คุยกับคนชอบพระและสะสมบุญ ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน
ทันทีที่เดินเข้าไปบริเวณบ้านของ ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน คณะทำงานแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
โดย...วรธาร ทัดแก้ว ภาพ เสกสรรค์ โรจนเมธากุล
ทันทีที่เดินเข้าไปบริเวณบ้านของ ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน คณะทำงานแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งนั่งตำแหน่งที่ปรึกษาอิสระสาขาการท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว สิ่งแรกที่เห็นคือ พระพุทธรูปสีทอง งดงามประดิษฐาน ณ ลานบ้าน พระพักตร์หันไปทางตะวันออก ยิ่งบ่งบอกให้เห็นว่าเจ้าของบ้านเป็นผู้ที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาเพียงไร ซึ่งน้อยมากจะเห็นบ้านที่ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ในบริเวณบ้านเช่นนี้ ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นก็จะตั้งศาลพระภูมิหรือพระพรหมสี่หน้า
สักพักเจ้าของบ้านผู้มีหน้าตาแจ่มใสอารมณ์ดีก็เชิญเข้าไปสนทนากันในบ้านภายในห้องห้องหนึ่ง เข้าใจว่าเป็นห้องรับแขก แต่ภายในรอบๆ ห้องจะมีตู้ใส่พระเครื่อง วัตถุมงคล รวมทั้งเครื่องปั้นดินเผาโบราณจำนวนหนึ่งตั้งโชว์อยู่อย่างเป็นระเบียบ และเมื่อแหงนหน้ามองด้านบนก็จะเห็นพระบูชาทั้งเก่าและใหม่ขนาดหน้าตักต่างๆ ประดิษฐานอยู่รายรอบ เสมือนว่ากำลังอยู่ในพุทธสถานยังไงยังงั้น
ด้วยความอยากรู้ว่าพระเครื่องและวัตถุมงคลเหล่านี้ท่านได้แต่ใดมา จึงถามเจ้าของบ้านวัย 63 และคำตอบที่ได้จากดอกเตอร์ผู้มีหน้าเอิบอิ่มเสมือนคนที่มีปีติในบุญ คือ เพราะทำบุญมาจึงได้มา ทั้งที่ในการให้ทุกครั้งก็ไม่เคยหวังอะไรตอบแทน แต่เชื่อว่าเพราะการสร้างขุมทรัพย์คือบุญในพระพุทธศาสนานั้นก่อเกิดผลานิสงส์
“ผมว่าผมเป็นคนหนึ่งที่ทำบุญมากนะ โดยเฉพาะการทำบุญในพระพุทธศาสนา ทำบุญกับวัดวาอารามในประเทศไทย แล้วพระและวัตถุมงคลที่ผมมีอยู่นี้ส่วนใหญ่พระสงฆ์ที่พระผู้ใหญ่บ้าง เจ้าอาวาสบ้าง เมตตาให้มา ซึ่งมีทั้งพระเก่าพระใหม่ โดยผมทำบัญชีไว้หมดว่ามีอะไรบ้าง”
ในการทำบุญของ ดร.รณยุทธ์ ในฐานะพุทธศาสนิกชน นอกจากจะทำบุญเหมือนเช่นชาวพุทธทั่วไปทำกัน เช่น ใส่บาตรพระสงฆ์ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม แล้วยังมีอีกบทบาทหนึ่งในการดำรงอยู่ตำแหน่งหน้าที่ปัจจุบันและที่ผ่านมาถือว่าได้ทำให้มีโอกาสทำบุญเยอะ
“ส่วนตัวผมชอบทำบุญด้วยการถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ เพราะได้พรครบทั้ง 4 ประการ คือ อายุ ทำให้อายุยืน วรรณะ ทำให้มีผิวพรรณผ่องใส สุขะ ทำให้จิตใจมีความสุข พละ ช่วยให้มีกำลังกายกำลังใจที่ดี ดังนั้นเวลาที่เข้าวัดในช่วงก่อนเที่ยง ผมต้องนำอาหารไปถวายพระเสมอ นอกจากนี้ก็ชอบสวดมนต์ด้วยวันละ 4 ครั้ง แต่ก็น้อยกว่าพี่น้องมุสลิมที่ละหมาดวันละ 5 ครั้ง (ยิ้ม)
