สงบเย็นสมาธิ มุมช่วยคิดงานของ “ครูลิลลี่”
นับเป็นบุคลากรทรงคุณค่าของวงการศึกษาไทย หากเอ่ยชื่อ “กิจมาโนชญ์ โรจนทรัพย์”
โดย...ชัยรัตน์ พัชรไตรรัตน์ ภาพ...กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร
นับเป็นบุคลากรทรงคุณค่าของวงการศึกษาไทย หากเอ่ยชื่อ “กิจมาโนชญ์ โรจนทรัพย์” บางคนอาจไม่คุ้นหู แต่เมื่อพูดถึง “ครูลิลลี่” คุณครูสอนพิเศษวิชาภาษาไทยจาก “สถาบันกวดวิชาพินนาเคิล” ซึ่งตั้งอยู่สยามสแควร์ ซอย 5 แหล่งช็อปปิ้งย่านใจกลางกรุง เชื่อว่านักเรียนทุกเพศทุกวัยหลากยุคหลายสมัยย่อมรู้จักกันอย่างดี
เมื่อสบโอกาสสนทนากับคุณครูลิลลี่ เลยขอบุกดูห้องพักครูในสถาบันกวดวิชา ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สอง อีกทั้งยังเป็นมุมโปรดไว้สำหรับใช้จุดชนวนความคิด ไอเดีย รวมถึงเตรียมตัวก่อนออกสู่หน้าชั้นเรียน เพื่อทำหน้าที่แม่พิมพ์ของชาติ ขัดเกลาคนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ
คุณครูลิลลี่ บอกว่า ห้องนี้ใช้ทำงานมานานกว่า 16 ปี และเหตุผลที่ชอบเนื่องด้วยความเงียบ สงบ เย็น เป็นส่วนตัว จนทำให้เกิดสมาธิ นอกจากช่วยให้คิดงานออกแล้ว สำคัญกว่านั้นมีตู้เย็นและเตียงนอนไว้พักผ่อน (หัวเราะ) เพราะเป็นคนชอบนอนคิดงาน ดังนั้น ห้องพักครูที่นี่จะไม่นั่ง
คุณครูลิลลี่ อธิบายว่า 80% ในห้องพักครูจะเป็นการนอนทำงาน แต่ไม่ใช่ขี้เกียจนะ (หัวเราะ) เรียกว่าทำร่างกายให้ผ่อนคลาย สบายที่สุด เพราะถ้านั่งร่างกายจะเกร็งและเมื่อยล้า ดังนั้น การพักผ่อนด้วยการนอนทำงานไปด้วย จึงเป็นอะไรบรรยายไม่ถูก แต่ได้งานนะ (ยิ้ม)
คุณครูลิลลี่ ยอมรับว่า ห้องนี้สำคัญนอกเหนือจากใช้เตรียมการสอนแล้ว แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจในอีกหลายๆ เรื่อง เช่น ชีวิตส่วนตัว รวมถึงการเมือง พร้อมเท้าความถึงความเป็นมาก่อนก้าวขึ้นสู่เวทีปราศรัย กปปส. ซึ่งจริงๆ แล้วแค่คนไปร่วมชุมนุมตามปกติ ตั้งแต่เวทีสามเสนเรื่อยมาจนเวทีราชดำเนิน
แต่ที่ขึ้นพูดนั้น คุณครูลิลลี่ บอกด้วยใบหน้าอิ่มเอิบว่า มาจากกองหนุน คือ เพื่อนๆ เพราะครูเป็นคนบ้ายุ (หัวเราะ) และประจวบเหมาะว่าไม่ใช่เวทีพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นเวทีของประชาชน เห็นหยอง ลูกหยี พ่อค้า ชาวบ้าน ชาวนา ซึ่งเพื่อนๆ บอกว่า เห้ย! เป็นครูยังไม่มีก็เลยจัดสักหน่อย
จากนั้นไปถามในเฟซบุ๊กส่วนตัว อินสตาแกรม เพื่อนสนิท ผู้จัดการ แฟนคลับ เห็นด้วยหมด 99% เลยถามใจตัวเองพร้อมหรือยัง ได้คำตอบว่าพร้อมก็เตรียมเนื้อหา ยอมรับขึ้นครั้งแรกกลัวมาก แต่การพูดต่อหน้าคนจำนวนมากไม่หวั่น (หัวเราะ) เพราะสอนเด็กเป็นหมื่นเป็นแสน ระดับประเทศไม่ใช่ปัญหา แต่เรื่องเนื้อหาหนักใจจะพูดทำนองไหน
