เบื้องหลังนางงาม กว่าจะสวยเป๊ะ กระชากใจสื่อ
ช่วงนี้กระแสนางงามกำลังอินเทรนด์ มีข่าวคราวให้คอนางงามได้ติดตามไม่ขาดสาย เร็วๆ นี้
โดย...ยูนอา ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์
ช่วงนี้กระแสนางงามกำลังอินเทรนด์ มีข่าวคราวให้คอนางงามได้ติดตามไม่ขาดสาย เร็วๆ นี้ จะมีการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่งมีการเปลี่ยนตัวผู้ดำรงตำแหน่งมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส พอส่องดูละครไทย ก็มีละคร “ปีกมงกุฎ” ที่เนื้อหาตีแผ่เบื้องหลังนางงาม ออกอากาศทางช่อง 7 พอดี
โลกความจริง กับ โลกในละคร จะดราม่าเหมือนกันหรือไม่ มีแต่คนในวงการเท่านั้นที่รู้ แต่เชื่อเถอะว่า เบื้องหลังความสวยงาม กว่าจะไต่บันไดดาวไปสู่จุดที่ผู้หญิงหลายคนใฝ่ฝัน ต้องอาศัยแรงกาย แรงใจมหาศาล
นางงามสวยต้องทน
เมื่อเร็วๆ นี้ “โพสต์ทูเดย์” ได้มีโอกาสตามสาวงาม 28 คนสุดท้ายที่เข้าประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ไปเก็บตัวเป็นเวลา 4 คืน 5 วัน ที่ อ.เขาหลัก จ.พังงา ได้เห็นการปฏิบัติภารกิจตามแบบฉบับของสาวงามตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ทำให้ได้เห็นภาพความอึด ถึก ทน ของสาวงามทั้ง 28 คน จนอดถามไม่ได้ว่า ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ถึงมีรอยยิ้มสวยๆ ได้ตลอดเวลา แม้อากาศจะร้อนและชื้นในวันครึ้มฟ้าครึ้มฝน ต้องเดินบนส้นสูง 56 นิ้วทั้งวัน แถมยังได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน
จ๊ะจ๋าภัทรียา จิตจำเริญ ผู้เข้าประกวดหมายเลข 2 บอกว่า เตรียมรองเท้าผ้าใบ 2 คู่ ทั้งแบบส้นเตี้ยสำหรับออกกำลังกาย และส้นสูงสำหรับทำกิจกรรม ส่วนรองเท้าส้นสูง จัดมา 3 คู่ ทั้งสีดำ ครีม เงิน สูงคู่ละ 45 นิ้ว ถามว่า ใส่ส้นสูง เพื่อให้ดูสง่า ขาเรียว มีอาการปวดตามมาหรือไม่ สาวสวยตอบทันทีว่า กลางคืนเข้าห้องพัก บางครั้งก็เป็นตะคริวเหมือนกัน ก็อาศัยนวดเท้าบรรเทาอาการไป
“ส่วนใบหน้า ซึ่งเป็นอาวุธสำคัญของสาวงาม จ๊ะจ๋า บอกว่า เสร็จภารกิจแต่ละวัน จะเอาโยเกิร์ตรสธรรมชาติ กินครึ่งนึง อีกครึ่งพอกหน้า 10 นาที ระหว่างนั้นก็เอาขมิ้นกับมะขามเปียกมาขัดผิวอีก 10 นาที เพื่อให้ผิวดูผ่อง สูตรนี้ได้จากคุณแม่ เพราะมะขามเปียกช่วยขจัดเซลล์ผิว ส่วนขมิ้นช่วยบำรุงผิว”
