posttoday

พลพัฒน์ อัศวะประภา ถึงฝันจะไกล แต่ไม่เคยเกินเอื้อม

04 พฤษภาคม 2557

ถ้าให้ลองนั่งไทม์แมชชีนย้อนวันวานกลับไปสำรวจเส้นทางชีวิตของตัวเองบนเส้นทางแฟชั่น

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

ถ้าให้ลองนั่งไทม์แมชชีนย้อนวันวานกลับไปสำรวจเส้นทางชีวิตของตัวเองบนเส้นทางแฟชั่น โดยมีไกด์นำทาง คือ เจ้าบ้านอย่าง หมูพลพัฒน์ อัศวะประภา หรือที่หลายคนติดปากเรียกเขาว่า หมู อาซาวา เชื่อว่า เมื่อการเดินทางทริปนี้จบลง ผู้ร่วมเดินทางคงอดปรบมือและยิ้มในใจไปกับลูกบ้าที่จะทำตามฝันของตัวเอง โดยไม่ยี่หระกับความลำบาก และชื่นชมไปกับการยอมให้โอกาสตัวเองเดินไปจุดทางฝัน แม้ระหว่างทางเขาอาจต้องปิดความฝันของตัวเองไว้บ้างก็ตาม

ลูกบ้าของคนมีฝัน

“มองย้อนกลับไปเราเองก็มีลูกบ้ามากเหมือนกันนะ” หมู อาซาวา ตอบพลางหัวเราะเมื่อย้อนคิดถึงอดีตของตัวเอง ก่อนจะมาเป็นเจ้าของแบรนด์อาซาวา (Asava)

หมู บอกว่า รู้ตัวว่าเริ่มสนใจด้านแฟชั่นตอนอายุ 1415 ปี เริ่มอ่านนิตยสารลลนา เปรียว ต่อมาก็โว้ก ซี่งสมัยก่อนนิตยสารหัวนอกแบบนี้ไม่ได้หาซื้อได้ง่ายๆ แต่หมูก็พยายามเสาะหามาอ่าน ได้ศึกษาไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ เริ่มฟังเพลงสากล เหมือนเป็นการเปิดโลกของตัวเอง เพราะโตมาในบ้านที่เป็นนักธุรกิจ

“ตอนนั้นเราก็เริ่มแต่งตัวจัดนะ มีแอบหนีเรียนไปดูแฟชั่นโชว์ ทำเครื่องประดับขาย ไปซื้อเสื้อผ้าจากฮ่องกงมาดัดแปลงแล้วทำขายทำเอามัน เพราะลำพังค่าตั๋วเครื่องบินบินไปซื้อแล้วมาขายต่อก็ไม่คุ้มแล้ว แต่เราสนุก แน่นอนว่า ที่บ้านก็ไม่ค่อยชอบลูกชายมาทำอะไรแนวแฟชั่น เราก็เริ่มต้องกดความสนใจนี้ไว้”

กระทั่งตอนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัย ทางบ้านอยากให้เรียนด้านบริหารมาช่วยธุรกิจทางบ้าน เขาก็ใช้วาทศิลป์โน้มน้าวว่าที่บ้านมีพี่น้องเรียนเศรษฐศาสตร์ บัญชีแล้ว น่าจะมีสักคนที่เรียนด้านโฆษณา จะได้เอื้อกับธุรกิจที่บ้าน ซึ่งทางบ้านก็ตกลง หลังจากเรียนจบปริญญาตรี ความชอบด้านแฟชั่นของหมูก็ยังไม่ได้ฉายแสง เพราะต้องทำตามคำสั่งของที่บ้าน ไปเรียนต่อโทด้านบริหารที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาก็ยอมตามใจที่บ้าน แต่ภายในใจลึกๆ ยังไม่ลืมความฝัน แต่ขอทำหน้าที่ที่ต้องทำให้จบก่อน

พลพัฒน์ อัศวะประภา ถึงฝันจะไกล แต่ไม่เคยเกินเอื้อม

 

จุดไฟฝันให้เป็นมากกว่าฝัน

การเดินทางไปนิวยอร์กนี้เอง ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของหมู เพราะที่นี่เองคือ จุดเริ่มต้นให้ตัวตนของเขาชัดเจนขึ้น

