‘เติมเต็มเด็กขาด’ ด้วยมันสมอง ‘เด็กหัวกะทิ’
ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ (Teach For Thailand) คืออีกหนึ่งมูลนิธิทางการศึกษาที่ได้รับน้ำใจสวยงามจาก “ปุ๋ย” ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ไซม่อน
โดย...ปอย ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล
ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ (Teach For Thailand) คืออีกหนึ่งมูลนิธิทางการศึกษาที่ได้รับน้ำใจสวยงามจาก “ปุ๋ย” ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ไซม่อน อดีตนางงามจักรวาลอันเป็นที่รักของคนไทยทุกคน
ทุกๆ ปี ปุ๋ยต้องบินลัดฟ้าด้วยเครื่องบินส่วนตัวจากสหรัฐมาเยี่ยมเมืองไทย และปีนี้เป็นปีแรกที่มูลนิธินี้ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจำนวน 3 ล้านบาทจากปุ๋ย เป็นการให้เด็กไทยด้วยความจริงใจและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
มูลนิธิซึ่งก่อตั้งโดยคนรุ่นใหม่ในวัย 20 กว่าๆ วิชิตพล ผลโภค บัณฑิตจาก University of Oklahoma กรรมการและเลขานุการมูลนิธิทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ บอกปณิธานในการดำเนินงานมูลนิธิว่า เชื่อพลังของคนรุ่นใหม่ซึ่งอาสามาเป็น “ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง” และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อน บรรเทาความไม่เท่าเทียมกันทางการศึกษาของประเทศไทย เด็กไทยทุกคนควรมีโอกาสที่จะได้รับการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ เพื่อเติบโตไปเป็นประชากรที่มีคุณภาพในวันหน้า
ภารกิจสำคัญของ ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ คือการบรรเทาความไม่เท่าเทียมกันในระบบการศึกษาของไทยด้วยมันสมองของคนรุ่นใหม่ บัณฑิตปริญญาตรีไม่จำกัดสาขาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำหลากหลายทั้งในและต่างประเทศ เช่น Harvard University, Stanford University, John Hopkins University, Princeton University เข้าร่วมโครงการทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ ส่งต่อศักยภาพการเป็นผู้นำ กล้าคิดกล้าทำกล้าแตกต่างเป็นแนวร่วมในการสร้างความเปลี่ยนแปลง จัดเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มาทำงานเพื่อการศึกษาที่น่าจับตามอง
เริ่มต้นที่เด็กขาดโอกาสชาว กทม.
วิชิตพล ผลโภค ซึ่งเป็นทั้งเลขาฯ และผู้ริเริ่มก่อตั้ง บอกว่าตอนนี้ ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ มีครูอยู่ในสังกัด 33 คน ส่งไปสอนโรงเรียนขยายโอกาส 14 โรงเรียนของ กทม. ซึ่งคำว่าขยายโอกาสในที่นี้ก็คือ กทม.เป็นผู้บริหารและจัดสรรเสื้อผ้า หนังสือ อาหารกลางวัน ให้แก่เด็กๆ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มยากจนและขาดแคลน
