโภคน้ำประมาณ 2500 ml โดยแบ่งเป็นอาหารที่เรารับประทานสามมื้ออยู่ที่ 1000 ml การสันดาปของร่างกายภายใน 300 ml ส่วนอีก 1200 ml นั้นจะอาศัยการดื่มน้ำต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นคนเราจึงเหมาะสมที่จะดื่มน้ำ 1200 ml ต่อวัน โดยแบ่งเป็นเช้า 2 แก้ว เย็น 2 แก้ว แก้วละ 300 ml จึงนับว่าเพียงพอแล้ว แต่ว่าทุกท่านควรทราบว่าปริมาณน้ำนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่ (อุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์) การออกกำลังกาย สภาพความแข็งแรงของร่างกาย รวมถึงปริมาณอาหารการกินในแต่ละวันด้วยเป็นต้น ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า หลักการในการดื่มน้ำนั้นเหมือนกับการรับพลังงานในร่างกายอย่างหนึ่ง ร่างกายมีความจำเป็นเท่าไหร่ เราก็ควรดื่มน้ำไปในปริมาณเท่านั้น ซึ่งโดยทั่วไปในหนึ่งวันปริมาณน้ำไม่ควรร้อยกว่า 500 ml และไม่ควรเกินกว่า 3000 ml.
5.วิธีการขับความชื้นแบบพื้นบ้าน ถ่านไม้มีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้น โดยการนำถ่านไม้มาห่อกระดาษแล้ววางตรงบริเวณต่างๆ ในห้อง แต่ไม่ควรวางใกล้กับบริเวณที่มีอาหาร ถ่านหินก็สามารถดูดความอับชื้นได้เช่นกัน ซึ่ง ณ ปัจจุบัน มนุษย์สามารถใช้เครื่องปรับอากาศเป็นเครื่องฟอกอากาศในการกำจัดความชื้นหรือใช้วิธีเปิดพัดลม หันเข้าหน้าต่าง ให้ส่ายไปมา ก็สามารถขจัดความชื้นได้ดีเช่นกัน
หมายเหตุ : เอกสารนี้เป็นลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาของหัวเฉียว แพทย์จีน ใช้เผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทานความรู้แก่ประชาชน ห้ามมิให้คัดลอกในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตทุกกรณี


