posttoday

ศรีลังการากแห่งพระพุทธศาสนา กับกาลเวลาสองพันปี

21 มิถุนายน 2557

บรรดาดินแดนพระพุทธศาสนาในโลกนี้ ดูเหมือนว่าประเทศศรีลังกานั้น จะมีความใกล้ชิดกับดินแดนต้นกำเนิด

บรรดาดินแดนพระพุทธศาสนาในโลกนี้ ดูเหมือนว่าประเทศศรีลังกานั้น จะมีความใกล้ชิดกับดินแดนต้นกำเนิดพระพุทธศาสนา อย่างประเทศอินเดียและประเทศเนปาลมากที่สุด ทั้งในแง่ของทำเลที่ตั้ง เชื้อชาติ อารยธรรม และความเชื่อมโยงทางพระพุทธศาสนา จึงมีความน่าสนใจ ทั้งในส่วนของประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว และศาสนา

ประเทศศรีลังกาตั้งอยู่ในอนุทวีปอินเดีย ซึ่งประกอบไปด้วย ปากีสถาน อินเดีย บังกลาเทศ ภูฏาน เนปาล พม่า และพื้นที่บางส่วนของจีน อิทธิพลของพุทธศาสนาในอินเดียและเนปาล จึงมีอิทธิพลหลักต่อความเชื่อและความศรัทธาของผู้คนในแถบนี้เป็นอย่างมาก ในปัจจุบันพระพุทธศาสนาในศรีลังกา แบ่งออกเป็น 3 นิกายสำคัญ คือ นิกายสยามวงศ์ มีผู้นับถือมากที่สุด รองลงมาคือ อมรปุรนิกาย และรามัญนิกาย ในขณะเดียวกันประเทศไทยก็ได้รับอิทธิพลพระพุทธศาสนาจากศรีลังกาในรูปแบบของนิกายลังกาวงศ์ ซึ่งมีอิทธิพลหลักในการก่อสร้างศาสนสถาน อย่างเช่น เจดีย์ระฆังคว่ำแบบลังกานั่นเอง พระพุทธศาสนาในศรีลังกาจึงมีความใกล้ชิดและเชื่อมโยงกับพระพุทธศาสนาในไทยเป็นอย่างมาก ทำให้ที่ผ่านมาเรามีการศึกษาแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ทางพระพุทธศาสนา และยังรวมถึงการมีคนไทยจำนวนมากเดินทางไปทั้งท่องเที่ยวและไปปฏิบัติธรรมในประเทศศรีลังกาอีกด้วย

ศรีลังการากแห่งพระพุทธศาสนา กับกาลเวลาสองพันปี

 

เมืองแคนดี้ศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาในศรีลังกา ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองโคลัมโบ ประมาณ 100 กิโลเมตร ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 23 ชั่วโมง เพราะถนนค่อนข้างคับแคบ และพลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่สัญจรไปมา เมืองแคนดี้เดิมชื่อว่า “ขันธะ” เมืองซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในดินแดนลังกา โดยพระสมณทูตจากดินแดนสยาม ซึ่งวัดดาลดา มาลิเกวา เคยใช้เป็นสถานที่อุปสมบทกุลบุตรชาวลังกา 3,000 รูป เมื่อครั้งพระสมณทูตจากดินแดนสยามเดินทางมาทำพิธีอุปสมบทเพื่อฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในดินแดนนี้

ศรีลังการากแห่งพระพุทธศาสนา กับกาลเวลาสองพันปี

 

ปัจจุบัน วัดแห่งนี้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาในประเทศศรีลังกา ซึ่งเป็นวัดในสายของนิกายสยามวงศ์ ภายในวัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ ในส่วนที่เป็นพระทันตธาตุหรือเขี้ยว ซึ่งเป็น 1 ใน 4 พระทันตธาตุ ที่มีการจารึกไว้ในพุทธประวัติ พุทธศาสนิกชนชาวศรีลังกาเชื่อกันว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องมาสักการะพระธาตุเขี้ยวแก้วที่วัดแห่งนี้ ซึ่งก็รวมถึงพุทธศาสนิกชนชาวไทย ที่หลั่งไหลเดินทางมาสักการะเป็นจำนวนมาก จึงคุ้นเคยกับวัดแห่งนี้เป็นอย่างดี และมักจะเรียกวัดแห่งนี้ว่า “วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว” ทุกๆ วัน ทางวัดจะเปิดให้สักการะพระธาตุเขี้ยวแก้ววันละ 2 เวลา คือ ช่วงเช้าและช่วงบ่าย ซึ่งแต่ละช่วงจะเปิดเพียง 12 ชั่วโมงเท่านั้น