“ก่อนไปปราศรัยห้องพักครูจึงเปลี่ยนสภาพเป็นห้องซ้อม แล้วมโนภาพไปว่าถ้าพูดคำนี้ประโยคนั้นจะเป็นยังไง ดังนั้น การสอนและการเมืองก็เริ่มจากห้องนี้ทั้งหมด และตอนนั้นขึ้นหลัง ดร.เสรี วงษ์มณฑา จบข่าว กดดันแต่สุดท้ายก็ระเบิดออกมา ทิ้งความกังวลไปให้หมด ได้แค่ไหนแค่นั้น ทำเต็มที่ พูดจากใจและความรู้สึก เพราะเราไม่ใช่นักการเมือง เราเป็นครู ทำแนวครู มองผู้ชุมนุมเป็นลูกศิษย์แล้วเราเป็นครู มันไหล่ลื่น 18 นาที จำได้กับครั้งแรกที่ปราศรัย”
เมื่อเข้าสู่บทบาททางการเมือง คุณครูลิลลี่ ยอมรับว่า มีผลกระทบต่อเรื่องการเรียนการสอนบ้าง เด็กที่มีแนวคิดเดียวกันก็ไม่มีปัญหา ชื่นชอบ สนับสนุน ส่วนลูกศิษย์เห็นต่างมันมีผลแน่นอน ไม่แสดงออก แต่แววตายังนับถืออยู่ แม้เด็กเห็นต่างก็ไม่เคยรังเกียจ เพราะนั่นคือลูกศิษย์ คนเป็นครูต้องเมตตา และยิ่งต้องให้ข้อมูลสิ่งดีๆ ไม่ได้บอกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งดีหรือไม่ดี
“ก่อนสอนจะบอกนักเรียนเสมอ จะสอนให้ลูกเป็นคนสมบูรณ์แบบ คิดอย่างมีเหตุ มีผล มีศีลธรรม จรรยาบรรณ หนูไม่ต้องเชื่อครูหรือเชื่อใคร ให้เชื่อตัวเอง และบอกว่าที่ออกมาทำ กลางวันเป็นครู กลางคืนไปพูด เพราะเราเป็นประชาชนคนไทย ครูไปทำตามสิทธิและหน้าที่ของครู การเป็นครูต้องสอนความดีงามด้วย ฉะนั้น ทุกวันนี้ไม่มีม็อบครูก็ต้องสอนหนูอยู่แล้ว แต่วันนี้ครูสอนด้วยการทำให้เห็น ออกไปปกป้องแผ่นดิน การปกครองที่ไม่สมเหตุสมผล และแสดงให้เห็นว่าไม่ได้เก่งแต่ปากในห้องเรียน”
หากถามว่ากลัวไหมยอมรับเลยว่าไม่กลัว ผู้ปกครองไม่ชอบก็มี เช็กแล้วแค่ 5% ไม่เห็นด้วย ที่เหลือ 95% โอเคหมด แต่ไม่ถึงกับขั้นมีเด็กลาออก แต่ผู้ปกครองมีบ่น ด่า ว่ากล่าว ไม่ได้หยาบคาย ทั้งพูดตรงๆ หรือไม่ก็พูดฝากเลขาให้มาบอก แต่อย่าได้แคร์สื่อ (หัวเราะ) เข้าใจคนเหล่านั้น แถมยังได้ฝึกธรรมะที่ปฏิบัติมา คือ จะหยิบหรือจะปล่อยวาง ซึ่งสามเดือนที่ผ่านมาต้องประคองใจตัวเองให้ดีที่สุด
การเคลื่อนไหวตลอดสามเดือน คุณครูลิลลี่ บอกว่า ถ้าพูดไม่เหนื่อยมันก็โกหกเกินไป ท้อบ้างบางครั้ง แต่วันหนึ่งบ้านกำลังถูกไฟไหม้ ต้องช่วยกันดับไฟ จะทนดูให้บ้านไฟไหม้ได้ลงคอหรือ เช่นกันต้องทำทุกวิถีทางเพื่อดับไฟ แล้วค่อยมาว่ากันทำอย่างไรต่อ จะซื้อใหม่ ซ่อมแซม หรือผ่อนดาวน์ ฉะนั้น การดับไฟน้ำคนละถังอาจไม่พอ ต้องช่วยกัน
คุณครูลิลลี่ ยืนยันว่า การออกมาชุมนุมครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อแก้แค้นในเหตุการณ์เมื่อปี 2553 แต่เรื่องราวครั้งนั้นยอมรับว่าโกรธ ไม่พอใจ ซึ่งมันจบไปแล้ว โรงเรียนที่ใช้สอนพิเศษถูกเผา สมบัติส่วนตัวเสียหาย แต่การออกมาตรงนี้จุดเริ่มจาก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งถือว่าเรียกแขก เพราะแอบลงคะแนนกันตอนตีสอง ตีสาม และตามด้วยกฎหมายอื่นๆ อีก
“วันนี้เขาต้องการกำลังใจ เราต้องเสียสละ วันนี้ชื่อเสียงคุณครูอาจหายไป หรือเด็กผู้ปกครองบอยคอตก็มี แต่ถามว่าระหว่างถูกต้องกับถูกใจจะเลือกอะไร แต่วันนี้คุณครูเลือกสิ่งที่ถูกต้อง และคุณครูไม่สามารถทรยศกับอาชีพได้ เพราะครูต้องสอนศีลธรรม ความดี ครูไม่ได้เกิดมาขายวิชา แต่ต้องทำให้ลูกศิษย์เป็นคนให้ได้” คุณครูลิลลี่ ทิ้งท้าย


