posttoday

โลกนี้ช่างงดงาม อีกครั้งกับ หลุยส์ อาร์มสตรอง

20 กรกฎาคม 2557

เจ้าของเสียงทรัมเป็ตและเสียงร้องในเพลง What A Wonderfull World หลุยส์ อาร์มสตรอง

โดย...กบยูเนียน

เจ้าของเสียงทรัมเป็ตและเสียงร้องในเพลง What A Wonderfull World หลุยส์ อาร์มสตรอง เรื่องราวของนักทรัมเป็ตและนักดนตรีแจ๊ซที่ยิ่งใหญ่แห่งยุคของเรา

ต่อเนื่องจากตอนก่อนหน้านี้ ที่หลุยส์หรือแชทช์โมโด่งดังในฐานะนักเป่า นักฟังแจ๊ซหลายคนในยุคนั้นติดตามมาฟังเสียงทรัมเป็ตที่ทรงพลังของเขา หลุยส์ซึ่งเริ่มมีชื่อเสียงบ้างแล้ว ได้ย้ายออกจากวง ครีโอล แจส แบนด์ ของคิง โอลิเวอร์ เพื่อไปทำงานร่วมกับเฟล็ทเชอร์ เฮนเดอร์สัน ออร์เคสตรา วงชั้นนำในยุคนั้น

เฟล็ทเชอร์ เฮนเดอร์สัน ออร์เคสตรา นั้น มีชื่อเสียงในด้านของวงบิ๊กแบนด์ที่มีสไตล์เร่าร้อน เพลงทุกเพลงเป็นที่ถูกอกถูกใจของคอเพลงที่นิยมในท่วงทำนองสีสันความสดใส หากหนักแน่นและได้อารมณ์เต็มเปี่ยม ยิ่งเมื่อได้หลุยส์มาเพิ่มความเร่าร้อน ก็ยิ่งเพิ่มความเร้าใจให้แก่บรรดาแฟนเพลง สปอตไลต์ฉายส่องมาที่หลุยส์และทรัมเป็ตของเขาในทุกค่ำคืน เขากลายเป็นพระเอกที่สร้างความสนุกสนานและโดดเด่นที่สุดในวง

ในช่วงเวลานี้เองที่หลุยส์ได้รับโอกาสในการบันทึกแผ่นเสียงของตัวเองเป็นครั้งแรก Everybody Loves My Baby ซึ่งทำชื่อให้เขาในฐานะนักดนตรีแจ๊ซอย่างเต็มตัว ต่อมาหลุยส์ยังได้ร่วมกับวงแจ๊ซเล็ก ๆ อีกหลายต่อหลายวง รวมทั้งร่วมงานกับนักดนตรีบลูส์อีกหลายต่อหลายคน (เช่น เบสซี สมิท) ชื่อของเขาในขณะนั้นรับประกันได้ถึงฝีมือในการเป่าและความเป็นแจ๊ซที่อิ่มเต็ม

โลกนี้ช่างงดงาม อีกครั้งกับ หลุยส์ อาร์มสตรอง

 

เส้นทางของหลุยส์ในเวลาต่อมา วนเวียนอยู่กับดนตรีแจ๊ซอย่างแยกไม่ออก ในปี 1925 หลุยส์และภรรยา ลิล ฮาร์ดิน ตั้งวงของตัวเองชื่อ ฮ็อตไฟว์ ซึ่งเป็นปีที่เขาเปลี่ยนจากคอร์เน็ตมาเป่าทรัมเป็ตอย่างถาวร ต่อมาในปี 1926 เป็นช่วงเวลาที่ฮอตไฟว์โด่งดังถึงขีดสุด โดยหลุยส์ได้รับการขนานนามจากนักวิจารณ์ทั่วโลกว่าเป็นนักทรัมเป็ตที่ดีที่สุดในโลก World’s Greatest Trumpet Player

ในปีเดียวกัน (1926) จากวงฮอตไฟว์ ก็ขยายเป็นฮอตเซเวน เพื่อต้อนรับเพื่อนนักดนตรีมือฉมังอีก 2 คน เป็นช่วงที่หลุยส์บันทึกแผ่นเสียงกับต้นสังกัดใหม่ OKEH ในเพลงดัง My Heart ต่อยอดความโด่งดังที่ฉุดไม่อยู่ เขาถูกตามตัวไปอัดแผ่นกับเพื่อนนักดนตรีแจ๊ซและวงแจ๊ซที่มีชื่อเสียงมากมาย โดยเฉพาะ Heebie Jeebies ซึ่งเขาขับร้องในแบบฉบับ Wordless

ในปลายศตวรรษ 20 อเมริกาประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ คนไม่เที่ยวสถานเริงรมย์ หลุยส์และภรรยาตัดสินใจเดินทางกลับไปตั้งหลักที่นิวยอร์ก เขาร่วมตระเวนกับคณะละครบรอดเวย์ร้องเพลงฮิตของตัวเองที่เคยบันทึกแผ่น ไม่นานก็กลับมาโด่งดังอีก เป็นช่วงที่เขาออกทัวร์ไปตามแหล่งบันเทิง ได้บันทึกแผ่นเสียงอีกหลายแผ่นร่วมกับนักร้องดัง กาย ลอมบาร์โด

โลกนี้ช่างงดงาม อีกครั้งกับ หลุยส์ อาร์มสตรอง

 

ชื่อเสียงของหลุยส์ไม่เพียงกลับมา แต่ยังขจรขจายไปไกลถึงยุโรป ครั้งหนึ่งถึงกับเดินทางไปยุโรปเพื่อเปิดการแสดงที่นั่นและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ต่อมาได้บันทึกแผ่นเสียงเพลงใหม่ชื่อ Sleepy Times Down South ซึ่งได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงประจำตัวของเขา อย่างไรก็ตามเพลงนี้ก็มีผลกระทบต่อตัวเขาด้วย เพราะเนื้อเพลงกล่าวถึงความสุขสนุกสนานของคนผิวสีทางตอนใต้

ความจริงก็คือ ปัญหาการเหยียดสีผิวที่ยังรุนแรง โดยเฉพาะในทางตอนใต้ของประเทศ ทำให้หลุยส์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นคนผิวดำที่ลืมตัว ความโด่งดังของหลุยส์ยังรวมถึงโลกภาพยนตร์ โดยได้ร่วมนำแสดงในภาพยนตร์ดังหลายเรื่อง เช่น The Five Pennies (ปี 1959) และ Hello Dolly (ปี 1969) ต่อมาความนิยมในบิ๊กแบนด์เริ่มสร่างซา หลุยส์ลดขนาดวงดนตรีแต่คุณภาพยังคับแก้ว เพราะนักดนตรีคัดมาแต่ระดับครีม เช่น เอิร์ล ไฮน์ และแจ๊ค ทีการ์เดน ใช้ชื่อวง ออล สตาร์ส กลายเป็นวงแจ๊สขนาดเล็กที่มีคนต้องการตัวสูงสุดตลอด 14 ปีที่ตั้งวง

หลุยส์ อาร์มสตรองเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและไตวายเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 1971 อายุ 69 ปี ปัจจุบันบทเพลงที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังของเขายังคงมัดใจผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Blueberry Hill (ปี 1949) La vie en rose (ปี 1951) Ramona (ปี 1953) Mack The Knife และแน่นอนที่สุด.What a Wonderful World

โลกนี้ช่างงดงาม อีกครั้งกับ หลุยส์ อาร์มสตรอง

 

ข่าวล่าสุด

‘ม.สงขลาฯ’ ร่วมกรมการแพทย์ รับผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองรักษาด้วย CAR-T Cell