วิดัล แซสซูน อัจฉริยะแห่งซาลอนต้นแบบ
วิดัล แซสซูน อุทิศตัวเองตลอดทั้งชีวิตเพื่อสร้างสรรค์ทรงผมสุดยอดไอคอนนิค ที่เต็มไปด้วยสีสันและล้ำสมัย
โดย...พุสดี
วิดัล แซสซูน อุทิศตัวเองตลอดทั้งชีวิตเพื่อสร้างสรรค์ทรงผมสุดยอดไอคอนนิค ที่เต็มไปด้วยสีสันและล้ำสมัย จินตนาการและพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ของเขาเป็นมากกว่าปฏิวัติอุตสาหกรรมเส้นผม เขากลายเป็นบุคคลสำคัญแห่งการปฏิวัติรูปแบบใหม่แห่งปี 1960 ที่ปลดปล่อยผู้หญิงในยุคนั้นให้เป็นอิสระ มุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ในงานศิลปะแห่งการจัดแต่งทรงผมของเขาได้ค่อยๆ พัฒนาอย่างต่อเนื่องสู่การเป็นซาลอนระดับโลก สถาบันสอนตัดแต่งทรงผม และผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมมากมาย
ปี 1942 วิดัล แซสซูน ออกจากโรงเรียนตอนอายุ 14 ปี และหางานทำ ในคืนหนึ่งแม่ของวิดัลฝันว่าเขาได้เป็นช่างทำผม เธอจึงพาเขาไปฝึกงานที่ อดอล์ฟ โคเฮน ในลอนดอน อีสต์ เอ็น
ปี 1954 วิดัล เปิดร้านซาลอนแห่งแรกที่เมย์แฟร์ ศูนย์กลางแฟชั่นในลอนดอน
ปี 1957 วิดัลออกแบบผมทรงบ๊อบเรขาคณิต ให้แก่ แมรี่ ควานท์ แฟชั่นดีไซเนอร์ชื่อดัง
ปี 1960 วิดัล แนะนำวิธีการตัดผมแบบ “แซสซูน คัต” สุดคลาสสิก ที่มีความพิถีพิถันทั้งในรูปร่างและดีไซน์ สระแล้วอยู่ทรง ให้ผู้หญิงมีอิสระจากการเซตผมซึ่งเป็นกิจวัตรที่น่าเบื่อหน่ายและเสียเวลา ถือเป็นการปฏิวัติวิธีการตัดแต่งทรงผมที่พลิกวงการช่างผมเลยทีเดียว
ปี 1961 รังสรรค์เทคนิคการตัดแต่งทรงผมที่เป็นที่รู้จัก “บ๊อบ คัต” วิดัล แซสซูน ตัดผมให้นางเอกสาวแนนซี่ ควาน จากผมยาวสู่ผมบ๊อบสั้นใหม่ เพื่อภาพยนตร์ใหม่ The Wild Affair ผมด้านหลังสั้น ผมด้านข้างนั้นยาวกว่าและมีเลเยอร์
ปี 1963 เขาได้สร้างสรรค์สุดยอดเทคนิคตัดผม “five point cut” ให้แก่ แคลร์ เร็มเดิลแฮม แห่งนิตยสารโว้ก อังกฤษ จากนั้นนางแบบสาว เกรซ ค็อดดิงตัน ผู้ที่กลายเป็นครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์ ของนิตยสารโว้ก อเมริกัน ก็ได้ตัดผมด้วยเทคนิคนี้เช่นกัน
ปี 1965 วิดัล เปิดตัวซาลอนแห่งแรกในสหรัฐอเมริกา เพื่อรองรับลูกค้าคนดังและดารามากมาย อาทิ มีอา แฟร์โรว เอวา การ์ดเนอร์ และริต้า เฮย์เวิร์ด
ปี 1968 วิดัล ตัดผมให้ดาราสาว มีอา แฟร์โรว ในสไตล์ “พิกซี่ คัต” กลางสาธารณชน เพื่อให้เหมาะกับบทบาทในภาพยนตร์ เรื่อง โรสแมรี่ เบบี้
ปี 1967 วิดัล แซสซูน อะคาเดมี่ ได้ถือกำเนิดขึ้น ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันมีศูนย์กลางการเรียนการสอนทั้งหมด 12 แห่ง และผลิตช่างทำผมและแฮร์สไตลิสต์มากกว่า 1.5 หมื่นคนต่อปี
ปี 1967 วิดัล ได้ขยายสาขาทั้งซาลอนและอะคาเดมี่ไปยังทั่วโลก ได้แก่ โทรอนโต เบเวอร์ลีย์ฮิลล์ ซานฟรานซิสโก แฮมเบิร์ก แฟรงก์เฟิร์ต บอสตัน ชิคาโก มิวนิค เบอร์ลิน วอชิงตัน แอตแลนตา ไมอามี ซานตา โมนิกา และเซี่ยงไฮ้
ปี 1973 วิดัล เปิดตัว “Grey Line” ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมสำหรับร้านซาลอน
ปี 1977 ผลิตภัณฑ์วิดัล แซสซูน ทั้งแชมพู คอนดิชันเนอร์ และผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ได้เปิดตัวสู่ร้านค้ารีเทลและผู้บริโภคนับล้านคนในสหรัฐ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากซาลอน
ปี 1981 วิดัล ออกอากาศโฆษณาผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรก
ปี 1983 ในวันที่ 24 เม.ย. วิดัลได้ขายบริษัทและแบรนด์สินค้าให้กับ RichardsonVicks Company ผู้เป็นเจ้าของกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมภายใต้แบรนด์แพนทีน
ปี 1984 วิดัล กลายมาเป็นที่ปรึกษาด้านการดูแลเส้นผมอย่างเป็นทางการและเป็นครั้งแรกให้แก่นักกีฬาในแอลเอ โอลิมปิก นอกจากนี้ยังได้เปิดซาลอน 2 แห่งในหมู่บ้านโอลิมปิกอีกด้วย
ปี 1985 พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ได้ซื้อบริษัท RichardsonVicks Company พร้อมกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมภายใต้แบรนด์วิดัล แซสซูน
ปี 2009 ในวันที่ 19 มิ.ย. วิดัล ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เพื่อแสดงถึงคุณค่าของวิดัล แซสซูน ที่อุทิศให้แก่ศิลปะและวิทยาศาสตร์ บริการเพื่อสาธารณชนและการทำงานร่วมกับองค์กรสังคมสงเคราะห์ที่ไม่แสวงหาผลกำไร
ปี 2010 วิดัล เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมสำหรับผู้เชี่ยวชาญ “โครมาโทลิจี”
ปี 2012 ในวันที่ 9 พ.ค. วิดัล เสียชีวิตลงในบ้านของเขาที่เมืองลอสแองเจลิส ในวัย 84 ปี เหล่าเซเลบริตี้ทั่วโลกทั้งในวงการแฟชั่น ภาพยนตร์ และวงการช่างผมต่างเดินทางเข้าร่วมงานไว้อาลัย ที่มหาวิหารเซนต์พอลมากมาย
ปี 2014 วิดัล แซสซูน เปิดตัวแคมเปญ “เก็ท แซสซูน” เผยกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมใหม่ล่าสุด ภายใต้แนวคิดหลักว่า “สระแล้วต้องอยู่ทรง” พร้อมเปิดตัว น้ำชา–ชีรณัฐยูสานนท์ แบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนแรกของประเทศไทย


