posttoday

ทายาทจักสานกระจูดรุ่นที่ 5 แห่งเมืองพัทลุง

19 กรกฎาคม 2557

หนึ่งในงานศิลปหัตถกรรมอย่าง “เครื่องจักสาน” แม้จะเป็นงานที่ทรงคุณค่าในเชิงศิลปหัตถกรรมและวัฒนธรรมพื้นเมือง

โดย...สุกัญญา สินถิรศักดิ์

หนึ่งในงานศิลปหัตถกรรมอย่าง “เครื่องจักสาน” แม้จะเป็นงานที่ทรงคุณค่าในเชิงศิลปหัตถกรรมและวัฒนธรรมพื้นเมือง แต่นับวันก็จะหาผู้สืบทอดต่อจากรุ่นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายายได้ยากยิ่งจนน่าใจหาย เพราะตลาดจักสานเป็นตลาดที่มีความต้องการเล็กมาก จากการถูกผลิตภัณฑ์ทดแทนอย่าง “พลาสติก” เข้ามาแทนที่ด้วยราคาที่ถูกกว่า

ปัจจัยดังกล่าวทำให้ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ ศ.ศ.ป. เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับกลุ่มทายาทในแวดวงศิลปหัตถกรรมมากขึ้น เพราะหากไม่มีพวกเขาเหล่านี้ โอกาสที่จะรักษางานศิลปหัตถกรรมชั้นครูคงยากยิ่ง

มนัทพงค์ เซ่งฮวด หรือยุ่ง ช่างจักสานกระจูดรุ่นใหม่แห่งเมืองพัทลุงที่มีอายุเพียง 27 ปี 1 ใน 11 ทายาทของโครงการคัดสรรทายาทช่างศิลปหัตถกรรมของ ศ.ศ.ป. โดย “ยุ่ง” เป็นทายาทของครูช่าง วรรณี เซ่งฮวด และถือเป็นทายาทรุ่นที่ 5 ของครอบครัว “เซ่งฮวด” ในการสานต่อศิลปหัตถกรรมสาขาจักสานด้วยกระจูด (พืชตระกูลเดียวกับ “กก” )

ทายาทรุ่นที่ 5 ของครอบครัว “เซ่งฮวด” ไม่เพียงสานต่ออาชีพดั่งเดิมของครอบครัว แต่ยังพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญางานจักสานกระจูด กับศิลปะการออกแบบที่ร่ำเรียนมาจากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยใช้เทคนิคการมัดย้อมเส้นกระจูดให้เกิดการไล่โทนสีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

นอกจากนี้ ยังเน้นการออกแบบที่แตกต่าง แต่ยังบอกเล่าเรื่องวิถีชีวิตของคนภาคใต้ผ่านอัตลักษณ์ต่างๆ ที่อยู่บนชิ้นงาน พร้อมกับเน้นการผลิตในทุกขั้นตอนให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กลายเป็นผลิตภัณฑ์ร่วมสมัยภายใต้แบรนด์ “หัตถกรรมกระจูดวรรณี” (VARNI Southern Wickery) ซึ่งเป็นที่ยอมรับของตลาดทั้งในและต่างประเทศ

“ผมเริ่มช่วยแม่สานเสื่อมาตั้งแต่เด็ก จนเกิดความผูกพันมาเรื่อยๆ พอโตขึ้นก็เริ่มคิดว่า ถ้าไม่มีคนรุ่นผมเข้าไปช่วยทำงาน งานกระจูดคงจะหมดหรือยังคงแบบเดิมๆ อีกอย่างผมมองภาพรวมของการตลาดงานจักสานว่ามันต้องไปได้ ถ้าเราตั้งใจที่จะทำตลาดตรงนี้ มันจะสร้างคนและสร้างงานให้ชุมชนท้องถิ่นได้” ยุ่ง กล่าว

พร้อมกับกล่าวว่า “แม้เด็กในวัยเดียวกันจะนิยมไปทำกิจกรรมอื่นที่ร่วมสมัยแล้ว แต่ผมรู้สึกรักในสิ่งนี้ สิ่งที่ถูกถ่ายทอดวิชาความรู้มาตั้งแต่รุ่นก่อนปู่ ย่า ตา ยาย เป็นงานที่ทำให้มีทุกวันนี้ และยังเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจในการเรียนต่อปริญญาโท สาขาประยุกตศิลปศึกษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากรจนคว้าปริญญาอีกใบได้สำเร็จด้วย”

