posttoday

ฮิตเวอร์ สติกเกอร์สื่อความหมายโดนๆ 

22 พฤษภาคม 2557

เดี๋ยวนี้ไม่เพียงได้รับสติกเกอร์ทางไลน์ (Line) จากเพื่อนพ้องน้องพี่บ๊อยบ่อย

โดย...นกขุนทองอภิชชญา

เดี๋ยวนี้ไม่เพียงได้รับสติกเกอร์ทางไลน์ (Line) จากเพื่อนพ้องน้องพี่บ๊อยบ่อย ที่ส่งมาบอกว่าตอนนี้รู้สึกแบบนี้ทำอันนี้อยู่นะ รูปโดราเอมอนร้องไห้ รูปแมวเหมียวกำลังโซ้ยบะหมี่อย่างเอร็ดอร่อยบ้างล่ะ ตัวเราเองก็ขยั้นขยันส่งเจ้าสติกเกอร์สื่ออารมณ์ไปแทนเหมือนกัน ยิ่งยามวุ่นๆ ไม่อยากเสียเวลามาก้มหน้าพิมพ์ข้อความยาวๆ ก็ส่งสติกเกอร์ไปตัวเดียว คลิกเดียว ที่มีรูปแบบว่าฉันกำลังทำงานหัวฟูมีเอกสารกองท่วมหัวอยู่บนโต๊ะ ตัวเดียวจบ!! ได้ใจความ

ตอนนี้ตัวเลขคนไทยที่ใช้ไลน์มีอยู่ 24 ล้านคน เป็นรองแค่ญี่ปุ่น ประเทศต้นกำเนิดไลน์ที่ใช้มากถึง 51 ล้านคน นอกจากการใช้พิมพ์ข้อความสื่อสารกันและส่งรูปแล้ว การส่งสติกเกอร์ก็เป็นที่นิยมอย่างมาก โดยวันๆ หนึ่งมีสถิติการส่งหลายสิบล้านครั้ง

แอ็กชั่นโดนใจ ยอมจ่ายไว้ใรคอลเลกชั่น

ตัวการ์ตูนเล็กๆ อย่างสติกเกอร์เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ไลน์กลายเป็นช่องทางการสื่อสารยอดนิยมของคนทุกเพศทุกวัยในปัจจุบัน เพราะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้ดีกว่าข้อความหรือตัวอีโมติคอนแบบเดิมๆ ครองใจผู้ใช้งานจนบางคนยอมควักกระเป๋าเสียเงินเพราะพ่ายแพ้ให้ความน่ารักของพวกมัน

ราคาสติกเกอร์ต่อชุดประมาณ 30-60 บาท สำหรับคนรักสติกเกอร์มีกันไม่ต่ำกว่า 10 ชุด มูลค่ามากกว่า 300-600 บาท แต่บางคนก็มีมากเกินครึ่งร้อยชุดนั้นหมายถึงจำนวนเงินหลายพันบาท (แต่น่ารักอ่ะ...ยอม)

“อาภาธร บัวพัฒน์” เจ้าของสติกเกอร์มากกว่า 70 ชุด ยอมจ่ายเพราะสติกเกอร์ช่วยให้บทสนทนามีสีสันและโต้ตอบได้รวดเร็วกว่าเดิม ซ้ำยังสื่ออารมณ์ได้ดีกว่าตัวอักษรเพียงอย่างเดียว ทำให้การสื่อสารชัดเจนและหลากหลายมากขึ้นในการแสดงความรู้สึก เพราะบางภาพไม่ต้องใช้คำพูดก็เข้าใจ

“สติกเกอร์หลายชุดที่ซื้อเป็นเพราะมีบางอย่างที่เหมือนเรา เช่น รูปกบขี่จักรยานสะพายเป้แดง เป็นรูปไก่หรือผีดิบซึ่งเป็นตัวตนของเรา ทั้งในแง่การแสดงอารมณ์และรูปลักษณ์ อย่างไก่ชอบเพราะเป็นชื่อเล่นของเราเอง อีกเหตุผลที่ซื้อคือ ถ้ามีคำพูดโดนใจ เช่น คำว่า อนุโมทนาหรือสาธุชอบเป็นพิเศษ ในทางกลับไม่ชอบสติกเกอร์ไทยที่สะกดตัวหนังสือผิด”

