posttoday

ยิ่งสูง ยิ่งห(น)าว (ตอน 1)

31 มีนาคม 2557

“มีใครบ้างไม่อยากเป็นผู้นำ? ให้ยกมือขึ้น” เชื่อว่าหากเราตั้งคำถามนี้กับคนทั่วๆ ไป คงมีคนยกมือเป็นส่วนน้อย

โดย...รศ.ดร.ศิริยุพา รุ่งเริงสุข สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย / ภาพ เอเอฟพี

“มีใครบ้างไม่อยากเป็นผู้นำ? ให้ยกมือขึ้น” เชื่อว่าหากเราตั้งคำถามนี้กับคนทั่วๆ ไป คงมีคนยกมือเป็นส่วนน้อย เพราะธรรมชาติของคนเรามักอยากเป็นที่ชื่นชม เป็นที่ยอมรับในความสามารถกันทั้งนั้น หายากหน่อยที่จะมีคนบอกว่าขอเป็นลูกน้องอยู่แถวหลังตลอดไป ให้คนอื่นอยู่แถวหน้ารับเกียรติยศและคำชื่นชมไปแทน เว้นเสียแต่ว่าการเป็นผู้นำในตำแหน่งนั้นๆ นำมาซึ่งความหนักใจและอันตรายมากกว่าความมีชื่อเสียงและความสบาย หันมามองคนทำงานกันบ้าง แต่ละคนย่อมมุ่งหน้าหาทางก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น ไม่ค่อยมีใครอยากอยู่กับที่ กินเงินเดือนเท่าเดิม ใครๆ ก็อยากได้ตำแหน่งที่สูงขึ้น มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้น สั่งการคนได้มากขึ้น ยิ่งถ้าเป็นผู้นำองค์กรใหญ่ๆ หรือเป็นผู้นำทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ ไปไหนมีรถนำขบวน มีคนห้อมล้อมมากมาย ได้เสพแต่ของมีราคาแพง ตื่นเช้ามาถ้าตาบวมไปหน่อยเพราะนอนไม่พอก็เป็นข่าวหนังสือพิมพ์ แต่วันใดเมื่อถึงเวลาเกษียณอายุจากหน้าที่หรือถูกใครเขี่ยตกกระป๋องก็จะเห็นสัจธรรมว่า อะไรๆ ล้วนไม่แน่นอน และใครเป็นเพื่อนแท้หรือเพื่อนเทียม ซึ่งพอถึงตอนนั้นก็มักจะสายเกินไปที่จะปรับใจให้ทัน บางคนซึมเศร้าตรอมใจตายก็มีให้เห็นเป็นอุทาหรณ์มากมาย แต่ก็นั่นแหละ คนเรามักจะมองแต่สิ่งที่ดีๆ ลืมมองว่าอะไรก็ตามที่เข้ามาในชีวิตของเรามักมีสองด้านเสมอ คือ ด้านดี กับด้านร้าย หรือ ด้านบวก กับด้านลบ ผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนจึงมักเตือนลูกหลานให้รู้จักมองอะไรกว้างๆ อย่ามองแต่ด้านที่ตัวเองจะได้อย่างเดียว เผื่อใจไว้เวลาที่อะไรๆ มันไม่เป็นอย่างใจไว้เสมอๆ เวลาตกจากฟ้าจะได้ไม่เจ็บอกมากนัก

กระนั้นก็ตาม ตราบใดที่คนเรายังเวียนว่ายอยู่ในวัฎจักรของการเกิดขึ้น เจริญขึ้น และร่วงลงโรยรา ก็ย่อมมีคนรุ่นใหม่ที่จะเดินเข้าวงเวียนนี้แบบไม่มีการเตรียมตัวให้ดีอยู่เสมอๆ ดังนั้นการพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถ (พวก Talent) ให้พร้อมขึ้นดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นเป็นผู้นำจึงจำเป็นต้องบรรจุหัวข้อเรื่องคุณภาพชีวิตของผู้นำเอาไว้ด้วย หัวข้อนี้มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหัวข้ออื่นๆ เช่น การนำทีม การสื่อสารระดับนโยบาย การบริหารเชิงกลยุทธ์ ฯลฯ การฝึกอบรมผู้นำทุกระดับจึงพึงให้ความสำคัญกับการอบรมฝึกฝนผู้นำให้มีวุฒิภาวะทางด้านอารมณ์จิตใจที่พร้อมจะรับมือกับความกดดัน สิ่งยั่วยุ และแรงท้าทายต่างๆ ที่ผู้นำจะต้องเผชิญหน้าในชีวิตประจำวันให้ดี เพื่อที่เขาจะไม่หลงตัว หลงทาง มีสติที่จะบริหารจัดการบุคคลและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เข้ามาในเส้นทางชีวิตการทำงานและครอบครัวได้อย่างเหมาะสม สามารถยืนอยู่ในที่สูงฝ่าแดดลมฝนอย่างทรหดอดทนไม่ล้มครืนลงมาง่ายๆ รู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว พอถึงเวลาก็รู้จักลงจากที่สูงอย่างสง่าผ่าเผย ไม่ใช่โดนใครผลักลงมา หรือสะดุดขาตัวเองหล่นลงมาให้เป็นที่อนาถใจหรือสมน้ำหน้าของสังคม