ขณะที่ แจ๊คกี้ ลอว์เลส ผู้เข้าประกวดหมายเลข 1 บอกว่า ถึงจะมาเก็บตัว แต่ก็ยังตื่นเช้ามาเข้าฟิตเนส 30 นาที ก่อนไปแต่งหน้าทำผม แทบทุกวัน เพราะอยากให้รูปร่างดูสวยที่สุด โดยเฉพาะวันที่ต้องถ่ายชุดว่ายน้ำ แจ๊คกี้ บอกว่า ตั้งแต่มาเก็บตัวยังไม่ได้ชั่งน้ำหนักเลย เพราะเธอบอกว่าตัวเลขบนหน้าปัดเครื่องชั่งไม่สำคัญเท่าสัดส่วนที่ดูสมส่วน
“เพื่อความสวย ทุกคืนจะพยายามไดร์ผมให้เรียบที่สุดก่อนนอน เพราะเป็นคนผมเยอะและฟู เลยต้องเตรียมตัวก่อน ช่วงเช้าจะมีเวลาน้อย จะได้ไม่ต้องใช้เวลาทำผมนาน ส่วนเวลาแต่งหน้า แจ๊คกี้จะเน้นตรงสันจมูกให้ดูมีสัน กับดวงตา แต่งให้ดูตาหวาน”
ถามว่า มั่นใจแค่ไหนกับการประกวดครั้งนี้ แจ๊คกี้ บอกว่า มาถึงตรงนี้ก็เกินที่ฝัน เธอบอกว่า สิ่งที่ชอบที่สุดคือ บรรยากาศตอนมาเก็บตัว เพราะเหมือนได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ สุดท้ายแล้วจะได้ตำแหน่งหรือไม่ เธอไม่รู้ แต่เธอก็ทำเต็มที่ เพราะด้วยอายุ ปีนี้จึงเป็นปีสุดท้ายที่มีสิทธิจะเข้าประกวด
พี่ๆ สื่อ...สนใจ(พวก)หนูหน่อย
นอกจากจะแต่งหน้า ทำผมมาแบบจัดเต็มแล้ว การเรียกความสนใจจากพี่ๆ สื่อมวลชนให้ถ่ายภาพ ก็เป็นอีกหนึ่งสีสันของการเก็บตัวนางงาม แต่ละคนจะมีวิธีพิชิตใจพี่ๆ สื่อแต่ละคนอย่างไร อันนี้เป็นเทคนิคเฉพาะตัว
แคร์ฉัตรฑริกา สิทธิพรม ผู้เข้าประกวดหมายเลข 9 บอกว่า มุมสวยเวลาต้องออกกล้อง คือ การเอียงหน้าไปทางขวา 45 องศา พร้อมเท้าสะเอวโชว์หมายเลขเข้าประกวด ส่วนวิธีพิชิตใจนักข่าวของสาวหน้าหวาน คือ พยายามยิ้มเยอะๆ และไม่แสดงสีหน้าว่าเหนื่อยจากกิจกรรมต่าง แม้ว่าในใจจะมีเหนื่อยบ้างก็ตาม
ด้าน เอลลี่วโรชาสิริ ทรงชน ผู้เข้าประกวดหมายเลข 25 บอกว่า วิธีที่จะทำให้ได้เข้ากล้องมากที่สุด คือ พยายามเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ เวลาพี่เลี้ยงหานางงามอาสาสมัครทำกิจกรรมที่เราทำได้ ก็จะพยายามทำ ส่วนรอยยิ้มมัดใจ คือ ยิ้มหน้าตรง ออกมาจากใจและสื่อด้วยตา
“พกขนตาปลอมมา 36 คู่ มี 3 แบบ ทั้งหนามาก กลางๆ และแบบไล่ระดับ แบบที่เหมาะกับเอลลี่มากที่สุด คือ แบบไล่ระดับ เพราะทำให้ตาดูหวาน ไม่ดุเหมือนติดขนตาแบบเส้นตรง แต่ก็พกมาเผื่อไว้ ส่วนเครื่องสำอางก็จัดมาทุกสี ทุกเฉด เพราะบางวันเอลลี่แต่งหน้าเอง ทำผมเอง”
เวทีนางงาม คือพื้นที่อันทรงเกียรติ
ไข่มุกนันท์นภัส วิทยาเรืองสุข ผู้เข้าประกวดหมายเลข 23 สาวงามที่เพิ่งอกหักจากเวทีมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ก็มาสมัครเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ทันที เพราะอยากเดินตามความฝันต่อ เธอมองว่า ผู้หญิงที่เหมาะกับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ต้องสวยทั้งภายในและภายนอก บุคลิกดี ที่สำคัญต้องคงเอกลักษณ์ความเป็นไทย