ทว่าจากการที่ผมเคยเดินทางสำรวจสำนักปฏิบัติธรรมทั่วประเทศไทย ไปมาเกือบทุกจังหวัด ยกเว้นยะลาและปัตตานี แล้วได้ออกหนังสือเกี่ยวกับสำนักปฏิบัติธรรม 2 เล่ม ในชื่อหนังสือ ‘แผนที่ความสุข 100 สถานที่ปฏิบัติธรรมทั่วไทย’ เมื่อปี 2552 ทำให้ผมได้รู้เกี่ยวกับพระคุณเจ้ารูปแล้วรูปเล่า เพราะสำนักปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในวัด
ต่อมาในปี 2554 รัฐบาลได้ตั้งผมให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบูรณะและพัฒนาวัดและโบราณสถานที่ประสบมหาอุทกภัยในปี 2554 ซึ่งก็มีส่วนราชการต่างๆ เข้าไปเกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงวัฒนธรรม กรมศิลปากร สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แล้วใครจะคิดว่ากรมการท่องเที่ยวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าสถานที่เหล่านี้ ไม่ว่าวัดหรือโบราณสถานถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมนั่นเอง ซึ่งผมได้รับมอบหมายให้ดูแลเฉพาะวัด
โดยในการบูรณะวัด 2,500 วัด และโบราณสถาน 300 กว่าแห่งที่ถูกน้ำท่วมนั้น ใช้เงินไปประมาณ 3,000 ล้านบาท สำนักพุทธฯ ให้ผมไปติดตามตรวจสอบงบน้ำท่วมที่จะใช้ในการบูรณะพัฒนาวัด โดยตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการติดตามตรวจสอบ ผมก็ไปตรวจเยี่ยมวัดต่างๆ ที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ตรงนี้เองได้มีบทบาทช่วยวัดต่างๆ ที่ทำเรื่องของบเพื่อไปบูรณะและพัฒนาวัด ได้รู้จักกับพระคุณเจ้าทุกระดับ เช่น เจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค ท่านเหล่านี้ก็เห็นว่าผมได้ช่วยเหลือ เวลาไปเยี่ยมท่านก็จะให้พระ ให้วัตถุมงคลมา บางครั้งผมไปทอดกฐิน ผ้าป่า ท่านก็ให้มา” ดอกเตอร์หัวใจพุทธ เล่าถึงงานด้านศาสนาอย่างอารมณ์ดี
ดร.รณยุทธ์ ย้ำว่า การที่ใครคนใดคนหนึ่งจะมีโอกาสได้เข้ามาดูแลวัดทั่วประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่ว่าใครจะเอาเงินหลวงมาใช้ได้ง่ายๆ ดังนั้นการที่ตนได้รับแต่งให้เข้าไปดูแลการบูรณะพัฒนาและบำรุงพระพุทธศาสนาวัดต่างๆ จึงถือเป็นบุญครั้งใหญ่ที่ได้ทำเพื่อพระพุทธศาสนา
“ผมอิ่มใจนะที่ได้ทำเพื่อพระพุทธศาสนา ช่วยวัดต่างๆ แม้จะเป็นเงินหลวง ไม่ใช่เงินของผม แต่ผมก็รู้สึกอิ่มบุญไปด้วย เพราะเราก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้วัดต่างๆ ได้รับงบประมาณที่ขอมาเพื่อไปบูรณปฏิสังขรณ์ตามสมควร ถูกต้องตามระเบียบปฏิบัติ ดังนั้นผมจึงกล้าพูดตรงนี้ว่าผมก็คนหนึ่งที่ทำบุญมากในพระพุทธศาสนา ซึ่งใครจะคิดหรือว่าอย่างไรก็สุดแต่ครับ”
พร้อมกันนี้ จากการทำงานอยู่ในบทบาทหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับวัดและพระศาสนา ทำให้ดอกเตอร์ใจบุญได้ใช้เวลาเขียนหนังสือเกี่ยวกับวัดขึ้นมาหลายเล่ม เพื่อเป็นการเผยแพร่ให้คนไทยและต่างชาติได้รู้ว่าประเทศไทยนั้นยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สวยงามมากมายที่ประเทศอื่นไม่มี
