โอฬาริก ขุนสิทธิ์ เสียงดี มีดวงรวย 10 ล้าน
เสร็จสิ้นไปแล้วกับการประกวดการแข่งขันเพลงรูปแบบใหม่ รายการ The Winner is ซีซั่นแรก
เสร็จสิ้นไปแล้วกับการประกวดการแข่งขันเพลงรูปแบบใหม่ รายการ The Winner is ซีซั่นแรก ซึ่งมีเงินรางวัลสูงถึง 10 ล้านบาท โดยผู้ที่คว้ารางวัลนี้ไปคือหนุ่มนักการตลาดหน้าคมเข้มวัย 27 ปี โอ-โอฬาริก ขุนสิทธิ์ เขาเป็นใครมาจากไหน มารู้จักเขาให้ใกล้ชิดกันอีกสักนิดดีกว่า
ดนตรี คือ ชีวิต
โอ โอฬาริก เล่าว่า เขาเป็นคนหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จนเรียนจบมัธยมปลายก็มาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แล้วมาต่อปริญญาโท ที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก มาชัดเจนมุ่งมั่นเมื่อตอนอายุ15 ปี ถ้ามีงานโรงเรียน งานในครอบครัว เพื่อนฝูงญาติมิตรต่างก็มักจะขอให้เขาขึ้นร้องเพลงมาโดยตลอด เรียกว่ากิจกรรมทางด้านดนตรีนั้นไม่เคยขาดหายไปจากชีวิต ช่วงไหนว่างก็เข้าห้องซ้อมดนตรีกับพี่ชายและเพื่อนๆ พี่ชายรับหน้าที่ร้องนำ ส่วนใหญ่จะเป็นแนวเพลงอาร์แอนด์บี ถือว่าถนัดที่สุด ส่วนลูกทุ่ง ลูกกรุง ก็ได้เหมือนกัน
ตอนวัยรุ่นมักจะเป็นเวทีเล็กแถวบ้าน จนกระทั่ง เข้าสู่วัยหนุ่มเรียนจบปริญญาตรีเขาก็เริ่มมุ่งมั่นจริงจัง เริ่มเข้าประกวดในเวทีระดับประเทศไม่ว่าจะเป็นเคพีเอ็น, เดอะ สตาร์, เอเอฟ แม้กระทั่ง เดอะวอยซ์ แต่ก็ไม่เคยเข้ารอบลึก จากเวทีไหนเลย เรียกว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมาเขาเดินสายสมัครประกวดร้องเพลงมาจนอ่อนใจ แต่ก็ไม่เคยท้อ เรียกว่าสู้ไม่ถอย เวทีไหนไม่มีข้อจำกัดเรื่องอายุเขาก็เข้าสมัครไปเรื่อยจนกว่าความฝันจะสำเร็จลุล่วง
"มีบ้างนะครับที่แอบท้อถอยหมดกำลังใจเป็นครั้งคราว จนกระทั่งเมื่อ3 ปีที่แล้ว พี่สาวอยู่ที่หัวหินเขาเห็นเราหมดหวังไม่สบายใจ ก็เลยพาไปดูหมอคนหนึ่ง เป็นหมอดู ไพ่ป่อก เปิดไพ่มาเขาทักคำแรกว่าเสียงดีนะเรา แต่ตอนนี้จังหวะชีวิตยังไม่ใช่ของเรา ต้องรอไปก่อน อย่าหยุด อย่าท้อนะ ให้ลองไปเรื่อยๆแล้วจะได้ดี ในที่สุด เขาบอกไม่เกิน 2 ปี เราจะมีลาภจากเสียง ความสามารถของเรา ผมก็เลยมีกำลังใจฮึดสู้ ขึ้นมาอีกครั้ง" เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในที่สุดผลแห่งความเพียรพยายาม เขาก็ สามารถชนะการประกวดร้องเพลงได้แชมป์จาก CU Singing Contest 2013 ที่จัดโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ2 ปีที่แล้ว คว้าเงินรางวัลเบาๆ มา 1 หมื่นบาทชีวิตของเขาช่วงนั้นก็คือ วันธรรมดาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่การตลาดอยู่ที่บริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง วันหยุดก็ซ้อมร้องเพลงบ้าง ร้องคาราโอเกะบ้าง เพื่อนๆชอบให้เขาร้องเพลง เพื่อนจะได้เต้นกัน
