posttoday

นอนดึก...ชดเชยด้วยการตื่นสายได้ไหม?

26 กุมภาพันธ์ 2557

โดย...หนูดี – วนิษา เรซ

โดย...หนูดี – วนิษา เรซ

ประเด็นฮอตฮิต ที่หนูดีโดนถามไม่ต่ำกว่าเดือนละสี่ห้าครั้งคือ “คุณหนูดี ถ้านอนดึกแล้วตื่นสายขึ้นอีกจะชดเชยกันได้ใช่ไหม

เชื่อไหมคะ นี่คือ คำถามที่อยู่ลึกๆ ในหัวใจคนเมืองจำนวนมาก ถ้าให้หนูดีลองเดาเล่นๆ เพราะไม่เคยมีใครไปเก็บข้อมูลเสียที หนูดีคิดว่า คนในเมืองใหญ่ไม่ต่ำกว่าครึ่งจะต้องสงสัยข้อนี้ เพราะคนเมืองไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ จะวัยทำงานหรือวัยเรียน รับรองว่านอนดึกไม่ต่างกัน ส่วนใหญ่แล้วเข็มนาฬิกาไม่ชี้บอกเวลาเที่ยงคืนก็หัวไม่ถึงหมอน

ราตรีนี้ยังเยาว์นักค่ะ

หลายคนนอนกันเป็นหลัก “ตี”

แถมแทบจะร้อยทั้งร้อยเมื่อหนูดีถามว่า “งานเยอะหรือคะ” หรือ “เรียนหนักหรือคะ” มักจะอ้อมๆ แอ้มๆ หลบตา หรือบางครั้งก็หัวเราะกิ๊ก แล้วบอกเลยว่า “เอ่อ เปล่าหรอก คือ ออนไลน์น่ะ”

แหม รู้ทั้งรู้เนอะว่า มันเสียเวลา มันไม่ดี แต่หลายคนอดไม่ได้ค่ะ ยิ่งช่วงนี้ เรื่องราวสารพัดในโซเชียลมีเดียนั้นน่าติดตามยิ่งนัก บางคนไม่รู้ตัวก็เลื่อนหน้าจอหมดเวลาต่อวันไปเป็นชั่วโมงๆ ห้ามตัวเองไม่ได้ มันเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว รถติดไฟแดงต้องดูสเตตัส ตื่นนอนเอื้อมมือไปคว้ามือถือก่อนเลย และเลื่อนหน้าจอดูไปเรื่อยๆ จนถึงเวลานอน

เมื่อเลิกไม่ได้ ถึงเข้าสู่สถานการณ์ “พยายามโกงสมอง” อย่างที่หนูดีก็ไม่รู้จะแนะนำอย่างไร เพราะ “สมอง” นั้น ดูแลได้ พัฒนาได้ สร้างสรรค์ได้ ย้อนวัยได้...ทำได้สารพัดค่ะ

ทำไม่ได้อย่างเดียวคือ โกงเขา

อย่าทำเลยค่ะ และถึงพยายามทำ มันก็ทำได้แบบเฟกๆ

เช่น อยากนอนดึก ดึกมากกกกก และต้องตื่นไปทำงาน ตื่นมาก็เพลีย ไลฟ์สไตล์แบบนี้ เมื่อถามหนูดีว่า ทำอย่างไรจะให้สดชื่น ตอบได้เลยว่า “ยอมรับผลกรรมเถอะค่ะ” เพราะเราทำเอง รู้อยู่แก่ใจ เห็นผลได้ที่ร่างกายและสมอง ต่อให้ดื่มกาแฟเข้มๆ หลายแก้ว ผลที่ได้ก็คือใจสั่น และตื่นตัวแบบเฟกๆ มันไม่มีวันสดชื่นบลิ๊งก์เหมือนเราได้นอนหัวค่ำและตื่นมาแบบตาเปิดเอง ไม่ง่วงแล้ว และกระโดดออกจากเตียงด้วยพลังงานสดใสแบบคนนอนอิ่ม

การ “ตื่น” กับ “การอยู่ตรงนั้นอย่างสดชื่น” ต่างกันนะคะ

และการกู้ชีพสมองด้วยวิตามินบี 12 บ้าง ด้วยวิตามินซีบ้าง นั้นไม่ได้ผลดีเท่ากับการใช้ชีวิตตามนาฬิกาชีวิตหรอกค่ะ เพราะวิตามินมีไว้เสริม ไม่ได้มีไว้เป็นแก่นแห่งการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดีและมีพลัง

สำหรับหนูดี มักอึกอักเล็กน้อยเวลาใครมาถามถึงวิตามินกู้พลังฉุกเฉินในกรณีแบบนี้ เพราะรู้ดีว่าเมื่อแนะนำไป เขาจะคิดว่า “เห็นไหม ใช้ชีวิตอย่างไรก็ได้ เพราะเรามีทางแก้ไว้แล้ว” มันแก้กันไม่ได้เลยค่ะ ของเสริม ไหนเลยจะสู้การใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพที่แท้จริงได้