“ตอนเรียนปริญญาโทปีสุดท้าย เราบินกลับมาทำวิทยานิพนธ์ที่เมืองไทย พอดีไปหาอาจารย์ที่คณะ ปรึกษาว่าเราอยากเรียนวาดรูปคอร์สสั้น ไม่รู้จะเรียนกับใครดี ปรากฏคนที่นั่งอยู่ในห้องอาจารย์ตอนนั้นด้วยคือ พี่โต (ม.ล.จิราธร จิรประวัติ)ไม่รู้ยังไง คุยไปคุยมาพี่เขารับเป็นลูกศิษย์ ทั้งที่ปกติจะไม่ค่อยรับใครเป็นศิษย์นะ คุยเสร็จวันรุ่งขึ้นไปเรียนเลย ผมเริ่มต้นจากคนวาดรูปไม่เป็นเลย ใจร้อนมาก เรียนอยู่ 6 อาทิตย์ ก็ทำพอร์ต เตรียมไปสมัครเรียนที่นิวยอร์กทันที นึกแล้วก็ขำ พอร์ตของผมไม่ได้ดูมืออาชีพเลย เป็นตุ๊กตาตาใส แต่ปรากฏว่าอาจารย์ชอบในความแปลกไม่เหมือนใคร”

ดีไซเนอร์คนดัง เล่าว่า ช่วงที่ไปลงเรียนคอร์สแฟชั่น เป็นช่วงที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายมาก เพราะแอบไปลงเรียนไว้ พอรู้ว่าได้ ก็รีบโทรกลับมาบ้านให้พี่ชายช่วยพูดกับที่บ้าน ว่าขออยู่เรียนต่อ 2 ปี ตอนนั้นที่บ้านก็โอเค เหมือนเป็นของขวัญที่เรียนจบโท แต่อยู่ไปอยู่มา อยู่ยาว 11 ปี ชีวิต 11 ปี ที่นิวยอร์ก ถ้าเปรียบเทียบชีวิตเป็นอาหารจานหนึ่ง ก็ต้องบอกว่ารสชาติกลมกล่อม เพราะมีทั้งหวาน เผ็ด ขม

“ช่วงแรกที่เรียนแฟชั่น เขาสนุกมาก เรียนตั้งแต่การสเกตช์แบบ สร้างแพตเทิร์น ช่วงเรียนก็ได้ไปฝึกงานกับแบรนด์ดังๆ อย่าง มาร์ก จาคอบส์ แต่พอเรียนจบไม่อยากกลับ ทางบ้านก็เริ่มไม่ส่งเงิน ความเป็นอยู่เริ่มขัดสน ต้องประหยัด แต่ก็ยังสนุก ไม่รู้สึกว่าลำบากจนทนไม่ไหว ระหว่างนั้นก็หางานทำ ได้ร่วมงานกับแบรนด์ดังมากมาก อาทิ เจอร์จิโอ อาร์มานี แม็กมาร่า”

สิ่งที่ได้จากประสบการณ์ทำงานกับแบรนด์ดัง คือ ความอดทน เราเริ่มจากงานระดับล่างจริงๆ วิ่งหาซื้อกระดุม เอาผ้าจากโรงงาน จัดวินโดว์ดิสเพลย์ งานช่วงแรกๆ เราเหมือนเป็นผู้ช่วย เราไม่ได้เนื้องานอะไรมาก แต่ก็ทำให้เรารู้จักการสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง ได้เห็นการทำงานกว้างๆ ของแฟชั่น การทำแฟชั่นเฮาส์ที่ดีเป็นอย่างไร เรียนรู้การทำงานกับดีไซเนอร์ที่ประสบความสำเร็จ

“จากที่ไม่เคยคิดจะกลับเมืองไทย วันหนึ่งพี่ชายโทรมาบอกว่าคุณพ่อป่วยให้กลับ ตอนแรกยังลังเล แต่พี่ชายเตือนสติว่า ถ้ามีความฝัน เราก็อยู่กับความฝันมา 11 ปีแล้ว แต่คนเราต้องมีหน้าที่ ตอนนั้นเลยคิดได้ว่า ถ้าคนเราทำอะไรแล้วมีความสุข เราสามารถเก็บสิ่งนั้นติดตัวไปได้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนเราก็สามารถทำให้ตัวเองมีความสุขได้ ที่สำคัญชีวิตนี้ไม่มีอะไรสำคัญกว่าพ่อแม่อีกแล้ว เลยตัดสินใจเก็บกระเป๋ากลับมาเมืองไทย”

คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน

3 ปีเต็มที่หมูเกือบจะหันหลังให้งานที่รัก เพราะมาจับงานด้านบริหารของที่บ้าน แต่ด้วยคอนเนกชั่นที่สั่งสมไว้เมื่อครั้งทำงานกับแบรนด์ดังๆ สมัยอยู่นิวยอร์ก ทำให้โอกาสมาเคาะประตูเรียกอีกครั้ง

“ตอนอยู่ที่นู่น เราเป็นตัวกลางประสานงานให้แบรนด์ และกองนิตยสารไทยที่ไปถ่ายแบบที่นู่นบ่อยๆ เลยมีคอนเนกชั่น พอกลับมาไทย บางเล่มก็ชวนเราไปช่วยทำสไตลิ่ง เขียนคอลัมน์ เราก็ทำควบคู่ไปกับงานประจำ จนในที่สุดที่บ้านคงเห็นว่ารั้งไปก็ไม่มีประโยชน์ เลยปล่อยให้มาทำตามสิ่งที่รัก ได้เปิดแบรนด์ของตัวเองในที่สุด ตอนอายุ 30 กว่าๆ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมมากๆ เพราะทุกอย่างสุกงอม มีวุฒิภาวะในการมองชีวิตและมองธุรกิจไม่ได้ทำเล่นๆ”

หมู ยอมรับและชื่นชมน้องๆ ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ๆ เก่งมาก เพราะการทำแบรนด์เสื้อผ้าต้องอาศัยความมุ่งมั่น การทำให้แบรนด์เกิดว่ายากแล้ว การจะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักยากกว่า และจะทำให้แบรนด์อยู่ได้แบบยั่งยืน ยิ่งยากที่สุด

“ช่วงที่แบรนด์เราโตเร็วเกิน จนเราไม่สามารถควบคุม เราว่ามันไม่สนุก เวลาผ่านไป ทั้งตัวเราและแบรนด์อายุมากขึ้น จะทำอะไรต้องคิดให้ดี ทำแล้วต้องสุข ได้ซาบซึ้งกับความสุขที่เกิดขึ้นจากการทำ เหมือนการกินอาหาร ถ้าเราเอาแต่ตักคำใหญ่แล้วกลืนไปก็ไม่ได้ลิ้มรสความอร่อย ดังนั้น เราเตือนตัวเองว่าเสมอว่า ความสุขของอาชีพนี้คืออะไร”

หมูยังฝากข้อคิดสำหรับน้องๆ ในวงการว่า ความสำเร็จไม่ได้เกิดในวันเดียว ตัวเขาเองก็ยังไม่ได้มองว่าประสบความสำเร็จสูงสุดแล้ว แต่อย่างหนึ่งที่เห็นคือ เด็กยุคนี้ใจร้อน อยากเป็นเจ้าของ ประสบความสำเร็จเร็วๆ แต่กว่าที่คนๆหนึ่งจะประสบความสำเร็จ ต้องมีกระบวนการเรียนรู้ รู้จริงในสิ่งที่ตัวเองทำ เพราะถ้าไม่รู้จะเป็นอันตรายอย่างสูง นอกจากนี้ ยังต้องอุทิศตัวเองในสิ่งที่ทำ ถ้ามีความขยัน อุตสาหะ ความสำเร็จก็รออยู่ข้างหน้า

“การที่คนเรารีบเร่ง เดินทางลัดมากเกินไป อาจทำให้กระบวนการทำงานไม่แน่น ความสำเร็จที่เกิดขึ้นก็อยู่ได้ไม่นาน เหมือนการวิ่ง ถ้าวิ่งเร็วเกินไปก็อาจจะล้ม และหลงลืมมองความสุขข้างทาง” ดีไซเนอร์คนดังกล่าวทิ้งท้าย

การศึกษา

ปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ ที่ Claremont Graduate School of Management แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

อนุปริญญา สาขาแฟชั่นดีไซน์ ที่ Persons School Design กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

ประสบการณ์

เจ้าหน้าที่ฝึกงาน TMT

แอ็กเคาต์ เอกเซ็กคิวทีฟ บริษัท ลินตาส ประเทศไทย

เจ้าหน้าที่ฝึกงานดีไซน์ “มาร์ก จาคอบส์” กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

เมอร์ชันไดเซอร์ จิออร์จิโอ อาร์มานี กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

แฟชั่นไดเรกเตอร์ แม็กมาร่า กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

เพอร์ซันนัลสไตลิสต์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด ไบรท์ตัน พบ ซันเดอร์แลนด์ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 20 ธ.ค.68