โอ คิดว่า ดนตรีนั้นคือชีวิตของเขา มันเป็นลมหายใจ การร้องเพลงทำให้มีความสุข สร้างสมาธิที่ดีแก่เขา ไม่มีวันไหนที่เขาไม่ร้องเพลงเลย อยู่ที่บ้าน อยู่ในห้องน้ำ อยู่ในรถ ก็ร้องเพลงมันเรื่อยไป
ต้องสู้จึงจะชนะ
กลยุทธ์สู่ความสำเร็จที่ทำให้ โอฬาริก มาถึงวันนี้ได้ เขาไม่ได้มีอะไรพิเศษ กุญแจแห่งความสำเร็จของเขาก็คือ ซ้อมให้มากและฟังให้เยอะ ที่เขาทำมาตลอดเวลาก็คือร้องเพลงให้มากที่สุดทุกๆ ที่ที่มีเวลาและโอกาส ไม่มีวันไหนที่เขาไม่ได้ร้องเพลง จะร้องเล่นร้องจริงก็ต้องร้องอยู่เสมอ พร้อมๆ กับฟังให้มากด้วย โดยเขามีศิลปินในดวงใจเป็นนักร้องผิวสีหลายคน เช่น ไมเคิล แจ็กสัน, ไบรอัน แม็คไนท์, อาร์ เคลลี ฯลฯ
หลังจากที่ผิดหวังมาจากการเข้าสมัครประกวดร้องเพลงในหลายเวที จนกระทั่งมาถึงเวที The Winner is ที่เขาสามารถฝ่าฟันจากผู้สมัครเกือบ 1,000 คน เข้าสู่ 64 คนสุดท้าย จนกระทั่งเข้ามาสู่ 8 คนสุดท้ายในรอบลึกสุด "ในรายการนี้ถ้าเข้ารอบตลอด 8 สัปดาห์จะต้องร้องทั้งหมด 6 เพลง ผมตั้งใจไว้เลยว่า 1-3 เพลงแรกถ้าผ่านเข้าไปได้ 3 อาทิตย์ ผมจะไม่หวั่นไหวกับเงินที่พิธีกรเสนอให้รับแล้วกลับบ้าน โดยมูลค่าเงินสูงสุดที่เขาปฏิเสธคือในวีกที่ 4 คือ 2 แสนบาท ยิ่งเข้ารอบลึกผมก็ยิ่งตั้งใจมากที่จะทำให้ดีขึ้น มั่นใจมากขึ้น คิดว่ายังไงก็จะพยายามทำให้ถึงที่สุดวัดดวงกันไปเลย" เขากล่าวอย่างมุ่งมั่น
เขาเล่าต่อไปว่า พอเริ่มมาสมัครที่เวทีนี้ พี่สาวก็ชวนกลับไปดูหมอดูคนเดิมอีกครั้ง เขาก็ทักมาว่าจะได้ลาภใหญ่จากความสามารถของตัวเอง ก็เลยแบบว่ากำลังใจมาเลย มุ่งมั่นไม่หวั่นไหวกับตัวเลข สู้ให้ถึงที่สุด และแล้วก็เข้าสู่ 2 คนสุดท้ายและได้แชมป์กับ เงินรางวัล 10 ล้านบาทมาครอง จากเพลง I Believe I Can Fly ของ อาร์ เคลลี
แม้เขาจะชนะมาแล้ว แต่เราก็อดถามไม่ได้ว่า หากว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาคว้าแชมป์มาไม่ได้ เขาจะยัง ประกวดร้องเพลงต่อไปไหม เขาตอบอย่างไม่เสียเวลาคิดว่าก็คงสมัครเดินสายประกวดร้องเพลงต่อไปในเวทีที่เขาไม่จำกัดอายุ นั่นเอง เขาจะร้องไปเรื่อยๆแต่เมื่อมาถึงจุดนี้ได้แชมป์มาแล้วก็ไปประกวดที่เวทีไหนไม่ได้แล้ว
เขาฝากไว้ว่า คนเราถ้ามุ่งมั่นมันต้องมีสักวันที่เราจะได้สมหวังไม่มากก็น้อย ขอให้ พยายามทำให้เต็มที่สุดๆ ไปเลย ถ้าเราไม่เริ่มนับ 1 เราก็จะไปไม่ถึง 10 แม้ทำแล้วอาจจะไม่ได้อย่างที่คาดไว้ แต่อย่างน้อยเราจะได้ไม่เสียใจว่าเราไม่ทำมันให้ถึงที่สุดเสียก่อน หากเต็มที่แล้วผลไม่ได้ ดังหวังสำหรับเขาแล้วก็จะไม่เสียใจในเมื่อเต็มที่ทุกอย่างแล้ว ที่จะเสียใจคือเรา ไม่ทุ่มให้เต็มที่แล้วจะนึกเสียดายทีหลัง