ขณะที่การนอนดึกและตื่นสายนั้น ผลกระทบเป็นอย่างไร มาดูวิวัฒนาการของเราสักนิดนะคะ ความเชื่อของนักวิทยาศาสตร์บางกระแสและบางทฤษฎี คือ เราสืบเชื้อสายมาจากสัตว์เลื้อยคลานประเภทหนึ่ง ในยุคที่ดึกดำบรรพ์กว่าลิง โดยเจ้าสัตว์เลื้อยคลานนี้ มีหน้าตาคล้ายซาลาแมนเดอร์ (หนูดีเคยเห็นรูปปั้นจำลองที่พิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน สหรัฐอเมริกา หน้าตาน่าเกลียดมาก ตัวใหญ่ กำยำล่ำสัน เห็นแล้ว ฮือ ฮือ นี่หรือ ต้นตระกูลของฉัน) โดยสัตว์ตระกูลนี้ มีสามดวงตา ดวงตากลางมีลักษณะเป็นเกล็ด มีหน้าที่รับแสงอาทิตย์เท่านั้น เพราะตระกูลนี้เป็นสัตว์กลางวัน เมื่อโดนกระตุ้นโดยแสงอาทิตย์จะกระปรี้กระเปร่าพร้อมออกหากิน ส่วนกลางคืนเมื่อหมดแสงไฟ จะกระตุ้นให้หลั่งเมลาโทนิน ทำให้นอนหลับและฟื้นฟู ทฤษฎีกล่าวว่า เมื่อวิวัฒนาการมาเป็นมนุษย์แล้ว เจ้าเกล็ดหรือดวงตาดวงที่สามนั้น ได้จมลงในกะโหลกศีรษะแล้วกลายเป็นต่อมไพเนียล อยู่ประมาณระหว่างดวงตา มีหน้าที่ควบคุมดูแลต่อมและระบบอื่นๆ ในร่างกายอีกต่อหนึ่ง และเจ้าต่อมไพเนียลนี่หลอกยากค่ะ

ทฤษฎีนี้น่าสนใจ รับรู้ไว้ก็ไม่เสียหลายนะคะ เพราะแพทย์หลายๆ ท่านก็เอาจริงเอาจังมากกับต่อมไพเนียล บางคนถึงขั้นแนะนำให้พ่อแม่ของเด็กทารกสวมใส่หมวกนุ่มๆ ให้ลูกยามนอนหลับเพื่อคลุมต่อมไพเนียลไม่ให้โดนแสงไฟ เพื่อให้ฮอร์โมนหลั่งได้ดีในยามเด็กหลับ ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตดี

ด้านงานวิจัยทางการแพทย์หลายชิ้นก็สนับสนุนทฤษฎีนี้ เช่น ชิ้นหนึ่งทำโดยแพทย์ไทยที่ได้ลองให้หนูในห้องทดลองหลับโดยมีแสงไฟส่องกรง ผลที่พบก็คือ แม้หนูจะนอนหลับเป็นปกติ แต่ต่อมในร่างกายหลอกไม่ได้ จึงทำให้หนูครอกนั้นถึงกับแท้งลูก!

นี่คงเหมือนคนที่นอนหลับโดยต้องมีแสงไฟเปิดไว้ หรือเปิดแสงทีวีไว้เป็นเพื่อน ทราบไหมคะว่า เมื่อมีการเก็บผลงานวิจัยแล้วพบว่า คนที่นอนในที่มืดสนิทจะมีฮอร์โมนในร่างกายดีเป็นปกติ ส่วนคนนอนในแสงไฟพบว่า เมื่อวัดสมรรถภาพร่างกายแล้ว แย่เท่ากับคนที่อดนอนทั้งคืน ฮอร์โมนแปรปรวนหนัก

ส่วนหลายท่านที่สงสัยว่า “แล้วคนทำงานกะดึกล่ะ จะให้ทำอย่างไร” คำตอบคือ ทำอะไรไม่ได้ค่ะ เพราะนาฬิกาชีวิตหมุนตามพระอาทิตย์ ตราบใดเรายังใช้พระอาทิตย์ดวงนี้ มันโกงไม่ได้ค่ะ

แต่ก็มีคนพยายามนะคะ โดยเก็บข้อมูลวิจัยกับพยาบาลกะดึกในสหรัฐอเมริกา ให้กลุ่มหนึ่งเลิกกะแล้วเดินผ่านอุโมงค์มืดสนิทไปเข้าห้องนอนที่มืดสนิท ผลก็คือ กลุ่มนี้แม้เลิกงานเช้า แต่ผลออกมาคือ หลับไป 8 ชั่วโมงตื่นมาฮอร์โมนปกติดีค่ะ ส่วนอีกกลุ่มให้เดินผ่านแสงอาทิตย์ยามเช้ากลับไปเข้าห้องนอน ผลก็คือ กลุ่มที่โดนแสงอาทิตย์ฮอร์โมนแปรปรวนสุดขีด

อย่างไรก็ตาม มนุษย์ก็พยายามหาวิธีเอาชนะธรรมชาติเสมอ ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง แต่สิ่งที่ดีที่สุดก็ยังไม่พ้น ทำตัวตามธรรมชาติ ตามที่โลกนี้ได้กำหนดไว้แล้วก่อนเราเกิดขึ้นมา เพราะสิ่งนี้อย่างไรก็ดีกว่าสิ่งที่เราพยายาม “โกง” มาแน่นอน

ถ้าใครทำได้ ลองดีทอกซ์โซเชียลมีเดียสักพัก ทำใจ กดปิดเครื่อง หันมานอนแต่หัวค่ำ ลองตื่นเช้าโดยไม่ต้องใช้นาฬิกา แล้วจะรับรู้ได้เองว่า เวลาสดชื่นจริงๆ นั้น สมองของเราสดใสได้ขนาดไหน

ข่าวล่าสุด

ถอดพฤติกรรมการเงินคนไทย 4 เจเนอเรชัน จาก Gen Z ถึง Baby Boomer