สำหรับจุดเริ่มต้นก่อนที่จะมีแบรนด์วรรณีนั้น ยุ่งอาศัยการส่งผลงานเข้าประกวดในเวทีต่างๆ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางความคิดในมุมออกแบบ สร้างความน่าเชื่อถือและสร้างการยอมรับ หลังจากนั้นเริ่มออกแบบและทำตลาดจริงจังประมาณปี 2551 แต่เริ่มจดทะเบียนการค้าต่างๆ ประมาณปี 2553

เขาเล่าว่า กว่าจะมีวันนี้ได้ต้องผ่านความอดทนมากมาย ทั้งการพัฒนาด้านแบบ พัฒนาด้านเทคนิคการจักสานอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อให้สินค้ามีความแตกต่างโดยมองว่าไม่เพียงแค่การสานต่อภูมิปัญญาของครอบครัวเท่านั้น แต่ต้องพัฒนาให้ดีขึ้นด้วย ให้ทันยุคทันสมัย ไม่ควรหยุดคิด ต้องตามเทรนด์ของโลกให้ทัน

“สิ่งสำคัญเราต้องอดทน อย่าท้อ และการจะทำอะไรไม่ใช่ทำแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ทุกอย่างต้องผ่านการหาข้อมูลมาก่อน เพื่อผลักดันชิ้นงานไปสู่เป้าหมาย”

ปัจจุบันสินค้าภายใต้แบรนด์วรรณีมีด้วยกัน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มงานแฟชั่น เช่น กระเป๋าถือ กระเป๋าสะพาย ฯลฯ และกลุ่มของใช้ตกแต่ง เช่น โต๊ะ เก้าอี้ กล่องใส่ของ ตะกร้า รวมแล้วกว่า 100 ชนิด มียอดสั่งซื้อจากทั้งในไทยและในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น โดยยอดสั่งซื้อในญี่ปุ่นต่อล็อตประมาณ 500 ชิ้น คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 7 หมื่นบาท/ครั้ง

ขณะที่ตลาดในไทย นอกจากยอดสั่งผลิตทั่วไปแล้ว ยังได้รับการติดต่อให้ไปจำหน่ายในศูนย์การค้าชั้นนำ และล่าสุดจำหน่ายที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซีด้วย โดยอาศัยการทำตลาดผ่านเฟซบุ๊ก www.facebook.com/varniwickery สื่อสารไปยังกลุ่มผู้สนใจจนกลายเป็นที่รู้จัก ส่วนกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ได้เจอในงานแสดงสินค้าต่างๆ ก็ติดต่อสื่อสารทางอีเมลเพื่อสั่งสินค้า

“ในยุคดิจิทัลไม่เพียงแค่เล่นอินเทอร์เน็ต เล่นเฟซบุ๊ก ไลน์ไปโดยเสียเปล่า แต่ควรใช้ประโยชน์จากเครื่องมือสื่อสารยุคใหม่ให้เป็นด้วย โดยยุคนี้ผลิตภัณฑ์จะดีอย่างเดียวไม่ได้ ต้องสื่อสารให้เป็นด้วย”

หลังจากนี้ ยุ่งมีเป้าหมายที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมกระจูดวรรณีกลุ่มที่ 3 นั่นคือ งานศิลปะตกแต่งภายใน ซึ่งเป็นการนำวิชาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา ผสมกับภูมิปัญญาดั้งเดิมที่มี สร้างเป็นงานที่มีมูลค่าสูงขึ้น

ศิลปหัตถกรรมสาขาจักสาน จึงเป็น 1 ใน 9 สาขาศิลปหัตถกรรมที่คนในแวดวงหัตถกรรมเป็นห่วงมากที่สุดว่าอาจจะเลือนหายไปจากสังคมไทย เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะผลักดันให้ทายาท ซึ่งเป็นเด็กรุ่นใหม่หันมาสนใจที่จะสืบสานต่อ คงต้องอาศัยแรงพลังจากทุกฝ่ายที่จะร่วมกันรักษาให้ศิลปหัตถกรรมสาขานี้ยังคงอยู่ในสังคมไทย

ข่าวล่าสุด

อีลอน มัสก์ สร้างสถิติเป็นคนแรกของโลกที่รวยเกิน 700,000 ล้านดอลลาร์