เปลี่ยนการพูดตื้นเขิน เป็นสนทนาเชิงลึก
โดย...หนูดีวนิษา เรซ
โดย...หนูดีวนิษา เรซ
วิธีพูดของเรามีผลกับสมองมากนะคะ เพราะว่าคำพูดเป็นเหมือนสิ่งที่ให้ “ความคิด” ไปเกาะ เพราะความคิดจะอยู่ด้วยตัวเองลำบากหากไม่มีคำพูด ภาษา หรือภาพเคลื่อนไหวให้ความคิดไปเกาะอยู่ด้วย
คำพูด เป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก และเป็นหนึ่งในประตูด่านแรกของ “ความรัก” เลยทีเดียว
ฉบับนี้หนูดีมีเทคนิคสนุกๆ มาแชร์สำหรับคนที่อยากจะ “ชวนคุย” แต่ชวนคุยไม่เป็น ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนจากการคุยกันเบาๆ ตื้นเขินแบบที่ฝรั่งเรียกว่า Small Talk ไปสู่การพูดคุยกันแบบลึกๆ ที่เรียกกันว่า Deep Conversation กับคนที่เราสนใจได้อย่างไร
ข้อมูลที่จะเล่าต่อไปนี้ หนูดีนำมาแชร์มาจากหนังสือเล่มล่าสุดที่หนูดีเพิ่งได้มา ชื่อว่า How to Make Anyone Fall in Love with You โดย Leil Lowndes ซึ่งพูดถึงงานวิจัยต่างๆ เกี่ยวกับคนที่ตกหลุมรักหรือตกอยู่ในห้วงรัก ว่าเขาทำตัวอย่างไร มีพฤติกรรมและวิธีคิดแตกต่างจากคนที่ไม่อยู่ในห้วงรักอย่างไร แต่เทคนิคหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ ก็คือ การเปลี่ยนการสนทนาที่ตื้นเขิน ไปสู่การสนทนาแบบลึกๆ ที่เราจะได้รู้จักคนคนนั้นจริงๆ
สมมติว่ามีสถานการณ์หนึ่งที่ทำให้เรามีโอกาสได้เจอคนที่เราถูกใจ แต่เราไม่เคยได้รู้จักคนคนนั้นมาก่อนเลย และเราอยากใช้เวลาเพียงน้อยนิดที่บังเอิญได้มาเจอกัน เพื่อทำความรู้จักเขาให้ไวที่สุด เผื่อดูว่าเราควรจะสานสัมพันธ์กันต่อไปหรือเปล่า
หากเราเป็นคนที่เกิดมาโชคดี คุยกับคนแปลกหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ก็ถือว่าเราโชคดีไป แต่หากเราเหมือนคนทั่วๆ ไปที่เคอะเขิน ไม่รู้จะกล่าวประโยคอะไรต่อไปดี ลองมาดูวิธีที่จะแนะนำต่อไปนี้นะคะ
เทคนิคนี้เรียกว่า “เทคนิคเก็บลูกเชอร์รี่” หรือตามคำพูดนักเขียนคือ Cherry Picking Technique
นั่นคือ ในประโยคของคนที่เราสนใจนั้น จะมี “คำกุญแจ” หนึ่งคำ ที่ให้เราสามารถหันเหการสนทนา จากการพูดคุยสัพเพเหระ ไปเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตอีกฝ่ายแบบลึกๆ ได้ไม่ยากเย็นเลยค่ะ
สมมติสถานการณ์แบบนี้
สมมติว่าคุณเป็นผู้ชาย และเย็นวันหนึ่งหลังเลิกงานคุณกำลังเดินกลับบ้าน และจู่ๆ ฝนก็เทกระหน่ำลงมา (ช่วงนี้เกิดบ่อยเลยนะคะ เตรียมตัวไว้ด้วยค่ะ) พอฝนเท ร่มก็ไม่มี เดี๋ยวแล็ปท็อปเปียก อย่ากระนั้นเลย วิ่งเข้าไปหลบในร้านกาแฟที่ติดแอร์ดีกว่า
นั่งลงสั่งกาแฟ เก็บของ เช็ดน้ำออกจากชุดทำงาน คุณก็หันไปเห็นสาวในฝันของคุณนั่งอยู่เก้าอี้ติดกันเลย ต่างคนต่างมองหน้ากันแล้วคุณก็ยิ้มให้เธอ
“ฝนตกหนักเหมือนกันนะครับ” คุณเปิดการสนทนา
“ใช่ค่ะ ตกหนักเลย” สาวในฝันของคุณยิ้มให้แบบคนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
“คุณมาที่นี่บ่อยไหมครับ”
“ไม่บ่อยหรอกค่ะ วันนี้ ก็แค่เข้ามาหลบฝนเท่านั้นเอง”