สัจธรรมข้อที่หนึ่ง – ยิ่งสูง ยิ่งหนาว และยิ่งเหงา คนจะเป็นผู้นำต้องยอมรับความเป็นจริงว่าการที่มีความสามารถและความรับผิดชอบหน้าที่สูงกว่าผู้อื่นอาจนำความโดดเดี่ยวเดียวดายมาให้ไม่มากก็น้อยตามแต่เหตุปัจจัย ผู้นำจึงต้องฝึกให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง สามารถยืนหยัดทำงานอยู่คนเดียวให้ได้ จากที่เคยทำอะไรต้องชวนพรรคพวกไปเป็นฝูง ต้องปรึกษาคนโน้นคนนี้ตลอดเวลา ต่อไปนี้โค้ชต้องฝึกให้หัดบินเดี่ยวบ้าง จะได้รู้จักระมัดระวังตัว คิดอะไรให้รอบคอบ ตัดสินใจคนเดียวเป็น และกล้ารับผลลัพธ์ของการตัดสินใจนั้นได้ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ ล้มแล้วต้องลุกให้เป็น

สัจธรรมข้อที่สอง จิตใจที่เข้มแข็ง มักอยู่ในร่างกายที่แข็งแกร่ง ผู้นำต้องดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองให้ดี คนที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพคือผู้ที่มีสุขนิสัยที่ดี มีวินัยในการรับประทาน พักผ่อน ออกกำลังกายให้เหมาะกับสภาพร่างกายของตนเอง

สัจธรรมข้อที่สาม – ทำในสิ่งที่ถูกต้อง อาจจะไม่ถูกใจใครหลายคน คนเป็นผู้นำต้องยึดมั่นในคุณธรรม ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งต้องใช้ความกล้าหาญมาก เพราะย่อมมีหลายคนที่เสียผลประโยชน์คัดค้านไม่เห็นด้วย มีคนตัดญาติขาดมิตร อาจถูกคุกคาม ซึ่งผู้นำหลายคนอาจหวั่นไหวและยอมจำนนกับอธรรมหมู่มาก เรื่องนี้ผู้นำต้องตัดสินใจเองว่าอุดมการณ์ของตนคืออะไร จะยอมเปล่าเปลี่ยวไม่มีพรรคพวกเพื่อความถูกต้อง หรือจะยอมทิ้งคุณธรรมเพื่อเอาใจคนผิด แต่ถ้าฝึกกำลังใจมาดี เรื่องนี้คงตัดสินใจไม่ยาก

สัจธรรมข้อที่สี่ เก่งงานอย่างเดียวไม่พอ ต้องเก่งเรื่องคน เรื่องสร้างความสัมพันธ์ด้วย แม้ว่าการเป็นผู้นำอาจต้องพบเจอกับความอ้างว้างเพราะหาเพื่อนแท้ที่จริงใจยาก แต่ใช่ว่าเราจะจนหนทางในการสร้างมิตรภาพทั้งในที่ทำงาน การเป็นผู้นำที่เป็นที่เคารพรักของเพื่อนร่วมงานย่อมอาศัยเพียงความสามารถในการทำงานไม่พอ คุณสมบัติที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือการมีบุคลิกภาพที่เป็นมิตร อบอุ่น จริงใจที่ลูกน้องมองหา ผู้นำจึงต้องจัดเวลาเพื่อพบปะพูดคุยซักถามสารทุกข์สุกดิบของลูกน้อง มีใจเมตตา มีน้ำใจเอื้ออารีต่อพวกเขาในวาระอันควร ซึ่งเรื่องนี้จะต้องประพฤติอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่พอนึกจะใช้ลูกน้องก็ค่อยซื้อขนมไปฝากเขา แบบนี้มันตื้นเขิน ลูกน้องรู้ทัน ไม่ประทับใจ แต่ถ้าผู้นำตระหนักอย่างจริงใจว่าลูกน้องทุกคนมีส่วนสร้างความสำเร็จให้ทีมงานของตนและองค์กร ผู้นำจะมองลูกน้องด้วยความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิม จะรู้สึกขอบคุณที่มีพวกเขาเป็นผู้สนับสนุนให้ตนเองทำงานจนบรรลุเป้าหมาย และเมื่อมีความรู้สึกเช่นนี้เกิดขึ้นในใจจริงๆ ทุกอย่างที่ผู้นำทำเพื่อลูกน้องก็จะออกมาอย่างจริงใจจนลูกน้องสัมผัสได้ และเมื่อใจมันถึงใจกันแล้ว ผู้นำจะไม่เหงาอยู่นานหรอกค่ะ เพราะลูกน้องคงไม่ทอดทิ้งผู้นำเหมือนกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พ่อหลวงของเรามีพระราชดำรัสว่า “ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนได้อย่างไร”

สัปดาห์นี้ขอพักไว้ตรงนี้ก่อน โปรดติดตามสัจธรรมข้ออื่นๆ ที่จะเสริมสร้างความอบอุ่นในหัวใจเหงาๆ ของผู้นำให้เต็มตื้นขึ้นกว่าเดิม ไม่หนาวแม้ต้องขึ้นที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก และไม่ต้องนั่งหาวเพราะอยู่ลำพังจนง่วงเหงาเศร้าใจอีกต่อไป

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด ไบรท์ตัน พบ ซันเดอร์แลนด์ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 20 ธ.ค.68