นิทานของหนูๆ โดย ‘ป้ากุล’
โดย...นกขุนทอง
โดย...นกขุนทอง
หากเอ่ยชื่อ “ป้ากุล” เชื่อได้ว่า เด็กๆ จำนวนมาก รวมถึงผู้ใหญ่ในวันนี้ที่เคยผ่านช่วงวัยเด็กมาแล้ว ยังคงจำจดชื่อนี้ได้ เพราะป้ากุลเป็นนักเล่านิทาน เขียนนิทาน นักกิจกรรมที่สร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ สู่เด็กๆ มาเสมอตลอดระยะเวลา 40 ปี
“ป้ากุล” หรือ “รศ.กุลวรา ชูพงศ์ไพโรจน์” ได้เล่าย้อนถึงแรงบันดาลใจที่เลือกทำงานเพื่อเด็กๆ ว่า เมื่อ 50 กว่าปีก่อน ไม่ค่อยมีหนังสือเด็ก ประกอบกับครอบครัวยากจนจึงไม่สามารถหาซื้อหนังสือเด็กได้ และโรงเรียนสมัยนั้นไม่มีห้องสมุด ได้อ่านแบบเรียนเร็วที่ใช้เรียนตอนประถม ชอบมากๆ นอกจากนี้ คุณครูสมัยก่อนชอบเล่านิทานให้ฟัง มีความสุขมาก ซึ่งยังจดจำได้ถึงทุกวันนี้ จึงเลือกเรียนสาขาบรรณารักษ์ เพราะอยากอ่านหนังสือฟรีทั้งห้องสมุด และยังสามารถจัดและบริการการอ่านให้ผู้ใช้ห้องสมุดได้ด้วย
“ชอบเล่านิทาน อ่านหนังสือให้เด็กฟัง จึงผูกพันกับเด็กและหนังสือเด็กจนปัจจุบัน และเห็นว่าการอ่านช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างดียิ่งค่ะ อยากให้คนไทยมีนิสัยรักการอ่าน จึงต้องเริ่มเล่านิทาน อ่านหนังสือให้เด็กฟัง ในรายการโทรทัศน์การศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง รายการเพื่อเด็กและเยาวชน รายการเด็กดี”
หนังสือในโครงการ “นิทานบ้านป้ากุล” มีทั้งนิทานภาพ นิทานจากงานพับกระดาษ รวมแล้วประมาณ 100 เล่ม นิทานส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องให้สนุก ใช้ภาษาที่เหมาะกับเด็ก สอดแทรกคุณธรรมโดยไม่บอกตรงๆ มีภาพประกอบที่สอดคล้องกับเรื่อง มีสีสันสวยงาม
“การเขียนเรื่องสำหรับเด็ก ต้องให้สนุก ชวนติดตาม ไม่สอนตรงๆ จะให้ตัวละครเป็นผู้สอนเด็กแบบอ้อมๆ ตัวละครต้องเป็นวัยเดียวกับเด็ก หรือคนในครอบครัว ในสังคม เด็กชอบเรื่องเกี่ยวกับสัตว์ อาจจะเป็นสัตว์เลี้ยง สัตว์ป่า ใช้ภาษาที่สั้น ง่าย ได้ความหมาย หนังสือสำหรับเด็กต้องไม่โหดร้าย ทารุณ ไม่มีภาพที่น่ากลัว สยดสยอง ทำดีต้องได้ดี มีความสุข ทำชั่วหรือทำไม่ดีจะได้ผลกรรมนั้นๆ ตามสมควร แต่ไม่โหดนะคะ
เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ก็ได้จากชีวิตประจำวันของเด็กค่ะ เด็กชอบอะไร อยากให้อะไรกับเด็กก็เขียนตามที่เด็กชอบ แต่ต้องสนุกนะคะ เด็กๆ จึงจะชอบ จะสอดแทรกอะไรก็สอดแทรกให้เนียนๆ ขอยกตัวอย่างเช่น นิทานภาพเรื่อง ทำไม ช.ช้างจมูกยาว เพราะเด็กทุกคนชอบสัตว์ และมักมีคำถามว่า ทำไมช้างเป็นตัวละครที่เด็กชอบ มีลักษณะพิเศษ คือ ตัวใหญ่ มีเอกลักษณ์เด่น คือ มีงวง มีงา และที่สำคัญ คือ เพลงช้าง ช้าง ช้าง เป็นเพลงที่โรงเรียนอนุบาลทุกแห่งให้เด็กร้อง แต่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าใครแต่ง (คุณหญิงชิ้น ศิลปบรรเลง ผู้แต่งเพลง) และเพลงนี้ได้รับการยกย่องเป็นเพลงเด็กแห่งเอเชีย”
หนังสือที่ป้ากุลเขียนส่วนใหญ่สำหรับเด็กตั้งแต่วัย 35 ขวบ และ 611 ขวบ “ที่เขียนหนังสือสำหรับเด็กวัยนี้ เพราะเป็นวัยที่กำลังสนใจสิ่งรอบๆ ตัว ขอยืนยันว่าเด็กเล็กๆ ทุกคนชอบหนังสือภาพสำหรับเด็ก แต่ผู้ใหญ่คิดว่ายังไม่ถึงวัย ยังอ่านไม่ออก ที่จริงแล้วเด็กเล็กๆ ชอบดูภาพประกอบสวยๆ ลายเส้นไม่ซับซ้อน ผู้ใหญ่ต้องอ่านให้เด็กฟัง พร้อมกับชี้ชวนให้ดูภาพด้วย ต้องอุ้มลูกนั่งตัก สื่อรักด้วยหนังสือ เมื่อพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย คุณครู อ่านนิทานให้เด็กฟัง เด็กจะมีความสุข สงบ มีสมาธิมีจิตใจจดจ่อ มีทักษะการฟัง ได้รู้จักศัพท์คำคล้องต่างๆ ช่วงแรกเกิดถึง 6 ขวบปีแรกของชีวิต เป็นช่วงที่เซลล์สมองของเด็กแตกกิ่งก้านสาขา (ใช้ภาษาครูแทนภาษาหมอ) ยิ่งกระตุ้นให้แตกกิ่งก้านสาขามาก เด็กจะฉลาด และเป็นคนดีจากคุณธรรมในนิทานด้วย”
