posttoday

วาจาสุภาษิต

18 พฤษภาคม 2557

อาทิตย์นี้โรงเรียนเปิดเทอมกันแล้ว หลายคนก็บ่นกันว่ารถติด

อาทิตย์นี้โรงเรียนเปิดเทอมกันแล้ว หลายคนก็บ่นกันว่ารถติด ความจริงการสื่อสารในปัจจุบันก็สามารถเรียนรู้ทางไกลได้ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรจะทดแทนการสื่อสารระหว่างบุคคล โดยการพูดจาแบบเห็นหน้ากัน จึงไม่แปลกที่เรายังต้องส่งเด็กไปโรงเรียน และแม้แต่ผู้ชุมนุมก็ยังนิยมที่จะไปฟังให้ถึงหน้าเวที ก็เพื่อจะไปฟังการพูดจาปราศรัยกันนั่นเอง

การพูดในสังคมนั้นจึงนับว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะผู้ที่เป็นต้นแบบ เช่น ครู อาจารย์ ผู้บริหาร ผู้นำ ในระดับต่างๆ การพูดก็ต้องเลือกเรื่องที่จะพูด การพูดที่ดีก็มี ที่ไม่ดีก็มาก และส่งผลต่อทั้งผู้พูดเองและผู้ฟังที่เชื่อถือนำไปปฏิบัติอีกด้วย

การพูดที่ดีนั้นเรียกว่า “วาจาสุภาษิต” ซึ่งในสุภาษิตสูตร พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ สรุปได้ดังนี้

วาจาสุภาษิต เป็นวาจาไม่มีโทษ คือ ไม่เป็นวาจาทุพภาษิต และเป็นวาจาอันวิญญูชนทั้งหลายไม่ติเตียน วาจาสุภาษิต ประกอบด้วยองค์ 4 คือ

ภิกษุในธรรมวินัยนี้

- ย่อมกล่าวแต่วาจาที่บุคคลกล่าวดีแล้วเท่านั้น ไม่กล่าววาจาที่บุคคลกล่าวชั่วแล้ว

- ย่อมกล่าวแต่วาจาที่เป็นธรรมเท่านั้น ไม่กล่าววาจาที่ไม่เป็นธรรม

- ย่อมกล่าวแต่วาจาอันเป็นที่รักเท่านั้น ไม่กล่าววาจาอันไม่เป็นที่รัก

- ย่อมกล่าวแต่วาจาจริงเท่านั้น ไม่กล่าววาจาเท็จ วาจาอันประกอบด้วยองค์ 4 เหล่านี้แล เป็นวาจาสุภาษิต

ทรงตรัสเป็นคาถาว่า “สัตบุรุษทั้งหลาย ได้กล่าววาจาสุภาษิตว่าเป็นที่หนึ่ง บุคคลพึงกล่าววาจาที่เป็นธรรม ไม่พึงกล่าววาจาที่ไม่เป็นธรรม เป็นที่สอง บุคคลพึงกล่าววาจาอันเป็นที่รัก ไม่พึงกล่าววาจาอันไม่เป็นที่รัก เป็นที่สาม บุคคลพึงกล่าววาจาจริง ไม่พึงกล่าววาจาเท็จ เป็นที่สี่ ดังนี้”

อรรถกถาได้อธิบายไว้ว่า “สุภาษิตา” หมายความว่า วาจาที่เขาใช้พูดกันด้วยดี คือ งดเว้นจากมิจฉาวาจา 4 (คือ วจีทุจริต 4 มี การพูดปด พูดคำหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ ซึ่งเป็นวาจาที่มีโทษ เมื่อบุคคลส้องเสพแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นทางแห่งนรก) จึงเรียกว่า สัมมาวาจา ดังนั้น เป็นวาจาที่นำมาซึ่งประโยชน์ คือ กุศล และเว้นจากโทษ คือ อกุศล มี ราคะ โทสะ โมหะ เป็นต้น วาจาเช่นนี้ ย่อมพ้นจากคำติเตียนจากบัณฑิต คนพาลถือเอาเป็นประมาณไม่ได้ในการนินทาและสรรเสริญ

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถึงคำที่กระทำความสมัครสมานอันเว้นจากโทษ คือ ความส่อเสียด