การสนทนาดูจะดำเนินไปด้วยดี แต่น่าเสียดายว่า จังหวะของมันเริ่มช้าลง และคุณเองก็ไม่รู้ที่จะไปต่อทางไหนดี
“ฝนตกไม่หยุดจริงๆ เลยนะครับ”
บทสนทนาหลุดไปจากเรื่องฝนไม่ได้ เพราะคุณไม่รู้จะหันเหบทสนทนาไปทางไหนดี ระหว่างที่กำลังคิดแบบหัวหมุนติ้ว อีกฝ่ายก็บอกว่า
“แหม แต่อย่างน้อยฝนตกหนักอย่างนี้ ก็ดีกับต้นไม้นะคะ”
คุณยิ้ม และเธอก็หันมายิ้มตอบ และต่างคนต่างก็มองออกไปนอกหน้าต่างดูสายฝนที่กระหน่ำลงมาแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้งใดๆ
ต่างคนต่างเงียบไป และคุณก็ไม่ชัวร์ว่าจะพูดอะไรต่อดี บทสนทนาจบลงดื้อๆ อย่างน่าเสียดาย ทั้งๆ ที่ใจคุณบอกว่า
อยากรู้จักเธอต่อจังเลย อยากคุยอะไรที่มันจะทำให้รู้จักกันมากกว่านี้ ถ้าคุยกันได้เยอะๆ ก็ดีสิ จะได้รู้ว่าเธอเป็นคนอย่างไร และเธอเองก็จะได้รู้จักฉันมากขึ้นกว่านี้ด้วย เพราะเธอดูถูกใจฉันมากจริงๆ
จริงๆ แล้ว เราสามารถดึงการสนทนาจากตื้นเขินไปเป็นการสนทนาเชิงลึกได้ตลอดเวลา โดยการมองหา “คำหนึ่งคำ” ซึ่งคุณ Leil Lowndes เรียกว่า “ลูกเชอร์รี่”?
นั่นก็คือ คำที่เมื่อเราหยิบออกมาเพียงคำเดียวแล้ว มันจะสามารถกลายเป็นอีกหนึ่งหัวข้อสนทนาเชิงลึกได้ เหมือนเก็บเม็ดเชอร์รี่มาปลูกและมันก็เติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาชื่นใจกับเรา
สำหรับในกรณีที่ยกตัวอย่างให้ดูนี้ คำที่เป็นลูกเชอร์รี่ก็คือคำว่า “ต้นไม้”
เพราะในล้านสิ่งที่เธอสามารถเลือกมาหยิบยกพูดถึงได้ เธอกลับเลือกคำว่า “ต้นไม้” นั่นแปลว่า ลึกๆ แล้วคำนี้มีความหมายกับเธอมาก
ทันทีที่ได้ยินคำนี้ หากคุณเป็นคนมีทักษะเรื่องการสนทนา คุณจะรีบฉวยโอกาสนี้ทันที แล้วถามต่ออย่างฉับไวว่า
“เหรอครับ แล้วคุณชอบปลูกต้นไม้เหรอครับ”
หรือ
“ที่บ้านปลูกต้นไม้เยอะเหรอครับ”
หรือ
“คุณปลูกผักเหรอครับ”
เธออาจจะมีสวนขนาดใหญ่ หรืออาจจะเพิ่งเริ่มทดลองปลูกผัก หรือเธออาจจะอยู่ในคอนโดและมีสวนกระถางเล็กๆ ที่เธอรักมาก หรือเธออาจจะเพิ่งเริ่มต้นปลูกกระบองเพชรในสวนถาด
ของแบบนี้ ไม่ถามไม่รู้หรอกค่ะ
และอีกฝ่ายอยู่ดีๆ ก็จะไม่พูดออกมาก่อน ซึ่งหากเราไม่ถาม โอกาสที่จะได้รู้จักกันก็อาจจะผ่านเลยไป และเราอาจจะพลาดได้รู้จักคนที่จะมีความสำคัญในชีวิตของเราไปอย่างน่าเสียดาย
หนูดีเองพบว่า เทคนิคนี้มีประโยชน์มากแม้นอกโลกของ “การเดท” เพราะอาชีพของหนูดีต้องมีโอกาสได้เจอกับคนมากมาย หลากหลาย และหลายครั้งหนูดีพบว่า เรากำลังนั่งอยู่กับคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันครั้งแรก และต่างฝ่ายต่างก็อยากคุยกัน แต่หากเรานิ่งๆ เขาก็นิ่งๆ ทุกอย่างก็จะนิ่งไปหมด และบทสนทนาก็ตัน ทำให้เราไม่ได้มีโอกาสได้รู้จักกันนอกจากนั่งมองหน้ากันไปมาและยิ้มให้กัน
แต่หากเราช่างสังเกตและเรียนรู้ที่จะดึง “คำหนึ่งคำ” ออกมาจากประโยคของเขา เราก็สามารถจะทำให้การสนทนาเบาๆ กลายเป็นการสนทนาเชิงลึกที่ทั้งสองฝ่ายรู้สึกพึงใจ มีความสุข และอยากรู้จักกันเพิ่มต่อไปในที่สุดค่ะ