“โรงเรียนที่คนฐานะระดับกลางๆ ก็ปฏิเสธไม่ส่งลูกไปเรียนแน่นอนครับ!” วิชิตพล คนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นนักเรียนนอกจากโอกลาโฮมา เริ่มต้นสนทนา และแนะนำคุณครูระดับหัวกะทิที่ล้วนเรียนจบด้วยเกรดระดับเกียรตินิยม “ครูตี๋” วิศรุต นุชพงษ์ บัณฑิตนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สมัครมาเป็นครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์โรงเรียนแก่นทองอุปถัมภ์ “ครูส้ม” อมรรัตน์ สีหะปัญญา บัณฑิตคณะจิตวิทยาจาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อาสาเป็นครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ โรงเรียนแย้มจาดวิชชานุสรณ์ “ครูแป้ง” พารุ่ง พลพิพัฒนพงศ์ บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยท็อป 5 ของโลก University College London สอนวิชาภาษาอังกฤษให้โรงเรียนแย้มจาดวิชชานุสรณ์
ภาษาอังกฤษ เลข วิทยาศาสตร์ คือยาขมของเด็กไทย วิชิตพล กล่าวว่า โดยเฉพาะในชั้นมัธยมต้น จัดเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของอนาคตเด็ก ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ จึงเน้นส่งคุณครู 33 คนไปสอน ม.1ม.3 ใน 3 วิชาหลักนี้
“ตอนผมเรียน ม.ปลายที่ร่วมฤดี หลังเลิกเรียนผมหารายได้พิเศษชั่วโมงละ 150 บาท โดยไปสอนการบ้านเด็ก ม.ต้นที่เขาเรียนไม่เก่ง ซึ่งไม่ใช่ว่าเขาไม่เก่งนะครับ แต่เขาขาดคนแนะนำปลดล็อกศักยภาพ และเมื่อได้ครูเข้าใจก็ได้ผลลัพธ์คือเรียนดีขึ้น เขาคือความภูมิใจมากของผม
ผมเชื่อมั่นว่าทุกคนดีขึ้นได้ด้วยการศึกษา (บอกพร้อมรอยยิ้ม) เด็กคนนี้คือแรงบันดาลใจของผมเลยครับ แล้วเมื่อตอนผมเรียนที่สหรัฐ ผมไปสมัครเป็นครูสอนที่ ทีช ฟอร์ อเมริกา แต่เขามีข้อแม้ว่าต้องเป็นอเมริกันซิติเซ่น ผมจึงคิดว่าทำไมเมืองไทยไม่มีมูลนิธินี้บ้าง จึงเป็นที่มาให้ผมก่อตั้ง ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ เมื่อปี 2012
หน้าที่ครูคือซีอีโอหน้าห้องเรียน ต้องคุมอนาคตเด็กๆ ร้อยกว่าคนต่อปี ไม่มีงานไหนท้าทายคนอายุ 20 กว่าปีไปมากกว่านี้แล้วครับ” วิชิตพล กล่าว
“คุณครูแป้ง” พารุ่ง จบปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1 สาขาวิชาเคมีและการบริหาร University College London ด้วยจิตอาสาขอเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ โรงเรียนแย้มจาดวิชชานุสรณ์ อัตราเงินเดือนครู กทม. 1.5หมื่นบาท บอกว่า เด็กไทยไม่ถูกกับภาษาอังกฤษ และปัญหาในโรงเรียนขยายโอกาสก็ไม่ต่างจากเด็กไทยทั่วๆ ไปคือไม่กล้าพูด
เด็ก ม.ต้นบางคนท่องเอถึงแซดไม่ได้ เขียนก็ยิ่งไม่ได้เลย เช่น ตัว B แต่หลังหันไปอีกทาง (หัวเราะ) นี่คือเรื่องที่น่าตกใจมาก และนี่คือความท้าทายของแป้ง คือไม่ได้ทำให้เขาชอบภาษาอังกฤษ แต่ทำให้เขากล้าพูดก่อนค่ะ ก็เริ่มจากความมั่นใจ โดยให้เขาหัดเขียนชื่อภาษาอังกฤษให้ได้ก่อน แล้วพูดได้ก่อนเป็นหลักก่อน พอเด็กพูดได้ แป้งก็จะเขียนบนกระดานว่าที่พูดไปคือคำนี้นะ แล้วสอนอ่านต่อไป เด็กก็จะกล้าออกเสียงกันมากขึ้นเพราะเขาเคยพูดมาก่อนแล้ว” คุณครูแป้งพารุ่ง จากยูซีแอล บอกด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงนุ่มนวล
ดีกรีเกียรตินิยมอันดับ 2 จาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ “คุณครูส้ม” อมรรัตน์ บอกว่าสมัยเด็กๆ คือเด็กขาดแคลนคนหนึ่ง ขาดไปทั้งคุณครู อุปกรณ์การเรียนการสอน แต่ด้วยความประทับใจครูของเธอสอนอย่างเต็มที่ จนทำให้เธอได้อันดับ 1 วิชาคณิตศาสตร์ระดับมัธยมต้น จ.อุบลราชธานี
