อนันตกาลชีวิตฉันและเธอ
โดย...แหนงดู
โดย...แหนงดู
โอเค!!!
เพราะยังไม่ได้อ่านนวนิยายของ จอห์น กรีน ซึ่งเป็นต้นเรื่อง ฉะนั้นความคาดหวังจึงเป็นศูนย์ แต่จากเสียงชื่นชมจากเหล่านักวิจารณ์ทั้งหลายที่มอบให้กับหนังเรื่องนี้ ความคาดหวังก็พรวดจากศูนย์ขึ้นมาถึง 6 แต่หลังจากได้ดูจนจบ หนังเรื่องนี้ได้คะแนนจากเราไปมากกว่า 8 เลยทีเดียว
The Fault in Our Stars เล่าเรื่องของ เฮเซล (เชลีน วู้ดลีย์) และ กัส (แอนเซล เอลกอร์ท) วัยรุ่นสองคนที่มาพบกันในกลุ่มคนป่วยโรคมะเร็ง ทั้งสองมีความคิดอ่านและการมองโลกที่แปลกต่าง แต่กลับเป็นสิ่งดึงดูดความสนใจระหว่างกันและกัน ก่อเป็นความสัมพันธ์และความรักสุดแสนพิเศษ
จากเด็กสาวที่มีอาการซึมเศร้า (ตามความเห็นของพ่อแม่และหมอ) เฮเซล เปลี่ยนไปหลังจากรู้จักกับกัสความสัมพันธ์ของพวกเขามีหนังสือนิยาย เรื่อง An Imperial Affliction ของนักเขียนชื่อ ปีเตอร์ แวน ฮาวเทน เป็นตัวช่วยเร่งปฏิกิริยา จากนั้นเด็กสาวที่ต้องหอบหิ้วถังออกซิเจนไปด้วยทุกหนแห่งกับเด็กหนุ่มที่มีขาข้างเดียว ก็ได้เรียนรู้ เติมเต็ม สนับสนุนให้กำลังใจ มองโลกในมุมใหม่ ได้เศร้า สุข กล้า กลัว และ รักกันจนถึงวันสุดท้าย
วันเวลาที่เขาและเธอได้ใช้ร่วมกัน คือ... อนันตกาล ทว่าอนันตกาลของพวกเขาอาจจะไม่เท่าและไม่เหมือนกับของคนอื่นๆ
แต่ไม่ว่าเวลาระหว่างพวกเขาจะยาวหรือสั้นเพียงไร พวกเขาก็จะไม่แลกเปลี่ยนกับสิ่งใดในโลกนี้
The Fault in Our Stars ไม่ได้ทำออกมาให้เป็นแค่หนังวัยรุ่นอินเลิฟเพียงชั้นเดียว แต่ซับซ้อนกว่านั้น จอช บูน นำเสนอช่วงเวลาที่ยากลำบากของชีวิตมนุษย์ออกมาบนจอได้อย่างมีสไตล์กว่าหนังหลายๆ เรื่องที่คล้ายกัน แม้จะเศร้าแต่ส่งพลังและความหวังออกมาอย่างน่าทึ่ง ทั้งไม่ได้ตั้งใจทำให้คนดูตั้งหน้าตั้งตาสะอึกสะอื้นถ่ายเดียว (แต่ก็เป็นเรื่องยากที่กลั้นน้ำตาเชื่อสิ)
หนังเรื่องนี้มีมุขตลกสอดแทรกมาเป็นระยะ แรกๆ คนดูอาจจะกั๊กๆ ตัวเองไว้ เพราะดูเป็นเรื่องไม่เหมาะที่จะหัวเราะกับเรื่องของคนป่วยหนักเฉียดตาย แต่เมื่อมุขตลกมาบ่อยเข้าก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยก๊ากออกมาเต็มที่ สมดังเจตนารมณ์ของหนัง