ฮิตเวอร์ สติกเกอร์สื่อความหมายโดนๆ 

 

ด้าน “วรรษมน โฆษะวิวัฒน์” บอกว่า ราคาไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ จะเลือกจากจริตความชอบล้วนๆ โดยอาจเป็นตัวการ์ตูนที่ชอบ ลายเส้นน่ารัก เช่น คิตตี้ ซานริโอ เพราะตอบสนองบุคลิกของตัวเองได้ หรือดูจากการแสดงอารมณ์และคำพูดที่ได้ใช้จริง ปัจจุบันมีสติกเกอร์เกือบ 20 ชุด แต่ตอนนี้พยายามลดการซื้อลง แม้ว่าการมีสติกเกอร์จำนวนมากช่วยให้แสดงอารมณ์ได้หลากหลายและใช้บ่อยขึ้น แต่ไม่ควรมีมากเกินไปเพราะทำให้ไม่ได้ใช้ หรือลำบากในการใช้งาน

ใครจะรู้ว่า พีเจหนุ่ม “ตั้ม-ดนู สิงหเสนี” แห่งคลื่นคูล 93 ฟาเรนไฮต์ ก็เป็นพ่อบุญทุ่มยอมจ่ายไม่อั้นกับสติกเกอร์ “ที่ซื้อเพราะชอบตัวละคร เช่น พวกการ์ตูนวอลท์ดิสนีย์ ซูเปอร์ฮีโร่ ดูลักษณะท่าทางว่ามันตอบโจทย์ความรู้สึกเราได้ไหมและชอบที่มีเวิร์ดดิ้งด้วย เช่น ท่าทางร้องไห้แล้วเขียนว่าซอรี่ ขอโทษ เสียใจ หรือยกมือไหว้พูดว่าขอบคุณ มันจะยิ่งแทนความรู้สึกเราได้ดีกว่าท่าทางเปล่าๆ ตอนนี้ผมสังเกตว่าผู้ผลิตของเมืองนอกก็เริ่มมีข้อความภาษาไทยกำกับ อย่าง โดราเอมอน สติตช์ ฯลฯ เป็นการเข้าถึงคนไทยมากขึ้น

เรื่องราคา เราโตเป็นผู้ใหญ่มีรายได้แล้ว ผมว่า 30 บาทไม่แพงเลย เราก็ซื้อเหรียญของเขาเก็บไว้ อย่าง 500 เหรียญ ประมาณ 150 บาท ของฟรีก็มีโหลดใช้ แต่เวลาสติกเกอร์เรามีเยอะเกินไป เราก็จะลบของฟรีออก อย่างของฟรีที่เป็นของบริษัทไทยพ่วงมากับสินค้า บางตัวก็น่ารัก เราคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำคาแรกเตอร์แบบนี้ออกมา แต่ของฟรีก็ต้องแลกกับมีฟีดเด้งมาหาเรา บางอันเดี๋ยวเด้งๆ อีกอย่างผมมีความรู้สึกว่าคนไทย ไม่ชอบอะไรที่ดูโหล สติกเกอร์ขายเลยอยู่ได้ ยังมีกลุ่มที่คิดว่าซื้อดีกว่าใช้แต่ของฟรี”

อย่างไรก็ตาม พีเจตั้มบอกว่า ตอนนี้สติกเกอร์ฟรีทำออกมาได้น่ารัก ใช้งานง่าย และไม่โฆษณาจนเกินงาม “ผมว่าโดยมากสติกเกอร์ฟรีเขาประสบความสำเร็จนะ สติกเกอร์ช่วยให้บริษัททลายกำแพงการขายลงได้ บางตัวไม่มีติดแบรนด์สินค้าเลย แต่เขาสร้างแมสคอต คาแรกเตอร์ขึ้นมาให้คนจดจำ บางเจ้าที่ทำให้คนไม่ชอบเพราะถือยี่ห้อสินค้าหรา พอส่งไปก็สื่ออารมณ์ได้ไม่ดีพอ แบรนด์อยู่บนตัวการ์ตูนแล้วไม่เนียน คนใช้ของฟรีก็ฉลาดเลือกนะครับ”

ฮิตเวอร์ สติกเกอร์สื่อความหมายโดนๆ 

 