“จากการที่ผมเดินทางไปวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ในฐานะเป็นที่ปรึกษาอิสระสาขาการท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว ทำให้ผมได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับวัดหลายเล่ม เช่น ท่องเที่ยวพุทธสถานแห่งอุษาคเนย์ 12 เส้นทางท่องเที่ยวธรรมะรักษาใจ ล่าสุด ผมเขียนเรื่อง พระอารามหลวง ทั้งหมด 3 เล่ม จัดจำหน่ายโดยศูนย์หนังสือจุฬาฯ ซึ่งใครที่ซื้อเล่มที่ 3 นั้น ผมแจกพระชุดเบญจภาคีด้วย ถ้าสนใจลองไปหาซื้อดูครับ”
แม้ดอกเตอร์วัยเกษียณจะทำบุญมาเยอะ ทว่าในการทำบุญของเขานั้นไม่เคยหวังสิ่งตอบแทน เพราะการทำบุญเพื่อหวังสิ่งตอบแทนถือว่าการทำบุญนั้นไม่บริสุทธิ์ ซึ่งการทำบุญที่จะให้บริสุทธิ์นั้นต้องทำด้วยใจบริสุทธิ์จริงๆ ทั้งก่อนให้ ขณะให้ และหลังให้ เจตนาต้องบริสุทธิ์ วัตถุที่ทำต้องบริสุทธิ์ จึงจะเป็นการทำบุญที่ถูกต้องและสมบูรณ์แบบตามหลักของพระพุทธศาสนา
“ทุกครั้งที่ผมทำบุญ ผมไม่เคยคิดถึงสิ่งตอบแทน เพราะการหวังอะไรตอบแทน ผมถือว่าการทำบุญนั้นไม่บริสุทธิ์ แต่อย่างไรก็ตามของต่างๆ ที่ผมได้มาจากพระคุณเจ้า ไม่ว่าพระเครื่อง วัตถุมงคลต่างๆ มากมาย ทั้งเก่าทั้งใหม่ ผมเชื่อว่ามาจากการทำบุญของผม บางครั้งผมก็คิดว่าพระก็คงอยากจะขอบใจเราที่ได้ช่วยท่าน และจะให้อะไรที่จะเหมาะกว่าพระหรือวัตถุมงคลคงไม่มี เมื่อท่านให้มาผมก็รับไว้ บางส่วนก็เป็นสมบัติที่คุณพ่อให้มา
ผมมีทั้งพระเครื่อง พระบูชา เหรียญ และพระเครื่องของพระเกจิอาจารย์ทั้งเก่าและใหม่ ถ้าใหม่ๆ ก็จะเก็บไว้ในห้องรับแขก ตั้งอยู่ในตู้บ้าง อยู่รอบๆ ห้องข้างบนที่ทำเป็นที่ตั้งพระอย่างดีบ้าง ส่วนพระเก่าผมเก็บไว้อย่างดีและห้อยคอเพื่อความเป็นสิริมงคล เช่น หลวงปู่ทวด รุ่น 1 ปี ปี 2497 สมเด็จวัดปากน้ำ รุ่น 1 ปี 2502 สมเด็จบางขุนพรหม ปี 2505 พระกริ่งสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น 2 องค์ หลวงพ่อเงินรุ่นจอบเล็ก
นอกจากนี้ ยังมีพระเจ้าห้าพระองค์ ซึ่งเก่ามาก เป็นพระที่คุณพ่อผมให้มา รวมถึงสมเด็จวัดระฆังด้วย โดยคุณพ่อได้มาจากหลวงปู่นาค หรือพระเทพสิทธิยาจารย์ วัดระฆัง เมื่อครั้งสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ พักอยู่ที่วัดระฆัง ขณะที่พระบูชาที่เก่ามากที่สุดก็ต้องยกให้พระไม้ที่กลายเป็นหิน ซึ่งเจ้าคุณพิศาล วัดปทุมวนาราม มอบให้ ส่วนพระใหม่ เช่น รูปหล่อสมเด็จโต คุณสรพงศ์ ชาตรี ให้มา เป็นต้น โดยพระใหม่ที่ได้มาหลายๆ ครั้งก็ให้คนอื่นต่อ ไม่ได้เก็บไว้ก็มาก ส่วนพระเก่าก็เก็บรักษาอย่างดี เพราะบางอันก็มีคุณค่าทางจิตใจด้วย เช่น พระคุณพ่อให้มา ก็ต้องรักษาให้ดี”
อย่างไรก็ตาม ดร.รณยุทธ์ ยอมรับว่า แม้จะมีพระเก่า แต่ก็ไม่เคยคิดถึงพุทธพาณิชย์ ซึ่งถือว่าเป็นวงจรอุบาทว์ สำหรับตนแล้วการมีพระอยู่กับตัวจะช่วยให้ชีวิตได้รับแต่สิ่งที่เป็นมงคลอยู่เสมอ
ลองห้อยคอดูแล้วจะรู้ว่า พุทธคุณมีจริง และการห้อยคอคือการดูแลรักษาพระที่ดีที่สุด


