posttoday

บ่ายนี้ มีเค้กนานาชาติ

14 มีนาคม 2557

เทรดิชั่น “ชายามบ่าย” ยังฮอตฮิตติดลมบน ร้านชาทั้งหลาย แบรนด์นอก แบรนด์ไทย ทยอยกันเปิด ทั้งโรงแรมต่างๆ

โดย...ปณิฏา สุวรรณปาล

เทรดิชั่น “ชายามบ่าย” ยังฮอตฮิตติดลมบน ร้านชาทั้งหลาย แบรนด์นอก แบรนด์ไทย ทยอยกันเปิด ทั้งโรงแรมต่างๆ ก็ยังคงรักษาประเพณีการจิบน้ำชายามบ่ายไว้อย่างแข็งขัน

หลายๆ คนไปเพื่อดื่มด่ำ แอพพริชิเอท ชาหลากรส ขณะที่หลายๆ คนก็ไปเพราะชื่นชอบขนมหลากหลายมากมายละลานตา อย่างที่ เดอะ มิวเซียม คอฟฟี่ แอนด์ ที คอร์เนอร์ เซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า หัวหิน ที่จัดอาฟเตอร์นูน ที ไว้ให้ดื่มด่ำกันได้ทุกวันแบบอลังการงานสร้าง ท่ามกลางบรรยากาศแบบโคโลเนียล

ที่สะดุดตาสุดๆ ก็คือ ทุกๆ บ่ายวันอาทิตย์ เวลา 15.00-18.00 น. กับ The Heritage Afternoon Tea Buffet ที่จะเต็มไปด้วยเค้กจากนานาชาติ ฟังแต่ละชื่อล้วนแต่น่าลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็น ...

บัทเทนแบร์กเค้ก

สปอนจ์เค้กสัญชาติอังกฤษแสนนุ่มเบา รูปทรงเป็นท่อนยาว ห่อหุ้มด้วยแผ่นมาร์ซิแพน (แผ่นน้ำตาลผสมอัลมอนด์บดและไข่ขาว) เอกลักษณ์ที่ทำให้เรียกว่าเป็น บัทเทนแบร์ก เค้ก (Battenburg Cake) แท้ๆ นั้นก็คือ เมื่อตัดตัวเค้กออกมาเป็นด้านใน จะต้องมีแพตเทิร์นคล้ายตาราง 4 ช่องที่เป็นเนื้อสปอนจ์เค้กสลับคู่สีกัน โดยส่วนใหญ่นิยมใช้สีชมพูกับสีเหลือง

ประวัติศาสตร์ของเจ้าเค้กชนิดนี้มีมาไม่แน่ชัด บางครั้งเรียกว่า โดมิโน เค้ก บางทีก็เรียนนีโปลิแทน โรลล์ หรือ เชิร์ช วินโดว์ เค้ก เพราะเมื่อตัดออกมาแล้วเหมือนซึ่งชื่อเรียงเสียงแรกอย่าง บัทเทนแบร์ก เค้ก มีความเชื่อมโยงกับเมืองทางตอนกลางของเยอรมนี โดยประวัติศาสตร์อ้างว่า ในปี 1884 เจ้าชายหลุยส์แห่งบัทเทนแบร์ก โปรดให้รังสรรค์เค้กรูปแบบนี้ในพิธีอภิเษกของพระองค์กับเจ้าหญิงวิกตอเรีย พระราชนัดดาของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย แห่งสหราชอาณาจักร

งานนี้ได้รับการสนับสนุนด้วยรายการแข่งขันทำอาหาร The Great British Bake Off ทางช่องบีบีซี ที่เล่าเรื่องประวัติของเค้กชนิดนี้ก่อนที่จะให้ผู้แข่งขันลงมือทำว่าเป็นเค้กที่คิดค้นขึ้นมาโดยเจ้าชาย 4 พระองค์ของบัทเทนแบร์ก ได้แก่ เจ้าชายหลุยส์ และบรรดาพระเชษฐาอีก 3 พระองค์ คือ เจ้าชายอเล็กซานเดอร์ เจ้าชายฟรันซ์โยเซฟ และเจ้าชายเฮนรี

บ่ายนี้ มีเค้กนานาชาติ

 

ว่ากันว่า แรกเริ่มเดิมที บัทเทนแบร์ก เค้ก นั้น ประกอบด้วยช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่เป็นลวดลายของเค้กถึง 9 ช่องด้วยกัน ต่างจากที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งมีแค่ 4 ช่อง