ตอนจบของเรื่องแทบจะเดาได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ลดทอนความซาบซึ้งประทับใจให้น้อยลงไป ฝีมือการแสดงของคู่พระนางเรียกว่าไม่เบาเลย สาวเชลีน วู้ดลีย์ นั้นดูดี (แม้จะแสดงเป็นคนป่วย) มีเสน่ห์ เฉลียวฉลาด และช่างเหน็บแนมแดกดันดี ส่วน แอนเซล เอลกอร์ท ทั้งหล่อ ทั้งมีอารมณ์ขัน เคมีของสองคนนี้เข้ากั้นเข้ากัน และอยากให้จับตาพวกเขาไว้ให้ดี เพราะดาวบันดาลให้ทั้งคู่ฮอตขึ้นเรื่อยๆ ในแวดวงฮอลลีวู้ด
ในหนังยังมีบทรองที่ล้ำๆ อยู่อีกหลายตัว รวมถึง ไอแซค (รับบทโดย แนต วูล์ฟฟ์) เพื่อนซี้ของ กัส ซึ่งเป็นมะเร็งจนต้องสูญเสียดวงตาทั้งสองข้าง คำพูดสั้นๆ ของเขาที่ว่า “ผมไม่อยากเห็นโลกที่ไม่มีออกัสตัส วอเทอร์ส” ทำให้คนดูรับรู้ถึงความผูกพันและความรักระหว่างเพื่อนอย่างลึกซึ้ง
นอกจากนั้นแล้วบท การดำเนินเรื่อง ดนตรี และการตัดต่อของ The Fault in Our Stars ก็โดดเด่นมาก
บอกเลยว่า หนังเรื่องนี้ดีเกินกว่าที่จะพลาดชม เพราะไม่อยากเศร้าหรือเสียน้ำตา!!!
หมายเหตุ : สิ่งที่ควรมีระหว่างชม The Fault in Our Stars คือ ทิชชู 1 ห่อ และน้ำ 1 ขวด เพื่อซับน้ำตาและเติมน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป
โอเค???
The Fault In Our Stars ดาวบันดาล
ปี 2014
ประเทศ สหรัฐ
ประเภท ชีวิต/รัก/ตลก
ภาษา อังกฤษ
ความยาว 2 ชั่วโมง 5 นาที
กำกับ จอช บูน
แสดงนำ เชลีน วู้ดลีย์/แอนเซล เอลกอร์ท/แนต วูล์ฟฟ์
สร้างจากวรรณกรรมของ จอห์น กรีน ชื่อเรื่องมาจากตอนหนึ่งของ Julius Caesar โดย วิลเลียม เชกสเปียร์ ที่ว่า “The fault, dear Brutus, is not in our stars, But in ourselves, that we are underlings.”
ต้นแบบตัวละคร เฮเซล คือ เด็กสาวชื่อ เอสเธอร์ เอิร์ล ผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ ซึ่ง จอห์น กรีน ได้พบระหว่างงานแฮร์รี่ พอตเตอร์ คอนเวนชั่น ในปี 2009 เขาสะดุดตาที่เห็นเธอแบกถังออกซิเจนไปไหนมาไหนด้วย ต่อมาก็ชอบวิดีโอที่เธออัพไว้ใน Youtube เพราะมันเต็มไปด้วยอารมณ์ขันและความคิดอันเปิดกว้าง ตั้งแต่วันที่พวกเขาได้พบกันจนถึงวันที่เอสเธอร์เสียชีวตขณะอายุ 16 ปี พวกเขาได้ติดต่อกันทางจดหมายมาตลอด
ใน Divergent เชลีน วู้ดลีย์ และ แอนเซล เอลกอร์ท แสดงเป็นพี่น้อง ก่อนจะกลายมาเป็นคู่รักในหนังเรื่องนี้ พวกเขามาคัดเลือกบทด้วยกัน ก่อนที่จะได้พบกับทีมผู้สร้างเป็นครั้งแรก แอนเซล อ่านทั้งบทและนวนิยายมาก่อนล่วงหน้า เหตุเพราะ เชลีน “ถ้าผมบอกว่า ยังไม่ได้อ่าน เธอคงโกรธแล้วก็ทำให้การออดิชั่นของเรายุ่งยากขึ้น”


