อคิลเลีย – ดอกไม้จากเมดิเตอร์เรเนียนในเมืองไทย
ในบรรดาดอกไม้ต่างประเทศที่ถูกใช้เป็นวัตถุดิบจัดช่อดอกไม้มากที่สุดชนิดหนึ่งของเมืองไทย
โดย...หม่อมหลวงจารุพันธ์ ทองแถม
ในบรรดาดอกไม้ต่างประเทศที่ถูกใช้เป็นวัตถุดิบจัดช่อดอกไม้มากที่สุดชนิดหนึ่งของเมืองไทย อคิลเลีย หรือยาร์โรว์ (Achilleas or Yarrow) นับเป็นไม้ดอกที่ประสบผลสำเร็จมากที่สุด เพราะถูกขยายคัดพันธุ์และปลูกส่งเสริมให้เกษตรกรชาวกะเหรี่ยง (ปกากะเญอ) แห่งบ้านผาหมอนและแม่ยะ จ.เชียงใหม่ ได้ปลูกเป็นอาชีพ ทำเงินตอบแทนมาเป็นเวลานานกว่าสิบปีแล้ว ข้อสำคัญคือไม้ดอกชนิดนี้มีภูมิคุ้มกันตัวเองจากศัตรูจำพวกแมลงปากกัดปากดูดทั้งหลาย ดังนั้น จึงไม่ต้องใช้เคมีภัณฑ์ที่เป็นพิษต่อร่างกายมนุษย์ ทำให้ผู้ปลูกมีความปลอดภัย
อคิลเลียยังเป็นพืชถาวร (อายุหลายปี) ที่มีคุณสมบัติดีสุดยอด อีกประการคือมันทนต่อภาวะแห้งแล้ง ฝนทิ้งช่วงไม่เหมือนไม้ดอกอื่น ยิ่งกว่านั้นมันยังไม่เลือกดิน ไม่ต้องหมดเปลืองหาปุ๋ยอินทรีย์มาใส่ อาจจะเป็นเพราะมันสืบเชื้อสายมาจากวัชพืชในแถบริมทะเลดำประเทศตุรกี ซึ่งผู้เขียนเคยไปท่องเที่ยวเก็บเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ป่ามาปลูกสองครั้งด้วยกัน จากการอนุเคราะห์ของสถานทูตตุรกีในเมืองไทย ที่เมืองแอนทาลยา ใกล้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไล่ขึ้นไปสู่เมืองอดานา (Adana) เราขับรถไปแวะเก็บเมล็ดดอกไม้ป่าที่อุดมสมบูรณ์และหลากหลาย ที่นี่อคิลเลียดอกเหลือง (Achillea Millefolium และ A.filipendulina) ขึ้นอยู่โดยมันเป็นต้นตระกูลของพันธุ์ลูกผสมดอกสีเดียวและดอกหลากสีมีตั้งแต่สีชมพูอมส้ม (Salmon Pink) ไปจนถึงสีแดงเข้ม ซึ่งในสมัยแรกที่เราเอาเมล็ดมาปลูกดูมันเติบโตได้ไม่สม่ำเสมอ บางต้นออกดอกดกเป็นพุ่มใหญ่ให้ผลผลิตสูง แต่บางต้นบางสีออกดอกกะปริบกะปรอย ดังนั้น รศ.ธัญญะ เตชะศิลปพิทักษ์ ผู้ร่วมงานจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และนิสิตปริญญาโท ภาควิชาพืชสวน จึงทำการคัดเลือกพันธุ์ปลูกใหม่ โดยคัดเอาแต่ต้นที่ผ่านการทดสอบและขยายพันธุ์ โดยการปักชำกิ่งเพื่อให้เกษตรกรปลูกและส่งช่อดอกจำหน่ายแก่โครงการผลิตภัณฑ์ไม้ประดับแห้ง โครงการหลวงต่อไป