สูตรทำขนมเค้กของเจ้าชายแห่งบัทเทนแบร์กที่พบเป็นครั้งแรกอยู่ในหนังสือ Saleable Shop Goods พิมพ์ในปี 1898 เป็นหลักฐานที่เห็นได้ชัดเจน บอกเล่าวิธีทำเค้กสลับสี 9 ช่อง โดยสมัยนั้นนิยมใช้สีแดงสลับกับสีขาว จึงต่างคิดกันไปว่า จริงๆ แล้วเจ้าชายแห่งบัทเทนแบร์กอาจจะมีถึง 9 พระองค์ที่ไม่ได้กล่าวถึง จึงสร้างสรรค์เค้ก 9 ช่องเป็นตัวแทนแต่ละพระองค์ออกมา เหมือนเช่นในปี 1936 ได้มีการสร้างสรรค์บัทเทนแบร์ก เค้ก 25 ช่องขึ้น ตามจำนวนพระราชนัดดาของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย แห่งสหราชอาณาจักรที่มีมากถึง 25 พระองค์

ไม่มีใครรู้ (อีกนั่นแหละ) ว่า อยู่ดีๆ บัทเทนแบร์ก เค้ก 9 ช่อง อยู่ดีๆ ทำไมจึงลดลงเหลือเพียงแค่ 4 ช่องเท่านั้น คาดว่าจะเป็นความขี้เกียจของคนทำมากกว่า เพราะเค้กสลับสี 9 ช่องนั้นทำยากกว่าแค่เพียง 4 ช่องตั้งเยอะแน่ะ (อิอิ)

บัทเทนแบร์ก เค้ก จะต้องผ่านกรรมวิธีการอบผ่านบล็อกเหล็กสี่เหลี่ยม เหมือนกับที่ใช้ทำฟรุตเค้ก ส่วนผสมประกอบด้วย แป้ง เนย น้ำตาล ลูกเกด เปลือกผลไม้ ทาร์ทาร์ครีม เบกกิ้งโซดา ไข่ และนม วิธีการทำก็ต้องเริ่มจากการทำสปอนจ์เค้กออกมา 2 สีแยกกันก่อน จากนั้นนำมาตัดเป็นเส้นยาวๆ อย่างละ 2 เส้น แล้วนำมาวางสลับสีให้ได้ผลลัพธ์เป็นตารางสลับสีกัน โดยเชื่อมระหว่างเส้นทั้ง 4 ด้วยแยมส้มหรือสตรอเบอร์รีแล้วแต่ชอบ (นิยมแยมส้มมากกว่า) เสร็จแล้วก็นำไปห่อด้วยแผ่นมาร์ซิแพน โดยส่วนใหญ่จะเสิร์ฟเป็นชิ้นๆ หนาประมาณ 2 ซม. เพื่อที่จะอวดลวดลายสวยๆ ของบัทเทนแบร์ก เค้ก นั่นเอง

วิกตอเรียเค้ก

บางทีก็เรียกว่า วิกตอเรีย สปอนจ์ หรือ วิกตอเรีย แซนด์วิช เค้ก ตั้งชื่อตามพระนามสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย แห่งสหราชอาณาจักร ผู้ทรงชื่นชอบสปอนจ์เค้กแบบนี้ (ราสพ์เบอร์รี) สำหรับชายามบ่ายของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง

วิกตอเรียเค้ก (Victoria Cake) มักจะเป็นสปอนจ์เค้กรสชาติออริจินัล ที่จะมาปรุงแต่งสอดไส้ระหว่างเค้ก 2 ชั้น ด้วยแยมราสพ์เบอร์รีกับดับเบิลครีม หรือวานิลลา ครีม ปิดท้ายให้สวยงามด้วยการโรยไอซิ่งที่ด้านบนของวิกตอเรีย แซนด์วิช เค้กเป็นอันเสร็จพิธี

บ่ายนี้ มีเค้กนานาชาติ

สำหรับเค้กชิ้นโปรดของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย แห่งสหราชอาณาจักร สามารถปรุงได้ 2 วิธี วิธีดั้งเดิมก็คือการตีทุกสิ่งด้วยมือ กับวิธีการสมัยใหม่ ที่ใช้เครื่องในการตีส่วนผสม ทำให้ได้เนื้อเค้กที่เบากว่า ทั้ง 2 วิธีเป็นการทำสเปนจ์เค้กที่ง่ายๆ จึงเป็นเค้กที่นิยมจะสอนให้เด็กๆ ทำเอง โดยปิดท้ายด้วยการทาแยมราสพ์เบอร์รี และบีบวิปดับเบิลครีม หรือวานิลลาครีม ตกแต่งได้สวยง่ายๆ ด้วยตัวเอง

