posttoday

โย่งอนุสรณ์ มณีเทศ ในบทบาทพระเอกหน้าใหม่

31 กรกฎาคม 2557

เราอาจคุ้นเคยกับ โย่งอนุสรณ์ มณีเทศ ในบทบาทนักร้องนำจากวงดนตรีอาร์มแชร์ หรือไม่เช่นนั้นก็ตามหน้าปกนิตยสารวัยรุ่นกับการถ่ายแบบแฟชั่น

โดย...พงศ์ พริบไหว ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี 

เราอาจคุ้นเคยกับ โย่ง อนุสรณ์ มณีเทศ ในบทบาทนักร้องนำจากวงดนตรีอาร์มแชร์ หรือไม่เช่นนั้นก็ตามหน้าปกนิตยสารวัยรุ่นกับการถ่ายแบบแฟชั่น แต่ในวันนี้ตัวเขาเลือกทำอะไรใหม่ๆ ที่ท้าทายกว่าเดิม ด้วยการสวมหมวกใบใหม่ในฐานะนักแสดง ซึ่งกำลังไปได้สวย ทั้งตัวเขาเองก็เริ่มหลงเสน่ห์มันเอามากๆ

การเข้ามาทำงานเต็มตัวกับบทพระเอกในหลายๆ เรื่องในช่วงหลังของโย่ง หลายคนที่ติดตามตัวเขาอาจเกิดคำถามในใจว่าจู่ๆ หนุ่มหล่อนักดนตรีคนนี้ตัดสินใจเข้ามารับการแสดงได้อย่างไร อีกทั้งยังสามารถแสดงได้มากบทบาท ไม่ว่าจะเป็นบทพระเอก ทะเล้น ตลก น่ารัก บทพระเอกเจ้าน้ำตา และบทพระเอกมาดเนี้ยบผู้มุ่งมั่น ทำเอาแฟนละครทึ่งกับอีกมิติของผู้ชายคนนี้กันเป็นแถว

ในวันที่เจอกันเลยต้องเข้าไปหาคำตอบให้รู้เสียหน่อยว่านักร้องเสียงอบอุ่นแอบไปซุ่มซ้อมจนกลายเป็นมืออาชีพในการแสดงได้อย่างไร เมื่อได้นั่งคุยโย่งก็เล่าให้ฟังด้วยใบหน้าเต็มยิ้มว่า ที่เขาได้มาทำงานด้านนี้มันเกิดมาจากครั้งหนึ่งตัวเขาสบโอกาสได้รับบทดีๆ ในละครเวทีเรื่อง “รัก 5-6 เส้า” ซึ่งจัดโดยคลื่นแฟต เรดิโอ

“จริงๆ เมื่อก่อนตอนที่ผมทำงานดนตรีอยู่ มีคนติดต่อมาเยอะให้แสดงละครแสดงหนัง ตอนนั้นผมก็ปฏิเสธมาโดยตลอดนะ เพราะยังไม่รู้สึกว่าเราอยากไปในการแสดง ยังสนุกกับการร้องเพลงอยู่ คืออาจเป็นความไม่เชื่อด้วยว่าตัวเองทำได้ แต่ตอนนี้ที่รับเล่นเพราะผมรู้สึกว่าอยากเล่นละครเวทีดูบ้าง ท่าทางคงจะสนุก อีกอย่างหนึ่งมันได้ร้องเพลงและมีเพื่อนๆ ศิลปินเล่นกันเยอะก็เลยรับเล่น พอหลังจากนั้นก็มีผู้กำกับเห็นแววผมมั้ง (หัวเราะ) เพราะเขาได้ดูเราแสดง ก็เข้ามาบอกกับผมว่า อยากได้มาเป็นพระเอกในซิตคอม เพราะเห็นว่าผมน่าจะเหมาะกับบท พอได้คุยกันก็เห็นว่าบุคลิกพระเอกในเรื่องมันคล้ายผมมาก เป็นคนกวนๆ ตลก รักจริง แล้วผมก็คิดว่าในเมื่อลองเข้ามาทำงานแสดงดูแล้ว ทำไมผมไม่ทำให้มันสุดไปเลย ก็เลยจริงจังกับงานละครมาตั้งแต่ตอนนั้น”

หลังตัดสินใจรับบท ตัวโย่งเองก็แจ้งเกิดกับบทบาทพระเอกในซิตคอมอารมณ์ดีเรื่อง “จูบ... Kiss Me” ที่ประกบคู่กับนางเอกตัวเล็กยิ้มหวานอย่าง ออม-สุชาร์ มานะยิ่ง ทั้งคู่แสดงออกมาได้น่ารักจนแฟนๆ มากมายรอติดตามชมความหวานของทั้งคู่ เรียกได้ว่าโย่งสามารถเปิดตัวได้สวยงามกันเลยกับเรื่องนี้ จนต่อมาพระเอกหน้าใหม่จึงได้รับโอกาสแสดงละครในอีกหลายๆ เรื่อง ซึ่งจะออนแอร์ในเร็ววันนี้อีก 2 เรื่อง คือ “เคหาสน์ดาว” ของค่ายเอ็กแซ็กท์ ที่นำกลับมารีเมกใหม่ และ “มายานางฟ้า” ทางช่องทรู วิชั่นส์

เมื่อมาถึงจุดนี้อยากรู้เหลือเกินว่าโย่งคิดเช่นไร ติดใจจนไม่อยากกลับไปจับไมค์แล้วหรือเปล่า เขาครุ่นคิด ยิ้มมุมปาก และเล่าให้ฟัง...