ด้าน เมญ่านนธวรรณ ทองเหล็ง ผู้เข้าประกวดหมายเลข 12 เจ้าของตำแหน่ง “ขวัญใจสื่อมวลชน” จากเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์เมื่อ 2 ปีก่อน กล่าวด้วยความมั่นใจว่า ค่อนข้างคาดหวังกับการประกวดครั้งนี้ และเธอยังมองภาพตัวเองไปไกลถึงการได้เป็นตัวแทนประเทศไทยที่จะได้ไปสู่กับนางงามประเทศอื่น เพราะเป็นสิ่งที่ตั้งใจ
“2 ปีที่ผ่านมา เมญ่าศึกษาเวลานางงามของหลายๆ ประเทศ เพื่อดูลุคนางแบบที่ถูกใจกรรมการต่างชาติ นั่นคือ ลุคของสาวฟิลิปปินส์ ผิวแบบเอเชีย ซึ่งเมญ่าว่า ถ้าเทียบกับเวทีคนไทย อาจจะยังติดกรอบว่า นางงามต้องผิวขาวเท่านั้น”
ถามถึงความศรัทธาที่มีต่อเวทีการประกวดสาวงาม เมญ่า ตอบอย่างฉะฉานว่า ไม่เคยลดความศรัทธาที่มีให้กับเวทีนางงาม เพราะเป็นเวทีที่สูงส่ง เป็นฝันและแรงบันดาลใจของเด็กผู้หญิงหลายๆ คน วันที่ได้สวมมงกุฎ เหมือนเป็นวันที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง
จากใจพี่เลี้ยงนางงาม
หนึ่งในพี่เลี้ยงนางงามที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ แต่ทำหน้าที่นี้มา 8 ปีแล้ว เล่าถึงการทำงานของพี่เลี้ยงนางงามว่า ปีนี้มีพี่เลี้ยง 5 คน แบ่งน้องเป็น 3 ทีม โดยพี่เลี้ยงจะหมุนเวียนไปเรื่อยในแต่ละวันเพื่อให้รู้จักกับน้องๆ ทุกคน
หน้าที่ของพี่เลี้ยง คือ ดูแลความเรียบร้อยของน้องๆ เพราะน้องต้องออกสื่อ ทุกอย่างที่ออกกล้องต้องดูดี เราต้องช่วยดูอะไรที่น้องอาจจะไม่เห็น สำหรับเวทีนี้จะเก็บโทรศัพท์น้อง ดังนั้นตอนเช้าน้องจะไม่มีนาฬิกาปลุก เราต้องโทรไปปลุก หลังเสร็จกิจกรรมแต่ละวัน เราจะให้น้องๆ โทรศัพท์กลับบ้าน 1020 นาที
“สาเหตุที่ต้องเก็บมือถือ เพราะเหมือนเด็กไปโรงเรียน ถ้าเด็กใช้มือถือก็จะไม่ฟังเรา และเราอยากให้น้องตั้งใจกับทุกกิจกรรม ไม่มัวเล่น เพราะเด็กสมัยนี้ก็ติดโซเชียล ที่สำคัญ น้องจะโพสต์รูปได้ แต่ช่วงทำกิจกรรมระหว่างวันเราไม่อยากให้มีรูปไม่สวยออกไป บางทีน้องถ่ายตัวเอง แต่ติดเพื่อนข้างหลัง ซึ่งอยู่ในท่าไม่สวยงาม”
ในการเก็บตัว พี่เลี้ยงต้องมีวิธีจูงใจ เช่น พาไปเซเว่นฯ ให้ใช้โทรศัพท์ ถามว่ามีนางงามขี้วีนมั้ย พูดจากประสบการณ์รวมๆ หลายปี ก็มีบ้าง พี่เลี้ยงก็จะใช้วิธีตักเตือนน้องให้รู้ถึงความหวังดีของเราจริงๆ
“เสน่ห์ของงานนี้ คือ สนุก ได้เจอน้องใหม่ๆ ทุกปี แต่ก็ต้องเสียใจทุกปี เพราะเราต้องดูแลคนที่ได้ตำแหน่งไป 1 ปี พอผ่านไป ก็ต้องจากกัน ไปเจอคนใหม่”