"ผมเคยคิดไว้ว่าถ้าไม่ชนะเวทีนี้ ผมก็จะไปเวทีอื่นอีกเรื่อยๆจนกว่าอายุ 30 แล้วค่อยว่ากันอีกที ถ้ามีแรงพลังก็อย่าหยุดจนกว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นที่พอใจเราเอง" เขากล่าวให้กำลังใจ
ฝันอยากมีห้องซ้อมดนตรีของตัวเอง
เขาเล่าถึงเงินรางวัลที่ได้มาว่า จะขอทำตามความฝันของตัวเอง ด้วยการนำเงินไปเปิดสตูดิโอเรียนร้องเพลงอย่างจริงจัง และเปิดโรงเรียนสอนร้องเพลงเล็กๆ หุ้นกับเพื่อนเพราะตัวเขาเองก็ไม่เคยเรียนดนตรีหรือร้องเพลงอย่างจริงจังมาก่อน ส่วนอีกฝันหนึ่งก็คืออยากจะมีผลงานเพลงเป็นของตัวเอง ซึ่งก็มีคุยๆ กับพี่ๆ ในวงการเพลงไว้บ้าง แต่โอกาสความเป็นไปได้เพียงใดก็ต้องพยายามกันต่อไป
ส่วนชีวิตประจำวันก็ยังเหมือนเดิม หลังจากประกวดเสร็จ 3 วันแรกก็เดินสายขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้ความสนับสนุนหลังจากนั้นก็กลับไปทำงานประจำตามปกติ วันหยุดก็ซ้อมร้องเพลงไปเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือจะไปเรียนร้องเพลงอย่างจริงจังกับครูสอนร้องเพลงที่มารู้จักกันในรายการ
เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ
แม้ว่าหน้าตาคมเข้มคล้ายแขก แต่ที่จริงเขาเป็นคนไทยเต็มตัว นับถือศาสนาพุทธเช่นคนไทยทั่วไป และแน่นอนว่า การขึ้นเวทีในรอบสุดท้ายนอกจากซ้อมให้มากฟังให้เยอะแล้ว เขายังหาตัวช่วยด้านกำลังใจและจิตวิญญาณตามความเชื่อแบบพุทธ ด้วยการแขวนพระหลวงปู่ทวดที่เขานับถือศรัทธาเป็นประจำอยู่แล้ว ยังอัญเชิญพระพิฆเนศวร ตามด้วยพระพรหม เศรษฐีนวโกฏิ ปิดท้ายด้วยพระเจ้าตากสินมหาราช แขวนสร้อย พระไว้ในวันเข้ารอบสุดท้าย
นอกจากนี้ ยังมีผู้ใหญ่ที่นับถือให้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ที่เป็นเลขมงคล คือพอสมัครประกวดเสร็จก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่ทันที เรียกว่าทั้งวิทยาศาสตร์ จิตวิทยา เสริมสร้าง กำลังใจ เขาทำทุกอย่างครบครัน
เขากล่าวทิ้งท้ายว่า พอมาถึงวันนี้แล้วมองย้อนกลับไปเมื่อ3 ปีที่แล้ว ถ้าเขาหมดกำลังใจแล้วยอมแพ้เสียก่อนก็คงไม่มีวันนี้ สำหรับวันนี้ของเขามาสู่ ณ จุดนี้ได้ไม่มีคำว่าก็คงไม่มีวันนี้ สำหรับวันนี้ของเขามาสู่ ณ จุดนี้ได้ไม่มีคำว่าฟลุก เพราะเขาพยายามมา 4 ปี ล้มลุกคลุกคลานมาเรื่อยท้อไปก็หลายหน โชคดีที่มีครอบครัวและเพื่อนๆคอยให้กำลังใจจึงสู้ต่อมาได้
"บางทีก็เหมือนนึกว่าฝันไป สุดยอดมากเลยครับ ไม่คิด ไม่ฝันว่าตัวเองจะชนะได้ แต่เพราะอยากจะทำตามความฝันตัวเองให้สำเร็จให้จงได้ ก็เลยฮึดสู้ พี่ชายพี่สาว เชียร์ให้สู้ จึงมีวันนี้ได้ เหนื่อยครับไม่ง่ายเลย" เขากล่าวทิ้งท้าย
สำหรับเขาคนนี้เราพอจะสรุปได้ว่า เสียงดี มีดวง ที่มีเสียง ดนตรีเป็นอาวุธ พกพาความมุ่งมั่น จึงคว้า 10 ล้านไปครองได้เป็นคนแรกสำหรับ The Winner is ปีนี้