“ส้มเชื่อว่าไม่ว่าเด็กจะมาจากครอบครัวแบบไหน เขาก็เป็นเด็กเก่งได้นะคะถ้าเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ความท้าทายของครูคือทำอย่างไรให้เด็กเชื่อมั่นว่าเขาทำได้ ส้มเริ่มทดสอบด้วยปากเปล่าถามตอบ ซึ่งคำถามยากมากๆ เด็กบางคนก็เกรียนบ้างนะคะ โห...ยากจังครูใครจะตอบได้ ส้มก็บอกว่าเราต้องเชื่อว่าเราตอบได้ แล้วมันจึงจะเกิดขึ้นได้จริง และเมื่อถึงวันที่เขาตอบได้ เด็กถึงกับน้ำตาไหลเลยค่ะ” ครูส้ม บอกพร้อมรอยยิ้มปลื้ม
“ครูตี๋” วิศรุต ครูสอนวิทยาศาสตร์ โรงเรียนแก่นทองอุปถัมภ์เล่าให้ฟังว่า ไปสอนวันแรกก็เจอดีเลย! “ผมแจกกระดาษที่มีใบหน้าครูหลายๆ วัย แล้วถามเด็กว่า ครูวิทยาศาสตร์คือคนไหน คำตอบคือครูที่ใบหน้าแก่ที่สุด (หัวเราะ) นี่คือภาพเก่าๆ ที่เด็กๆ พาลเบื่อวิชาวิทยาศาสตร์ไปด้วย เด็กบอกว่า วิทย์คือวิชาที่ครูสอนไม่สนุก ขอหลับ ผมถามว่าอะไรบ้างที่เขาไม่ชอบ? เด็กก็ตอบว่าการเรียนเรื่องอวัยวะ ไม่เข้าใจว่าจะเรียนเรื่องการขับถ่ายย่อยอาหารไปเพื่ออะไร? ในเมื่อใครๆ ก็รู้กินแล้วก็ถ่าย?!!! แบบกวนๆ น่ะครับเด็กวัยนี้ ผมตอบว่าคุณต้องรู้เพราะคุณต้องไปสอบ...เพื่ออะไร? ข้อสอบไม่มีวันสอบกินข้าว? แต่ข้อสอบจะถามคุณว่าให้อธิบายระบบย่อยอาหาร แล้วนี่คือทางเลือกในชีวิที่คุณต้องถูกทดสอบด้วยคำถามที่หลากหลาย
ถ้าคุณสอบไม่ได้ชีวิตก็ดำเนินต่อไปไม่ได้ เมื่อคุณรู้ก็จะได้ประโยชน์จากการทำข้อสอบ มีคนบอกไม่เชื่อแน่นอนครับ แต่ผมให้คะแนนเต็มล้าน ใครอยากได้ 1 คะแนน 2,000 หรือ 6 หมื่นคะแนน เด็กๆ ก็กล้าเดินเข้ามาหามาคุยกับผมมากขึ้น เพราะรู้สึกสนุก” ครูตี๋ วิศรุต บอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี ไม่น่าแปลกใจที่ครูมีแฟนคลับว่าที่นักวิทยาศาสตร์รุ่นจิ๋วเยอะมาก
ปัญหาการศึกษาไทยมีความสลับซับซ้อน ครูไฟแรง กล้าคิดกล้าทำ กล้าแตกต่าง จึงเป็นแนวร่วมในการสร้างความเปลี่ยนแปลง และมาพร้อมกับ Best Practices ของ ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ เป็นอีกหนึ่งกลุ่มคนอาสารุ่นใหม่ที่น่าจับตา
3 ล้านบาทจากนางงามขวัญใจคนไทย
ความสวยงามของโครงการนี้คือการได้รับการช่วยเหลือ สนับสนุน จากองค์กรเอกชนหลายๆ แห่ง ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ ฝากขอบคุณ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร มูลนิธิสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ธนาคารกสิกรไทย พรีเมียร์กรุ๊ป ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ปิแอร์ บรีเบอร์ รองประธานกรรมการของบริษัท เชฟรอน ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท ร็อบ โรเซ็นสไตน์ ผู้ก่อตั้งอโกด้า มูลนิธิซิเมนต์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และคนสวยระดับจักรวาล ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ไซม่อน แห่งมูลนิธิแองเจิล วิงส์
ตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่กลับมาประเทศไทย ปุ๋ยภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ไซม่อน ก็มีกิจกรรมในฐานะเจ้าของมูลนิธิแองเจิล วิงส์ เพื่อเด็กๆ ขาดโอกาสแน่นตลอดทริป เพื่อสานต่อโครงการ “ทุนการศึกษาเพื่อผลิตครูในบ้านเกิด” (ตอนนี้มีผู้ที่ได้รับทุนจำนวน 30 ทุน ซึ่งเป็นทุนที่สนับสนุนการเรียนของผู้ที่ได้รับทุนต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปี จนจบการศึกษาระดับอุดมศึกษา) ซึ่งเป็นโครงการมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนในระดับอุดมศึกษาที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยโครงการนี้ได้ทำเป็นประจำต่อเนื่องทุกปี ตั้งแต่ปี 2553 ช่วยเหลือและสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนไทย เด็กได้รับทุนการศึกษาในโครงการนี้จะต้องกลับไปพัฒนาชุมชนและโรงเรียนในฐานะครูที่มีคุณภาพหลังจบการศึกษา