ตรัสถึงคำประกอบด้วยเมตตา เว้นจากโทษ คือ สัมผัปปลาปะ (เพ้อเจ้อ) คือไม่ปราศจากธรรม

ตรัสถึงคำสัตย์ที่น่ารัก อันเว้นคำหยาบ และคำเหลาะแหละ

วาจาที่ประกอบด้วยองค์ 4 เหล่านี้ แม้เป็นวาจาในเนื้อเพลงของเด็กๆ ก็ตาม ก็นับว่าเป็นวาจาสุภาษิต ดังตัวอย่างเช่น ภิกษุผู้เจริญวิปัสสนาประมาณ 60 รูป กำลังเดินทาง ได้ยินเพลงขับของเด็กหญิงชาวสีหล ผู้รักษาไร่นาข้างทาง กำลังขับร้องเพลง ที่เกี่ยวด้วย ชาติ ชรา มรณะ ด้วยภาษาชาวสีหล ก็บรรลุพระอรหัต วาจาเช่นนี้ ก็ชื่อว่า วาจาสุภาษิต ไม่มีโทษ ทั้งวิญญูชนผู้มุ่งประโยชน์ อาศัยแต่ใจความ ไม่ใช่อาศัยแต่พยัญชนะ ไม่พึงติเตียน เพราะเป็นวาจาสุภาษิต

ในพระสูตรนี้ ท่านพระวังคีสเถระ ได้ฟังพระพุทธเจ้าตรัสเรื่องวาจาสุภาษิตนี้แล้ว ก็กล่าวชื่นชมพระวาจาของพระผู้มีพระภาคเจ้า ดังนี้

บุคคลพึงกล่าวแต่วาจาที่ไม่เป็นเหตุยังตนให้เดือดร้อน และไม่เป็นเหตุเบียดเบียนผู้อื่น

วาจานั้นแลเป็นสุภาษิต

บุคคลพึงกล่าวแต่วาจาอันเป็นที่รัก ที่ชนทั้งหลายชื่นชมแล้ว ไม่ถือเอาคำที่ชั่วช้าทั้งหลาย กล่าวแต่วาจาอันเป็นที่รักแก่ชนเหล่าอื่น

คำสัตย์แล เป็นวาจาไม่ตาย ธรรมนี้เป็นของมีมาแต่เก่าก่อน สัตบุรุษทั้งหลายเป็นผู้ตั้งมั่นแล้วในคำสัตย์ ที่เป็นอรรถและเป็นธรรม

พระพุทธเจ้าตรัสพระวาจาใด ซึ่งเป็นวาจาเกษม เพื่อให้ถึงพระนิพพาน เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์ พระวาจานั้นแล เป็นสูงสุดกว่าวาจาทั้งหลาย ดังนี้

ก่อนจบขอเน้นเรื่องของ “วาจาสัตย์” ท่านอธิบายไว้ว่า สัจวาจา นั้นเหมือนน้ำอมฤต เพราะเหตุใด เพราะยังประโยชน์ให้สำเร็จ ดังที่ตรัสไว้ว่า สจฺจํ หเว สาธุตรํ รสานํ หมายความว่า คำสัตย์แลดีกว่ารสทั้งหลาย หรืออีกนัยว่า อมตวาจา เพราะเป็นปัจจัยแห่งอมตะ (คือพระนิพพาน) สัจวาจา ชื่อว่า เป็นธรรม เป็นจรรยา เป็นประเพณีเก่า คำสัจจ์นี้แลบัณฑิตปางก่อนประพฤติกันมาแล้ว ท่านเหล่านั้น ไม่กล่าวคำเหลาะแหละ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า สัตบุรุษทั้งหลายเป็นผู้ตั้งอยู่ในสัจจะที่เป็นอรรถและเป็นธรรม (คำว่า อรรถะ และ ธรรมะ ก็เป็นคำไวพจน์ของสัจจะนั่นเอง) อธิบายว่า วาจานั้นตั้งอยู่ในสัจจะเช่นไร ตั้งอยู่ในสัจจะที่เป็นอรรถะและเป็นธรรม ซึ่งให้สำเร็จประโยชน์ คือ ทำไม่ผิดประโยชน์ เพราะไม่ปราศจากประโยชน์ผู้อื่น ให้สำเร็จประโยชน์ที่เป็นธรรม คือ ประกอบด้วยธรรมนั่นแล เพราะไม่ปราศจากธรรม

ก่อนที่เราท่านทั้งหลายจะพูดอะไร คิดก่อนดีไหมว่า วาจาที่เรากำลังจะกล่าวออกไปนั้น เป็นวาจาสุภาษิตแล้วหรือยัง...

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท