มาเลเซียกับนโยบายด้านพลังงาน
หากเอ่ยชื่อเมืองแมนจุง (Manjung) เมืองเล็กๆ ในรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย คงไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก
หากเอ่ยชื่อเมืองแมนจุง (Manjung) เมืองเล็กๆ ในรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย คงไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนักสำหรับชาวต่างชาติ หากแต่ว่าเมืองชนบทเล็กๆ แห่งนี้ กลับมีความสำคัญและเป็นที่รู้จักสำหรับชาวมาเลเซียจำนวนไม่น้อย ที่หลงใหลความสวยงามทางทะเล และยังรวมถึงการเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้า ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับมาเลเซีย สำหรับโลก 360 องศาแล้ว มองว่าเมืองนี้น่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีในการลองไปค้นหาไปทำความรู้จัก เพื่อที่จะเข้าใจรูปแบบการพัฒนาและนโยบายทางด้านพลังงานของมาเลเซียให้มากยิ่งขึ้น
มาเลเซียต้องการเร่งให้กลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในเร็ววันนี้ จึงเกิดมาตรการต่างๆ ที่จะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งประเทศ สิ่งก่อสร้างใหญ่โตและระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานทันสมัยจึงเกิดขึ้นมากมาย ส่วนภาคอุตสาหกรรมก็ขยายตัวควบคู่ไปกับชุมชนเมืองที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้นำไปสู่ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมหาศาล
ด้วยความที่ประเทศมาเลเซียอุดมไปด้วยทรัพยากรทางด้านพลังงาน เช่น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีในการผลิตกระแสไฟฟ้า จึงมีความได้เปรียบประเทศอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม มาเลเซียก็มีความพยายามที่จะไม่พึ่งพิงกับแหล่งพลังงานเหล่านี้ในระยะยาว
มาเลเซียมีนโยบายในการบริหารจัดการทางด้านพลังงานที่ชาญฉลาด ซึ่งหนึ่งในวิธีการบริหารจัดการก็คือการลดสัดส่วนการใช้น้ำมันและก๊าซธรรมชาติภายในประเทศ เพื่อนำไปเพิ่มสัดส่วนในการส่งออกให้มากขึ้น แล้วเอาเงินที่ได้มาพัฒนาสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำแล้วก็โรงไฟฟ้าถ่านหิน สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือค่าไฟฟ้าในประเทศถูกลง และยังทำให้มาเลเซียมีขีดความสามารถในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น แต่ก่อนหน้านี้มาเลเซียได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งประเทศในแถบเอเชียที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ได้มีการคาดการณ์ว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้านั้นจะยังคงเพิ่มขึ้น 35% ในแต่ละปี และจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2020 ดังนั้นทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงต้องเร่งจัดหาไฟฟ้าให้เพียงพอในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป
ประเทศมาเลเซียเคยผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติและน้ำมันเป็นหลัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป รัฐบาลได้ปรับสัดส่วนเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าให้เป็นแบบผสมผสานมากขึ้น เพื่อจะได้ไม่ต้องพึ่งพิงแหล่งเชื้อเพลิงชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ใกล้จะหมดลง
ทำให้สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากยังคงมีปริมาณสำรองอยู่มาก และมีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างถูก
โรงไฟฟ้าถ่านหินแมนจุง คือหนึ่งในโรงไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจากการวางแผนทางด้านนโยบายพลังงานในระยะยาว เริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1999 ปัจจุบันมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอยู่ 3 ยูนิต ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกัน 2,100 เมกะวัตต์ และอยู่ในระหว่างการขยายยูนิตที่ 4 อีก 1,000 เมกะวัตต์ โดยจะแล้วเสร็จในอีก 23 ปีข้างหน้านี้ นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะสร้างยูนิตที่ 5 เพิ่มอีก 1,000 เมกะวัตต์ในอนาคต ที่นี่เป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาด มีระบบเผาไหม้ที่ทันสมัย และมีการควบคุมมลพิษสูงในระดับสากล รวมถึงการใช้ถ่านหินคุณภาพสูงนำเข้าจากออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ และอินโดนีเซีย
พื้นที่กว่า 3.25 ตารางกิโลเมตรของโรงไฟฟ้าแมนจุง เกิดจากการถมทะเลให้กลายเป็นเกาะเล็กๆ ที่ได้ระนาบและห่างไกลจากชุมชน นอกจากจะช่วยลดปัญหาความขัดแย้งในการใช้พื้นที่แล้ว การที่ถมทะเลออกมาและสร้างสะพานยาวประมาณ 2 กิโลเมตรยื่นออกไปในทะเล ยังช่วยให้การขนส่งถ่านหินมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งพื้นที่โดยรอบโรงไฟฟ้าก็ยังได้มีการปลูกป่าชายเลนขึ้นมาใหม่ เพื่อสร้างความสมดุลให้กับธรรมชาติ และเป็นที่อยู่อาศัยของกุ้ง หอย ปู ปลา รวมทั้งบรรดานกนานาชนิด
ไม่ไกลจากโรงไฟฟ้าแมนจุง เป็นที่ตั้งของหาดเตรุกบาติก (Teruk Batik) หนึ่งในสถานที่ตากอากาศยอดนิยมของชาวมาเลเซีย ที่มักจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ซึ่งบริเวณหาดยังสามารถมองเห็นโรงไฟฟ้าและท่าเรือขนถ่ายถ่านหินที่ควบคุมด้วยระบบปิด จึงไม่มีการฟุ้งกระจายของถ่านหินมารบกวนนักท่องเที่ยว ใกล้กันนั้นยังเป็นตลาดปลาและชุมชนชาวประมงขนาดใหญ่ ที่อาศัยเลี้ยงชีพด้วยการประมงมาเนิ่นนาน จนกระทั่งเมื่อโรงไฟฟ้าแมนจุงเกิดขึ้น พวกเขาก็ยังคงดำเนินวิถีชีวิตได้ตามปกติ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะธรรมชาติและระบบนิเวศที่นี่ยังคงสภาพอุดมสมบูรณ์ เพราะทุกฝ่ายต่างร่วมมือร่วมใจกัน โดยถือเอาผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก ซึ่งนั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้มาเลเซียสามารถพัฒนาและสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานได้อย่างต่อเนื่อง
ในอดีตนั้นการจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าในหลายประเทศ ได้มีข้อขัดแย้งหรือว่าข้อพิพาทกับชุมชน แล้วก็มีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมตามมาเสมอ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ได้มีการนำเอาหลักธรรมาภิบาลเข้ามาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้า ดังนั้นการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม การให้ความสำคัญกับชุมชนที่อยู่รอบข้าง และรวมถึงการให้ความสำคัญกับระบบนิเวศ จึงกลายมาเป็นบรรทัดฐานสำคัญที่ทำทุกประเทศจะต้องตระหนัก และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกๆ คนจะต้องมีส่วนร่วมแลกเปลี่ยนรับฟังปัญหาที่ตั้งอยู่บนเหตุและผลที่แท้จริง เพื่อนำไปสู่การวางแผนและพัฒนาอย่างยั่งยืน ดังเช่นเรื่องราวของเมืองเล็กๆ ที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ อย่างเช่นเมืองแมนจุงของประเทศมาเลเซีย อย่าลืมติดตามชมเนื้อหาพร้อมภาพและเสียงได้ที่รายการโลก 360 องศา ทุกวันเสาร์ 3 ทุ่มครึ่ง ทาง ททบ.5