ในปีนี้ “ปุ๋ย” เริ่มมอบเงินสนับสนุนให้กับ โครงการทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ ด้วยจำนวนเงิน 3 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการสนับสนุนการสอนของอาสาสมัครในโครงการนี้ หนึ่งให้ทีมงาน ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ บัณฑิตจาก Harvard University กล่าวว่า ไม่ได้เป็นครูสอน แต่เป็นผู้ทำงานระดมเงินทุน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายกับการที่ตัวเองอายุ 29 ปี วิชิตพล ผลโภค ผู้บริหาร ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ อายุ 27 ปี แม้จะมีดีกรีนักเรียนนอกจากมหาวิทยาลัยระดับท็อปของโลก ก็กลายเป็นเรื่องยากที่ใครจะคุยเรื่องนี้กับเด็กหน้าใหม่
“แต่กับพี่ปุ๋ยพูดง่ายมากๆ เลยครับ คุยแป๊บเดียวพี่ปุ๋ยให้เงินมาเลย 3 ล้านบาทเมื่อทำงาน และก็ยิ่งทำให้เรามั่นใจว่าองค์กรนี้ต้องไปได้ดี ผมจึงต้องกำหนดทั้งนโยบายและระบบองค์กรให้มั่นคงยิ่งขึ้น โดยการทำให้เด็กรุ่นใหม่ไฟแรงอยากเข้ามาทำงานกับเขามากกว่านี้ครับ” ฟูอาดี้ ลูกชายของสุรินทร์ พิศสุวรรณ บอก
พร้อมทั้งอธิบายว่าครูรุ่นใหม่ไฟแรง เก่งวิชาภาษาอังกฤษ วิทย์ เลข มีผลการเรียนที่ดี และชอบทำกิจกรรมนอกหลักสูตรระหว่างเรียน มีทักษะการสื่อสารที่ดี มีความสามารถในการวางแผน บริหารจัดการ คิดแบบมีวิจารณญาณ (Critical Thinking) มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ให้เกียรติและเข้าใจผู้อื่น มีความมุ่งมั่นอดทนและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของทีช ฟอร์ ไทยแลนด์
“ก่อนหน้านี้ผมทำงานในองค์กรคล้ายๆ กันชื่อว่า“ทีชชิ่ง อินโดนีเซีย”ผมจึงเกิดแรงบันดาลใจว่าทำอย่างไรเราจะมีมูลนิธิแบบนี้ในเมืองไทยบ้าง พวกผมไม่ได้เสนอว่าจะแก้ไขได้ทุกปัญหาการศึกษาไทยได้ทั้งหมดนะครับ แต่ขอบรรเทาเรื่องความขาดแคลนครูซึ่งเป็นปัญหาใหญ่อีกอย่างหนึ่งของการศึกษาไทย ปีนี้ ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ มีครู 33 คน ปีหน้าตั้งไว้ 75 คน และปีต่อไป 150 คน แล้วเมื่อรวมกับศิษย์เก่าซึ่งไปทำงานในองค์กรต่างๆ ผมว่านี่ก็จะเป็นโมเมนตั้มได้อย่างดีเลยนะครับ
เด็กไทยมีปัญหาแค่ไม่กล้าแสดงออกไม่ใช่สมอง อย่างเช่นภาษาอังกฤษ เด็กๆ ไม่กล้าโต้ตอบ ผมคิดว่าครูคือผู้นำความอิสระให้แก่เด็ก ให้เด็กกล้าพูด กล้าคุย กล้าขวนขวายไม่ใช่เรียนอยู่แต่ในห้อง ภาษาอังกฤษจะสนุกมากถ้าเรียนจากหนัง เรียนฟังจากเพลง ผมจบจากHarvard Universityก็ไม่ใช่เด็กเก่งนะครับ (บอกพร้อมรอยยิ้ม) แต่อยู่ตรงไหนก็ต้องทำให้ดีที่สุดในตรงนั้น เพื่อนๆ ผมบางคนที่ฮาร์วาร์ดก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมาย แล้วที่สำคัญที่สหรัฐ คำว่า“โอกาส”เปิดรับทุกคนตลอดเวลา ครูของผมไม่ได้สอนเพื่อให้สอบแต่สอนเพื่อให้ผมคิด พวกเราจึงอยากทำโอกาสนั้นให้เกิดในเมืองไทยด้วย”ฟูอาดี้ บอกทิ้งท้ายอย่างมีไฟ


