อุปกรณ์สวมใส่ได้ จะเปลี่ยนชีวิตคุณ

โดย...หนุ่มไวไฟ

พอเรียกว่าอุปกรณ์สวมใส่ได้ บางทีก็อาจจะไม่คุ้นหู เพราะอะไรๆ ก็สวมใส่ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าเรียกภาษาอังกฤษว่า Wearable Device หลายๆ คนน่าจะร้องอ๋อขึ้นมาทันที ปัจจุบันยังไม่มีการบัญญัติคำศัพท์ที่ชัดเจนทั้งในต่างประเทศและในไทยด้วย จึงเรียกด้วยภาษาแบบแปลกๆ ว่า อุปกรณ์สวมใส่ได้ (แปลตรงตัว) แต่ที่แน่ๆ คือ ความนิยมในอุปกรณ์เหล่านี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีการกล่าวกันว่าน่าจะเป็นหนึ่งในอุปกรณ์เทรนดี้ที่มาแรงใน 12 ปีนี้แน่ๆ (แต่หลังจากนั้นยังไม่รู้)

ถ้าถามถึงความจำเป็นและความสำคัญของเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ ต้องบอกว่ายังไม่ชัดเจนเท่านั้น แต่ด้วยกระแสการใส่ใจสุขภาพของทั้งคนไทยและทั่วโลก จึงทำให้อุปกรณ์เหล่านี้เริ่มมีบทบาทมากขึ้น และยังช่วยเรื่องอื่นๆ ได้อีก โดยทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน ทีนี้ลองมาดูกันว่าเจ้าอุปกรณ์สวมใส่ได้มีอะไรที่โดดเด่น และจะเปลี่ยนชีวิตเราได้อย่างไร เพื่อประกอบการตัดสินใจว่า เราควรมีอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ในชีวิตประจำวันหรือไม่

1.Smart Glasses

ประเดิมด้วยแว่นตา ซึ่งกูเกิลเป็นรายแรกๆ ที่ประกาศผลิตเจ้าแว่นตากูเกิลกลาส และมีแผนทำตลาดด้วย ประโยชน์ของแว่นตาอัจฉริยะนั้น เนื่องจากเป็นแว่นตาที่สวมอยู่ จึงสามารถต่อกับหูฟัง ใช้ฟังเพลง รับข้อความ หรือใช้เป็นหูฟังบลูทูธไปในตัว อีกทั้งยังใช้ค้นหาเส้นทาง หรือบอกข้อมูลจากสิ่งที่เรามองเห็นได้อีกด้วย (เหมือนในหนังเลย)

 

2.Smart Helmet

ต่อไปไม่ต้องกลัวเรื่องคนไม่ใส่หมวกกันน็อกแล้วเพราะจะมีหมวกกันน็อกอัจฉริยะ ประโยชน์นอกจากความปลอดภัยแล้ว ยังช่วยบอกตำแหน่งสถานที่ด้วยภาพและเสียง สั่งการด้วยเสียงได้ด้วย บอกสภาพการจราจร รวมถึงมีการแจ้งเตือนบริเวณที่ต้องใช้ความระมัดระวัง

 

3.Smart Watch

น่าจะคุ้นเคยกันดีเพราะมีวางขายในตลาดจากหลายๆ แบรนด์แล้ว นาฬิกาอัจฉริยะ นอกจากบอกเวลา ยังใช้เรื่องสุขภาพ วัดการเต้นของหัวใจ (อาจต้องใช้ร่วมกับสายรัดอก) วัดก้าวเดินต่อวัน เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนอ่านข้อความ รับสายเข้า ดูโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ถ่ายรูป ฟังเพลงได้ด้วย

 

4.Smart Shoes

รองเท้าก็อัจฉริยะได้โดยไม่จำเป็นต้องซื้อรองเท้าใหม่ เพราะเดี๋ยวนี้มีอุปกรณ์ติดตั้งไปกับรองเท้าได้แล้ว ใช้วัดสมรรถภาพทางกีฬา การกระโดด การวิ่ง ใช้วัดก้าวเดิน เก็บข้อมูลการเดินทาง นำทางด้วยระบบจีพีเอส

5.Smart Bra

อ่านไม่ผิดครับ นี่คือ บราหรือยกทรงอัจฉริยะ ในต่างประเทศมีการใช้เพื่อวัดการเต้นของหัวใจ วัดสภาวะทางอารมณ์ของผู้สวมใส่ (มันรู้ได้อย่างไรนะ) รวมถึงสามารถวัดปริมาณอาหารและพลังงานที่กินเข้าไปต่อวัน รวมถึงคำนวณได้ด้วยว่ากินมากหรือน้อยไปหรือไม่ สุดยอดจริงๆ