“ผมไม่ได้เชิงเปลี่ยนการทำงานนะ เพราะว่าตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้เลิกหรือทิ้งงานดนตรี เพราะดนตรีมันคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมทำงานบันเทิง ผมเริ่มกับมันมาด้วยความรักความชอบ ผมคงไม่ทิ้ง แต่ทำสองอย่างไปพร้อมกัน อีกอย่างที่ทำตรงนี้ผมก็คิดว่าจริงๆ แล้ว การแสดงบนเวทีกับการแสดงหน้ากล้องมันไม่ต่างกันเท่าไร เพราะมันคือการส่งออกความเป็นตัวเองออกไป แต่ว่าที่ต่างกันก็คือการเป็นนักแสดงเราต้องเอาความเป็นคนอื่นเข้ามา

โย่งอนุสรณ์ มณีเทศ ในบทบาทพระเอกหน้าใหม่

 

“แล้วผมคิดว่าที่ทำอยู่ไม่ใช่การเปลี่ยน แต่คือความท้าทายใหม่ๆ ในชีวิตมากกว่า อย่างเมื่อก่อนตอนที่จะขึ้นแสดงโชว์ๆ หนึ่ง ในชีวิตนักดนตรีมันยากมากที่จะทำให้มาตรฐานเท่ากันในทุกเวที แต่ผมเข้าใจว่ามันท้าทายผมและผมเอาอยู่ แต่กับการแสดงความท้าทายคือบทและการแสดงอารมณ์ บางทีผมต้องเล่นซีเรียส ผมต้องจมกับตัวละคร จนบางทีลืมตัวเองไปเลย มันก็ท้าทายว่าผมจะทำออกมาได้ดีไหม อย่างในบทพ่อผมตาย ผมต้องไปคุ้ยขยะหารองเท้าพ่อแล้วร้องห่มร้องไห้ ซึ่งจริงๆ พ่อผมยังไม่ตาย ชีวิตผมโอเค ผมก็ต้องเค้นอารมณ์ความรู้สึกมาให้ได้ และแสดงออกมาให้ดี นี่คือความท้าทายที่ทำให้ผมชอบในการแสดง

“ผมรู้สึกว่าผมกำลังก้าวข้ามผ่านอะไรบางอย่าง ผมคิดว่าผมโชคดีมากที่ได้อยู่ระหว่างสองโลก คือนักดนตรีกับบทบาทการแสดง ผมรู้สึกว่าชีวิตมันมหัศจรรย์ คือมันสนุก เราเริ่มรู้สึกดีและหวงแหนมัน รู้สึกว่าต้องทำให้ดี แต่ตอนแรกยอมรับนะว่าเรามาแสดงละครเพราะสนุก แต่พอเราได้มาแสดง เรารู้สึกว่าเฮ้ย พอทำงานไปเยอะๆ เราเริ่มรู้สึกตัวเองว่า เราโคตรเก่งเลยว่ะ บางทีเราไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าชีวิตจะสามารถทำอะไรได้แบบนี้ อย่างตอนนี้ผมสามารถร้องไห้ได้แทบทุกที่ (หัวเราะ) ไม่ว่าจะหน้าตู้กับข้าว ที่เผาศพ หน้าถังขยะ ทุกที่ที่ผู้กำกับสั่งผมสามารถร้องไห้ตรงนั้นได้เลย คือคิดว่าหลังจากนี้ชีวิตผมคงไม่เศร้าแล้วแหละ เพราะใช้โควตาไปหมด” โย่งหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อพูดจบ ดูใบหน้าเขาภูมิใจกับการที่ไปได้เหนือกว่าที่คาดคิด

บางครั้งในการก้าวเดินช่วงชีวิตหนึ่งเมื่อได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง มันอาจเป็นช่วงชีวิตที่สามารถพิสูจน์ความสามารถตัวเองได้เป็นอย่างดี ...อย่างหนุ่มหล่อคนนี้

“โอกาสมันจะเหมาะสมสำหรับคนที่พร้อม ผมเชื่อว่าคนเราไม่ได้เกิดมาทำอะไรอย่างเดียว ตอนแรกที่ผมไม่รับเล่นละครเพราะผมเขิน ไม่เชื่อว่าตัวเองทำได้ แต่พอมาลองดูทุ่มเทกับมันทำให้เราสนุกที่ได้ทำ คือคนเราต้องเดินทาง จะเดินทางด้วยความรู้สึกแบบไหนก็ตาม ไม่ว่าจะอ่านหนังสือหรือทำอะไรใหม่ๆ มันจะทำให้เราพบกับประตูบานใหม่ที่เปิดรอเราอยู่ หากเราคิดว่าชอบก็ทำให้สุดให้เท่ แม้คุณจะยืนอยู่ในสนามไหนก็ตาม”

นอกจากผลงานการแสดง อีกไม่นานนี้แฟนๆ ของหนุ่มโย่ง คงได้เห็นผลงานเพลงใหม่ๆ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าอยากทำเพลงที่สนุกๆ ออกมาให้ฟังกันฟรีๆ ขอเพียงแค่ร้องตามกันได้ นั่นก็เป็นรางวัลแห่งความเหน็ดเหนื่อยที่ได้ทำแล้ว นอกเหนือจากนั้นแว่วๆ มาว่าโย่งกำลังจะก้าวไปพิสูจน์ความสามารถด้วยการเป็นนักกีฬาโปโลทีมชาติไทยอีกด้วย เอาเป็นว่าเรื่องของเขายังไม่จบ เรามาคอยติดตามดูพัฒนาการของพ่อหนุ่มคนนี้กัน