posttoday

นั่งรถ(สามล้อ)ชมเมืองเล่าเรื่องลิกอร์

09 พฤษภาคม 2553

นั่งรถชมเมืองยามราตรีครั้งนี้ไม่ใช่เล่นๆ ซะแล้ว เพราะเมืองแห่งนี้ฉายภาพความผูกพันอยู่กับวิถีแห่งพระศาสนาอย่างแนบแน่น ทุกที่ที่นั่งรถผ่านไปล้วนมีที่มาที่ไปที่ไม่ธรรมดา

นั่งรถชมเมืองยามราตรีครั้งนี้ไม่ใช่เล่นๆ ซะแล้ว เพราะเมืองแห่งนี้ฉายภาพความผูกพันอยู่กับวิถีแห่งพระศาสนาอย่างแนบแน่น ทุกที่ที่นั่งรถผ่านไปล้วนมีที่มาที่ไปที่ไม่ธรรมดา

โดย...วิรัชชัย พงษ์เกาะ

เย็นย่ำบนถนนราชดำเนิน ณ สนามหน้าเมืองของเทศกาลสงกรานต์วันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ถ้ามองไปทางด้านซ้ายจะเป็นตัวเมืองนครศรีธรรมราชที่เต็มไปด้วยห้างร้านและอาคารพาณิชย์สมัยใหม่ ดูไม่เห็นเค้าร่างของความเป็นอาณาจักรโบราณ แต่ถ้ามองไปทางด้านขวาจะเห็นกำแพงเมืองเก่า สวนศรีธรรมาโศกราช และแหล่งอารยธรรมดั้งเดิมกลางเมืองตลอดเส้นทาง ไม่รอช้า ผมจึงตัดสินใจเดินออกจากจุดกึ่งกลางไปทางด้านขวาสรรหาสาระดีๆ สู่ทุกท่านกันครับ

นั่งรถ(สามล้อ)ชมเมืองเล่าเรื่องลิกอร์ นั่งสามล้อชิวๆดูวิวเมืองโบราณ

สาวเท้าเดินได้ไม่เกินอึดใจก็มาถึงสวนศรีธรรมาโศกราช ซึ่งเป็นบริเวณที่จัดเทศกาลมหาสงกรานต์แห่นางดานเมืองนคร ภาพของแสงสีสว่างไสวและซุ้มขนมพื้นบ้าน อาหารพื้นเมืองนับร้อยร้านค้าได้ดึงดูดให้ชาวนครจูงมือครอบครัวปลีกออกจากบ้านเข้าสู่งานอย่างคึกคัก กอปรกับเสียงสำเนียงถิ่นใต้ของผู้เฒ่าผู้แก่ที่จับไมค์ต่อบทหนังตะลุง ร้องเพลงบอก ชวนให้ผมสัมผัสถึงมนต์เสน่ห์ของเมืองนครย้อนยุคไปเมื่อครั้งที่นครศรีธรรมราชยังมีนามว่า “ตามพรลิงค์” หรือ “ลิกอร์”

เมืองลิกอร์หรอ? ในหนังสือเรียนวิชาประวัติศาสตร์สอนให้ผมคุ้นชินแต่ชื่อตามพรลิงค์ แต่ผมได้รู้จักลิกอร์จากกิจกรรม “นั่งรถชมเมือง เล่าเรื่องลิกอร์” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ ททท. สำนักงานนครศรีธรรมราช จัดขึ้นเป็นกิจกรรมให้กับนักท่องเที่ยวได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประวัติศาสตร์เมืองนคร ด้วยความอยาก (เรียน) รู้ ผมก็พลันกระโดดขึ้นรถ (สามล้อโบราณ) ชมเมือง อาสาเล่าเรื่องลิกอร์แทน|ยุวมัคคุเทศก์ของที่นี่เองครับ

สมมติว่าทุกท่านกำลังนั่งรถสามล้อโบราณโดยมีสารถีเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ชุดขาวสะอาดสะอ้านอยู่นะครับ เอ้อ! ไม่ต้องกลัวหิวจนท้องกิ่ว เพราะ ททท.นครศรีธรรมราชมีบริการขนม เครื่องดื่มแถมยังได้รับเสื้อที่ระลึกอีกต่างหาก โดยเวลาประมาณ 6 โมงเย็น กิจกรรมนั่งรถชมเมืองได้เริ่มต้นขึ้น เหล่าขบวนรถสามล้อโบราณกว่า 100 คัน เคลื่อนตัวอย่างไม่รีบเร่งนำนักท่องเที่ยวสู่อิสระในการชมแหล่งประวัติศาสตร์เมืองนครอย่างเต็มอิ่ม ผ่านเส้นทางดังต่อไปนี้คือ สวนศรีธรรมาโศกราช–ศาลหลักเมือง–วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร–ฐานพระสยม– หอพระอิศวร–หอพระพุทธสิหิงค์

สถานีแรกเริ่มต้นที่ สวนศรีธรรมาโศกราช ตั้งชื่อจากปฐมกษัตริย์ผู้สร้างเมือง คือพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช เดิมเป็นเรือนจำเก่าภายหลังทุบทิ้งแล้วสร้างเป็นสวนสาธารณะประจำเมือง เรียกได้ว่างานสำคัญต่างๆ ของจังหวัด จะจัดแสดงที่นี่ทั้งสิ้น จากนั้นคุณลุงสามล้อพาผมไปต่อยัง ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช โดยองค์เสาหลักเมืองทำด้วยไม้ตะเคียนทองจากภูเขายอดเหลืองในเทือกเขานครศรีธรรมราช และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจิมยอดชัยหลักเมืองเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2530 ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน และอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ ศาลหลักเมือง อีกทั้งยังได้ปรากฏเหตุการณ์อัศจรรย์นับครั้งไม่ถ้วน