การผสมข้ามชนิดของอคิลเลียชนิดต่างๆ ทำให้ได้ต้นลูกผสมที่มีการเติบโตดีและเหมาะใช้ตัดดอก หรือปลูกจัดสวน โดยใช้เป็นไม้ประดับแปลง หรือปลูกเป็นไม้ประดับสวนหินก็เหมาะสมมาก ในต่างประเทศนั้นขยายพันธุ์โดยหว่านเมล็ดลงในแปลงกลางแจ้ง ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิและเลือกพื้นที่ ซึ่งได้รับแสงแดดจัดจ้าทั้งวัน ซึ่งใกล้เคียงกับแปลงปลูกทั้งที่ดอยผาตั้ง ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เมื่อต้นแตกกอจึงทำการแบ่งกอ ทำให้การเจริญเติบโตรวดเร็วและได้จำนวนต้นมากขึ้น การแยกตัดปักชำกิ่งยังเพิ่มปริมาณต้นปลูกให้เกษตรกรอีกด้วย แม้ต้นจะสูงขึ้นได้ถึง 1.4 เมตร แต่ในเมืองไทยแล้วต้นที่คัดไว้ได้จะมีความสูงเฉลี่ยประมาณ 6070 เซนติเมตรเท่านั้น ดอกของอคิลเลียหรือยาร์โรว์มีกลิ่นหอมฉุน (Musty Odour) ดังนั้น แมลงจึงไม่อยากมารบกวน ดังกล่าวไปแล้วในตอนต้น
อคิลเลียในถิ่นเดิมของมันที่ริมทะเลดำ เราได้พบแต่อคิลเลียดอกขาวและอคิลเลียดอกเหลืองล้วนเป็นทุ่งขนาดใหญ่ ส่วนเมล็ดลูกผสมใหม่ซึ่งซื้อมาเพาะนั้นให้ดอกสีแดงส้มไส้เหลือง พวกนี้มีชื่อพันธุ์ว่า เดอะบีคอน (The Beacon) ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากพ่อแม่คือ Achillea Filipendula
ลูกผสมอคิลเลียใหม่ให้สีพาสเทล (Pastel) หรือสีขาวล้วน ซึ่งได้ชื่อพันธุ์ว่า เกรท เอกเปกเตชั่น (Great Expectations) ซึ่งดูเหมือนเขาจะออกแบบมาใช้ปลูกเพิ่มความสว่างของสวน หรือมิฉะนั้นก็เหมาะกับงานตัดดอกทำผลิตภัณฑ์ดอกไม้แห้ง ซึ่งเป็นอาชีพของพวกเราอยู่แล้ว การตัดชำต้นเป็นวิธีขยายพันธุ์ ซึ่งเราแนะนำให้เกษตรกรปฏิบัติและเป็นแหล่งรายได้ที่ดีของพวกเขา
ระยะหลังจากที่ปลูกติดต่อกันมา หลายปีในพื้นที่เดียวกัน เราแนะนำให้เกษตรกรใส่ปุ๋ยคอก (ขี้วัว) หรือขี้ไก่ผสมแกลบสดหมักลงในแปลง โดยวิธีหว่านและไถพรวนเพิ่มผลผลิตของอคิลเลียได้มาก แกลบสดเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น แต่ลำพังตัวมันเองไม่มีคุณค่าทางธาตุอาหารพืชเท่าใดนัก นอกจากมีซิลิกาสูงแล้วมันให้ผลดีในการปรับสภาพดินให้ร่วนซุย ไม่สลายตัวผุพังเร็ว ดังนั้น จึงควรหมักกับปุ๋ยมูลสัตว์เช่นขี้วัว ขี้ไก่ และอาจเติมขุยมะพร้าวลงไปด้วยก็ได้
อคิลเลียหลังจากแทงช่อดอกและดอกบานพร้อมกันทั้งแปลง เราจะต้องรอให้ช่อดอกแก่ประมาณ 3 ใน 4 ส่วนก่อนที่จะเก็บเกี่ยว ก่อนหน้าฝนแรกจะมาเยือนในช่วงปลายเดือน เม.ย. การเก็บเกี่ยวทำโดยใช้กรรไกรหรือมีดยาตัดโคนช่อให้ขาด ก่อนมัดรวมกันและนำไปแขวนห้อยหัวในที่ร่ม อากาศถ่ายเทดี เมื่อผึ่งไว้หนึ่งสัปดาห์จึงจัดลงกล่อง ชั่งน้ำหนักและส่งตลาดได้
โครงการผลิตภัณฑ์ไม้ประดับแห้งจะนำเอาช่ออคิลเลียไปเก็บในโกดัง โรงเก็บผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งเข้าโรงงานแปรรูป โดยการฟอกย้อมสีต่างๆ ตามความต้องการของตลาด หรือนำไปจัดเข้าช่อ บูเกต์ ช่อดอกไม้หรือนำไปประกอบผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกแบบต่างๆ ต่อไป