นิทานอีกประเภทที่ป้ากุลชอบเล่า คือ “นิทานเล่าไปพับไป” เขียนเป็นหนังสือแล้ว 14 เล่ม ยกตัวอย่าง “เล่านิทานจากงานพับกระดาษ” หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับเด็กอายุ 8 ขวบขึ้นไป
“เล่มนี้เขียนขึ้นเพราะได้อ่านเรื่องของเกษตรกรชาวดัตช์ ชื่อ นายกลาส คูไดค์ ประทับใจวันที่ประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองละลานตาเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่พระองค์ครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จึงไปเพาะพันธุ์ดอกทิวลิปสีเหลืองนวล แล้วขอพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์พระราชทานชื่อว่า ทิวลิปคิงภูมิพล ได้อ่านแล้วประทับใจ จึงได้คิดนิทานเล่าไปพับไปเรื่อง พระราชาผู้ยิ่งใหญ่ และ ดอกไม้ถวายพระราชา พับไปเล่าไปจนได้ดอกทิวลิปสีเหลืองนวล พับด้วยกระดาษหนังช้างสีเขียวและสีเหลืองสวยงามและทนทาน แม้ว่าเมืองไทยจะปลูกดอกทิวลิปไม่ได้ แต่เราเล่าไปพับไปจากประวัติความเป็นมาดังกล่าว คนไทยก็จะได้ดอกทิวลิปกระดาษสีสวยไว้จัดนิทรรศการ ใช้กราบพ่อในวันพ่อแห่งชาติได้ด้วย”
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่มีสักครั้งที่คิดอย่าวางมือจากการเล่าเขียนนิทานให้กับเด็กๆ “ตราบใดที่สุขภาพยังอำนวยยังทำต่อไปค่ะ เพราะมีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่านิทาน ได้เขียนนิทาน ได้คิดนิทานจากงานพับกระดาษ ทุกวันนี้ อ่าน คิด เขียน เล่านิทานเกือบทุกวัน อยากให้ผู้ใหญ่เล่านิทาน อ่านหนังสือให้เด็กๆ ฟังทุกวัน ลองทำดูสิคะ การเล่านิทาน อ่านหนังสือให้เด็กฟัง เด็กจะฉลาดอย่างคาดไม่ถึง และจะเติบโตเป็นคนดีด้วยค่ะ”
อีกหนึ่งกำลังใจที่หนุนนำให้ป้ากุลยังมีแรงพลังสร้างสรรค์งานให้แก่เด็กๆ ก็คือ ยังมีเสียงจากแฟนคลับที่ยังติดตามผลงานอยู่เสมอ
“ทุกวันนี้เวลาไปบรรยาย เดินทางไปไหนๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จะมีคนไทยที่อยู่ในวัยสามสิบต้นๆ มาทักว่า ป้ากุลที่เล่านิทานในทีวีช่อง 11 เป็นรายการเด็กของมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนใช่ไหม เขาได้ดูรายการ มีอาจารย์พรจันทร์ จันทวิมล กระรอกน้อย น้าป๋อ ป้ากุล เขาได้ดู เขาชอบมาก ตอนนี้มีลูกเล็กๆ ก็เล่านิทานอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ดีใจมากๆ ค่ะ แต่ตอนนี้ได้เลื่อนเป็น ยายกุล ย่ากุล แล้วค่ะ”
นับเป็นงานที่เริ่มต้นจากความสุข ส่งความสุขออกไป และสุดท้ายผู้ให้กับผู้รับต่างก็มีความสุขในโลกของนิทานที่สร้างมาจากเรื่องจริง
จำป้ากุลกันได้ไหมเอ่ย
ปี 2529-2539 จัดรายการโทรทัศน์การศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง รายการ “เพื่อเด็กและเยาวชน” และรายการ “เด็กดี” และจัดรายการวิทยุด้านการเล่านิทาน และเล่าเรื่องจากหนังสือ
ปี 2525-ปัจจุบัน เป็นวิทยากรบรรยายและสาธิต “การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านรูปแบบต่างๆ” “การสอนภาษาไทยให้สนุก” “การเขียนหนังสือสำหรับเด็ก” “การเล่านิทาน” “การผลิตสื่ออย่างง่ายและประหยัด”
ปี 2530-ปัจจุบัน อาสาสมัครจัดห้องสมุดสวนโมกขพลาราม ห้องสมุดวัดไทยลอสแองเจลิส ห้องสมุดวัดป่าธรรมชาติ นครลอสแองเจลิส ฯลฯ