นั่งรถ(สามล้อ)ชมเมืองเล่าเรื่องลิกอร์ ยามราตรี...ที่นี่สุดขลัง

ทั้งนี้สิ่งที่น่าสนใจที่พลาดเล่าไม่ได้คือ ทำไมต้องสร้างหลักเมืองนคร คำตอบนั่นคือ กรุงตามพรลิงค์ (กรุงศรีธรรมโศก เมืองลิกอร์ ต่างล้วนเป็นชื่อเก่าของนครศรีธรรมราช) อันเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรศรีวิชัย เคยล่มสลายไปเมื่อครั้งเกิดโรคระบาดร้ายแรงและถูกทิ้งร้างนานจนพวกเจ้าไทยลงมาปกครอง เมื่อ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช และ พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล ตรวจสอบรูปดวงชะตาเมืองเห็นว่ากรุงศรีธรรมโศกถูกสาป จึงร่วมหาทางแก้ไขโดยต่างเห็นพ้องกันว่าควรสร้างศาลหลักเมืองขึ้นเพื่อล้างมนตราอาถรรพณ์แห่งคำสาปใน พ.ศ. 2530

หลังจากนั้น ขบวนรถสามล้อโบราณเคลื่อนพลต่อไปยัง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ตามตำนานพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช กล่าวว่า เจ้าชายธนกุมารและพระนางเหมชาลา เป็นผู้นำเสด็จพระสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มาประดิษฐาน ณ หาดทรายแก้ว และสร้างเจดีย์องค์เล็กๆ เป็นที่หมายไว้ ต่อมาในปี พ.ศ. 1719 พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชทรงสร้างเมืองนครศรีธรรมราชขึ้นพร้อมการก่อสร้างเจดีย์ขึ้นใหม่ และนำพระสารีริกธาตุมาประดิษฐานเพื่อให้ชาวเมืองได้เคารพสักการบูชา โดยที่นี่ถือเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแดนทักษิณรวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย อันมีพุทธพิธีสำคัญระดับนานาชาติเกิดขึ้น

เช่นงานล่าสุดที่เพิ่งผ่านไปคืองานมาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นพระธาตุนานาชาติ เมื่อไกด์น้อยบรรยายเสร็จก็นั่งรถต่อไปยัง ฐานพระสยม โบราณสถานที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองนครศรีธรรมราช สร้างโดยผู้เลื่อมใสในศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวนิกายโดยมีหลักฐานที่ค้นพบ ได้แก่ ศิวลึงค์ศิลา โยนิศิลา และอิฐโบราณ หอพระอิศวรและเสาชิงช้า ตั้งอยู่ริมถนนราชดำเนิน เป็นโบราณสถานในศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวนิกาย เป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ สัญลักษณ์แห่งพระอิศวร และฐานโยนิ รวมทั้งเทวรูปสัมฤทธิ์ อาทิ เทวรูปศิวนาฏราช พระอุมา และพระพิฆเนศ

นั่งรถ(สามล้อ)ชมเมืองเล่าเรื่องลิกอร์ สวนศรีธรรมโสกราช...สวนแห่งใหม่ของเมืองคอน

ส่วนเสาชิงช้าได้จำลองแบบมาจากเสาชิงช้าในกรุงเทพฯ ที่นี่เป็นที่จัดกิจกรรมมหาสงกรานต์แห่นางดานเมืองนคร ซึ่งเป็นงานชุมนุมบูชานานาเทพ และเพิ่งผ่านไปเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ปิดท้ายด้วยการนำนักท่องเที่ยวไปกราบไหว้สักการบูชา หอพระพุทธสิหิงค์ ปัจจุบันพระพุทธสิหิงค์ในประเทศไทยมีอยู่ 3 องค์ คือ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ กรุงเทพฯ วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ และที่นี่เป็นพระพุทธสิหิงค์องค์จริงที่มีขนาดเล็กที่สุด โดยทุกๆ ปีในช่วงสงกรานต์ จะมีการแห่อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์เพื่อให้ชาวเมืองได้ร่วมสรงน้ำ สักการะขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล เช่นเดียวกับปีนี้ที่มีการแห่พระพุทธสิหิงค์มายังสวนศรีธรรมาโศกราชนั่นเอง

นั่งรถชมเมืองยามราตรีครั้งนี้ไม่ใช่เล่นๆ ซะแล้ว เพราะเมืองแห่งนี้ฉายภาพความผูกพันอยู่กับวิถีแห่งพระศาสนาอย่างแนบแน่น ทุกที่ที่นั่งรถผ่านไปล้วนมีที่มาที่ไปที่ไม่ธรรมดา ถ้าจะเปรียบเมืองนครคือร่างกายมนุษย์ การเดินทางครั้งนี้เสมือนเป็นการเข้าถึงหัวใจสู่ต้นตอของการดำรงอยู่ และนี่เพียงนั่งรถชมตัวเมืองเท่านั้นนะครับ ผมว่าถ้านั่งรถชมจังหวัด คงมากมายจนเล่าไม่พอหน้ากระดาษนี้เป็นแน่ ผมว่าถ้าใครได้เที่ยวแล้วได้รู้จักที่นั่นอย่างลึกซึ้ง ขอยกย่องเลยว่าเที่ยวไม่เสียหลายและปฏิเสธไม่ได้ว่าจะต้องแวะไปเยือนอีกครั้ง คราวนี้ผมและทุกคนก็เที่ยวไม่เสียหลายนะ เห็นด้วยมั้ยครับ?

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