นอกจากนิยมทำในรูปแบบของเค้กชิ้นโตแล้ว ยังนิยมทำเป็นชิ้นเล็กๆ แบบหยิบถนัดมือ พอดีคำด้วย ขณะที่ยังปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นเค้กสูตรมังสวิรัติ สูตรโลว์แฟต หรือสูตรสำหรับคนแพ้นมเนยได้ง่ายๆ ด้วย เช่น เปลี่ยนนมวัวเป็นนมข้าวโพดหรือนมถั่วเหลือง เปลี่ยนใช้น้ำมันพืชแทนไข่ ฯลฯ

ปาฟโลว่า

ของหวานที่ตั้งชื่อตามนักบัลเลต์ชาวรัสเซีย อันนา ปาโฟลว่า (ชื่อเค้กอ่านต่างจากชื่อนักบัลเลต์) มีเบสเป็นเมอแรงจ์ รสสัมผัสกรอบนอกนุ่มใน

ขนมปาฟโลว่า (Pavlova) มีต้นกำเนิดในประเทศนิวซีแลนด์ เชื่อว่าสร้างสรรค์ขึ้นมาก็เพื่อเชิดชูชื่อเสียงของนักบัลเลต์สาวรายนี้ ขณะที่เดินทางไปทัวร์แสดงอยู่ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในช่วงทศวรรษที่ 19-20 ก่อนหน้านี้ ทั้งสองประเทศต่างอ้างว่าต้นกำเนิดอยู่ที่ประเทศของตัวเอง ทว่าจากการวิจัยพบว่าที่จริงแท้ก็คือมาจากนิวซีแลนด์นั่นเอง

ปาฟโลว่าได้รับความนิยมในระดับนานาชาติอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่จะนิยมเสิร์ฟเป็นอาหารในเทศกาลต่างๆ และนิยมรับประทานในช่วงหน้าร้อน (แต่สำหรับที่บ้านเกิดอย่างนิวซีแลนด์และออสเตรเลียนั้นนิยมกินกันตลอดปี)

บ่ายนี้ มีเค้กนานาชาติ

ปาฟโลว่าแบบเบสิกๆ มักจะเบสด้วยเมอแรงจ์ ส่วนผสมประกอบด้วย ไข่ขาวสด น้ำตาล น้ำส้มสายชู เกลือ กลิ่นวานิลลา แป้งข้าวโพดนิดหน่อย การทำก็เริ่มจากการวอร์มเตาอบที่ 150 องศาเซลเซียส ระหว่างนั้นก็ตีไข่ขาวในอุณหภูมิห้องจนกลายเป็นโฟมนุ่มๆ ค่อยเติมน้ำตาลไปพร้อมๆ กับการตีต่อไป จนกลายเป็นโฟมเหนียวๆ เติมส่วนผสมอื่นๆ ลงไป ผสมให้เข้ากันดี คว่ำชามผสมลงบนถาดที่ปูกระดาษสำหรับอบขนมไว้แล้ว ใช้พายแต่งให้เป็นทรงกลมๆ แบบเค้ก พร้อมสำหรับการอบ ลดความร้อนลงมาเหลือ 140 องศาเซลเซียส อบประมาณ 15 นาที แล้วลดความร้อนลงมาเหลือ 120 องศาเซลเซียส อบต่ออีก 1 ชั่วโมง 15 นาที เสร็จแล้วแต่งหน้าด้วยวิปครีมและผลไม้สดตามชอบใจ แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้สตรอเบอร์รี แพสชันฟรุต และกีวี (นิยมใช้ผลไม้เปรี้ยวๆ เพราะตัวเมอแรงจ์หวานมาก)

นอกจากนี้ ยังมีเค้กชิ้นเล็กๆ ของฝรั่งเศส อย่างเค้ก ฟินองซิเยร์ (Financier) บลูเบอร์รีชีสเค้ก (Blueberry Cheese Cake) สโคน (Scones) มาการง (Macaron) พันนาคอตตา (Pannacotta) และอื่นๆ อีกมากมาย

ข่าวล่าสุด

พรรคประชากรไทย ชู 4 เสาหลักพลิกฟื้นประเทศ ส่งชิงเก้าอี้ สส.261 คน สู้ศึกเลือกตั้ง‘69