สติกเกอร์สื่ออารมณ์ก็ได้ การตลาดก็ดี

“วารดี วสวานนท์” หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ไลน์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทไลน์ก็มีสติกเกอร์ฟรีแจก เช่น พี่หมีบราวน์ตัวแทนผู้ชาย น้องโคนี่ตัวแทนผู้หญิงชอบช็อปปิ้ง “ทางเราพยายามออกแบบคาแรกเตอร์มาให้ครบตามฟีลลิ่งของคน พัฒนาออกมา มีเป็ดน้อยเซลลี่เหมือนส่วนเกินของบราวน์กับโคนี่ กบเอดเวิร์ดที่ชอบอยู่คนเดียว ชอบอ่านหนังสือ แต่ละตัวมีบุคลิกของตัวเอง ซึ่งเราหาคาแรกเตอร์ตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัย”

สำหรับสติกเกอร์ฟรีของบริษัทต่างๆ นั้นต้องได้รับการตรวจสอบอนุมัติจากไลน์ญี่ปุ่น ไม่ใช่ว่ามีเงินจ้างแล้วจะทำได้เลย แต่คัดเลือกจากบริษัทที่น่าเชื่อถือ และส่วนใหญ่สติกเกอร์ฟรีจะเป็นการโปรโมทแมสคอต หรือพรีเซนเตอร์ของทางบริษัทนั้นๆ ตัวรูปแบบของคาแรกเตอร์หลักจะต้องถูกลิขสิทธิ์ สติกเกอร์จะต้องไม่มีคำหยาบคาบ มีการแสดงอารมณ์หรือสื่อสารที่ชัดเจน

ในการออกแบบนั้น มีทั้งในส่วนมอบหมายให้ทางไลน์เป็นคนออกแบบให้เบ็ดเสร็จ หรือบริษัทมีตัวตนแบบของคาแรกเตอร์หลักมาให้ทางไลน์ช่วยออกแบบ อีกทางคือ บริษัทเป็นคนออกแบบตัวสติกเกอร์เอง แล้วส่งให้ทางไลน์ตรวจสอบและบริษัทเลือกคาแรกเตอร์ไลน์ หรือเลือกจากตัวคาแรกเตอร์ของที่อื่นซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์กับไลน์ก็ได้ มาช่วยโปรโมทสินค้าของบริษัท

สนนราคานั้นเริ่มต้นที่ 3 ล้านบาท ต่อ 16 ตัวในหนึ่งคอลเลกชั่น โดยมีระยะเวลาให้ดาวน์โหลด 1 เดือน และใช้งานได้ 3 เดือน

“จากตอนแรกที่เราทำแชตแอพพลิเคชั่น เป็นการติดต่อสื่อสารกันอยู่แล้ว เราก็มีสติกเกอร์พัฒนาการพูดคุยกันง่ายขึ้น แล้วเราเห็นโอกาสทางธุรกิจกับผู้ใช้ของเราได้อย่างง่ายและตรง เรามีการเปิดออฟฟิเชียลเฮาส์ขึ้นมา ให้บริษัทต่างๆ สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรงทันเวลาและเรียลไทม์ ยกตัวอย่าง เคแบงก์ปีที่แล้วมีปัญหาเรื่องเอทีเอ็ม เขาก็ส่งสารไปยังลูกค้าทางนี้ เขาแฮปปี้ในการจัดการได้เร็ว เรียลไทม์ แล้วมีคนเอาเมสเสจจากไลน์ไปส่งต่อในช่องทางอื่นๆ ด้วย

ฮิตเวอร์ สติกเกอร์สื่อความหมายโดนๆ 

 

ไลน์เป็นช่องทางหนึ่งในการสื่อสาร ก็เหมือนปล่อยโฆษณาทางทีวีบางคนก็ดูบางคนก็เปลี่ยนช่องหนี ไลน์เองก็เหมือนกัน มีคนที่กีดกันออฟฟิเชียลแต่ก็ยังมีคนที่สนใจในโปรดักต์อยากรู้เรื่องอื่นๆ เพิ่ม ตอนนี้มีบริษัทสนใจเข้ามาทำสติกเกอร์กับเราเยอะมาก ที่ทำต่อเนื่องก็หลายราย ซึ่งเขาคงมองว่าคุ้มค่า อย่างจ่าย 3 ล้านบาท มีคนติดตาม 13 ล้านคน หารจากดาวน์โหลดการส่งสารคุ้มกับเขา เพราะคนส่งต่อวันเยอะมาก เป็นการคอมมูนิเคชั่นที่ถูกมาก ต่ำกว่า 0.02 บาทต่อครั้ง ค่อนข้างถูกถ้าเทียบกับสิ่งที่เขาจ่ายไปและผลกลับมา”