ศรีลังการากแห่งพระพุทธศาสนา กับกาลเวลาสองพันปี

 

ในทุกๆ ปี เมืองแคนดี้นั้นจะมีการจัดเทศกาลแห่พระธาตุเขี้ยวแก้ว หรือเทศกาลเพราเฮรา ซึ่งเป็นหนึ่งในเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และมีสีสันที่สุดในประเทศศรีลังกา ซึ่งมักจะจัดขึ้นประมาณเดือน ส.ค.ต.ค. ไม่กำหนดวันที่แน่นอน ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่สนใจจะเข้าร่วมเทศกาลนี้ จะต้องคอยเช็กวันและเวลาล่วงหน้า รวมไปถึงการจองโรงแรมที่พักที่มีอยู่อย่างจำกัดอีกด้วย

ศรีลังการากแห่งพระพุทธศาสนา กับกาลเวลาสองพันปี

 

ตลอดระยะเวลาที่พระพุทธศาสนาดำเนินบนดินแดนลังกานั้น ล้วนผ่านอุปสรรคและบททดสอบนานับประการจนเกือบจะสูญหายไป จากอิทธิพลของชาติล่าอาณานิคมตะวันตก ดังนั้นพุทธศาสนิกชนชาวศรีลังกาจึงมีความหวงแหนพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก การอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ในศรีลังกานั้น ไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถเป็นได้ เพราะจะต้องมีการกลั่นกรองอย่างละเอียดและต้องศึกษาพระธรรมวินัยอย่างน้อย 1 ปี เพื่อคัดกรองบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมากที่สุด ดังนั้นพระสงฆ์ในประเทศนี้จึงมีจำนวนไม่มาก ในขณะเดียวกันพุทธศาสนิกชนชาวศรีลังกากลับมีวิถีปฏิบัติที่เรียบง่าย ไม่มีพิธีรีตองมากมาย แต่เน้นความสม่ำเสมอ วัดพุทธในประเทศนี้ส่วนมากมีขนาดไม่ใหญ่และมีพระสงฆ์จำวัดเพียงไม่กี่รูป ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือจากชาวบ้านเป็นอย่างมาก

เมื่อถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา อย่างเช่น วันวิสาขบูชา ครอบครัวชาวศรีลังกาจะนุ่งขาวห่มขาวไปวัด เพื่อประกอบศาสนกิจในช่วงเช้า พิธีก็จะเริ่มต้นขึ้นด้วยการสวดมนต์ ซึ่งพุทธศาสนิกชนที่นี่จะเปร่งเสียงสวดมนต์ไปพร้อมๆ กัน หลังจากเสร็จพิธีในวัดแล้ว ชาวศรีลังกาก็จะร่วมกันบริจาคเงิน ร่วมถึงลงแรงช่วยกันจัดเตรียมอาหารและน้ำดื่ม เพื่อแจกจ่ายผู้คนที่สัญจรไปมาตามท้องถนน เพราะเชื่อกันว่าการให้ทานในวันวิสาขบูชา ถือเป็นทานอันยิ่งใหญ่ นอกจากนั้นในยามค่ำคืน เมืองทั้งเมืองจะประดับประดาด้วยสีสันของซุ้มไฟโตรนะ ที่จัดแสดงเรื่องราวทางพุทธประวัติ ดัดแปลงมาจากภาพการประสูติพระเยซู สาเหตุที่ต้องทำเช่นนั้น ก็เพราะว่าในยุคอาณานิคม ศาสนาพุทธถูกกีดกันจากเจ้าอาณานิคม พุทธศาสนิกชนที่นี่จึงต้องดัดแปลงให้มีความคล้ายคลึงกับวิถีปฏิบัติทางศาสนาของเจ้าอาณานิคม

ศรีลังการากแห่งพระพุทธศาสนา กับกาลเวลาสองพันปี

 

พระพุทธศาสนาในศรีลังกานั้น ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายยุคหลายสมัย ซึ่งความเชื่อและความศรัทธาที่ฝังรากลึกของพุทธศาสนิกชนชาวศรีลังกา ได้ทำให้พระพุทธศาสนาในดินแดนแห่งนี้ยังคงอยู่และสืบต่อไป ดังเช่นคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า “สังขารคือสิ่งที่มีอยู่และดับไป ส่วนความดีนั้น คือสิ่งที่จะอยู่ตลอดไปไม่มีวันดับ”

ข่าวล่าสุด

“สีหศักดิ์” เตรียมประชุมอาเซียนนัดพิเศษที่มาเลเซีย ถกปมกัมพูชา 22 ธ.ค.นี้