การเข้ามาทำการตลาดด้วยสติกเกอร์เป็นสิ่งจำเป็นในตอนนี้ บริษัท ดีแทค ก็ขอเป็นอีกรายหนึ่ง ที่ไม่ให้หลุดจากการทำตลาดในโลกโซเชี่ยล

“บงกช โตสุขุมวงศ์” ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท ดีแทค บอกว่า บริษัทไม่มีคาแรกเตอร์ชัดเจน แต่ต้องการความแปลกใหม่ ไม่อยากให้คนรู้สึกเบื่อ เพราะถ้าใช้ตัวเดิมมันก็มีข้อจำกัดในท่าทาง การสร้างสรรค์ เราจึงเลือกที่จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ “อย่างคนวาดเราก็เปลี่ยนให้มีหลายลายเส้นคาแรกเตอร์ที่ต่างกันออกไป ไม่ต้องมาติดเรื่องของแมสคอต และเราหลีกเลี่ยงแบนดิ้งให้น้อยหน่อย แต่ที่คนจะรู้ว่าเป็นดีแทค ก็คือใบพัดสามเฉกสีฟ้า”

กลยุทธใช้สติกเกอร์เป็นตัวนำไปก่อนการตลาด “มีอยู่แล้วที่คนจะบล็อกออฟฟิเชียลไลน์ เราต้องพยายามหาโปรโมชั่นหรือคำพูดที่จะให้เขาหันมาสนใจเรา ต้องยอมรับว่าตอนนี้ไลน์เป็นช่องทางการตลาดหนึ่งที่ดี เพราะมีคนเล่นจำนวนมาก คนใช้เยอะ เราก็ต้องเข้าไปให้ถึง ยิ่งคู่แข่งทำเราอยู่เฉยๆ ไม่ได้ เราก็ต้องทุ่ม ราคาโฆษณาก็แพงกว่าสื่ออื่นเหมือนกัน แต่เราจำเป็นต้องทำ เพราะเราต้องรักษาแบรนด์”

ตอนนี้ดีเทคผลิตสติกเกอร์ออกมาทั้งหมด 5 คอลเลกชั่นแล้ว มี dtac feel goood ลายเส้นสนุกสนานสดใส มีตัวหนูดีใจกับนายใจดี เป็นการเปิดตัวที่มีการตอบรับดีมากยอดโหลด 1 ล้าน ภายใน 11 ชั่วโมง ชุด 2 ยังคล้ายกันแต่เพิ่มการโปรโมทไตรเน็ต ชุดที่ 3 เปลี่ยนคนวาด และใช้ธีม Celebration เพราะปล่อยออกมาช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ชุดที่ 4 เปลี่ยนมาเป็น เดเอล ฮอร์แกน นักพ่นกราฟิตี้ และเพิ่มคำพูด เช่น ขุ่นพระ ดีเฟร่อ อะเคร คืออัลไล ฟินเวอร์ เขิลจุง และชุดล่าสุด Shittak เป็นคนวาดคอลเลกชั่น dtac Tri Net Phone มีไลอ้อน ชีต้า และโจอี้ เป็นพระเอก มีคำพูดเช่น ให้ไว มัวะ มัวะ อย่ามโน แบร่ โดยยอดดาวน์โหลดรวม 5 ชุด มีมากกว่า 16 ล้านครั้ง

สำหรับสถิติของทางไลน์สติกเกอร์ที่ได้รับความนิยมยอดโหลดมาก คือ สติกเกอร์ในหนึ่งตัวต้องแสดงท่าทางอารมณ์ชัดเจน มีคำพูดประกอบที่สื่อความหมายได้ครอบคลุม คำพูดกำลังอยู่ในกระแสนิยม ณ ช่วงเวลานั้นๆ

ฮิตเวอร์ สติกเกอร์สื่อความหมายโดนๆ 

 

ข่าวล่าสุด

เมื่อการแบนโซเชียลฯไม่ใช่คำตอบ และอาจแก้ปัญหาไม่ตรงจุด