อย่าให้ถ้อยคำนินทาทำเราฟุ้งซ่าน
การกระแนะกระแหนต่อหน้า ติฉินนินทาลับหลัง เป็นปัญหาคลาสสิกจุกจิกกวนใจมาทุกยุคทุกสมัย เกิดขึ้นทุกองค์กร และเชื่อว่าเคยโดนกันทุกคน
โดย...เบบี้เฟซ
การกระแนะกระแหนต่อหน้า ติฉินนินทาลับหลัง เป็นปัญหาคลาสสิกจุกจิกกวนใจมาทุกยุคทุกสมัย เกิดขึ้นทุกองค์กร และเชื่อว่าเคยโดนกันทุกคน
ยิ่งปัจจุบันสังคมออนไลน์มีบทบาทในการใช้ชีวิตมากขึ้น สเตตัสในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ กลายเป็นเครื่องมือในการนินทากระแนะกระแหนที่ทรงพลังมากขึ้นไปด้วย แหม โดนทั้งต่อหน้า ลับหลัง จะหนีความวุ่นวายไปหาอะไรเพลินตาเพลินใจดูในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กยังไม่พ้นอีก เครียดเลย “บ่องตรง”...
สถานการณ์
วิภาวี เป็นสาวสวย เชื่อมั่นในตัวเองสูง มนุษยสัมพันธ์ดี ทำงานก็เก่ง แถมยังเป็นที่รักของเจ้านายและเพื่อนร่วมงานด้วย โดดเด่นเป็นดาวจรัสแสงแบบนี้ ย่อมมีบางคนหมั่นไส้เป็นธรรมดา กลุ่มคนขี้อิจฉาพากันซุบซิบนินทา กระแนะกระแหน ทั้งต่อหน้า ลับหลัง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการโพสต์สเตตัสกัดจิกความเพอร์เฟกต์ของเธอกันอย่างสนุกสนาน คนฉลาดอย่างวิภาวีมีหรือจะไม่รู้ เธอใช้ความนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว หารู้ไม่ในใจร้อนรุ่มจนแทบทะลักจุดเดือด
ทางออก
การนินทาไม่ใช่ของใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ คนเราประพฤติกันมาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว แม้กระทั่งพระพุทธเจ้ายังโดนนินทา
พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต เคยบอกว่า ความโกรธคือความป่วย คนโกรธมากยิ่งป่วยมาก หากใครไม่อยากโกรธ ไม่อยากป่วยแนะนำวิธีฝึกจิตให้รู้จักการยอมรับ เพื่อขจัดอารมณ์ขุ่นมัว
หนึ่ง ตั้งจิตว่า วันนี้หรือพรุ่งนี้จะยอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นโดยไม่โกรธ หรือหงุดหงิด
สอง เมื่อเผชิญเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่พอใจ พิจารณาสาเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป จึงไม่ควรหมกมุ่นกับเรื่องเหล่านั้น
สาม เปิดใจกว้าง มองหาข้อดีในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และคิดว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเราถือว่าเป็นเรื่องดีทั้งนั้น
บางคนเลือกจะใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน เดินเข้าไปพูดตรงๆ จนบานปลายกลายเป็นทะเลาะวิวาท ลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายกัน สุดท้ายที่ได้กลับยิ่งทวีความแค้นฝังลึกลงในใจ ผลได้ไม่คุ้มเสีย ขณะที่บางคนเลือกที่จะนิ่งเฉย ใช้โอกาสนี้ในการฝึกอภัยทานและอโหสิ มิใช่ต่อกรและต่อกรรม ด้วยการทำหน้าบูดหน้าบึ้งใส่ หรือตั้งสเตตัสแรงๆ ตอบโต้ ไม่ต้องบล็อก ไม่ต้องอันเฟรนด์ ลองใช้วิธีเอารายชื่อบุคคลนั้นออกไปจากกระดานข่าว จะได้ไม่เห็นการอัพเดตสเตตัสของเขาอีกต่อไป ไม่งั้นยิ่งเห็น ก็จะยิ่งคิด ยิ่งโมโหกันไปใหญ่
ควรเอาอุปสรรคนี้แปรเปลี่ยนเป็นบทเรียนที่จะใช้ฝึกการพัฒนาตัวเองดีกว่า เพราะวันหนึ่งประสบการณ์ครั้งนี้จะสอนเราในภายภาคหน้าได้อีกเยอะ
อย่างไรก็ดี แม้เป็นการยากที่เราจะมีความเมตตากับคนที่ไม่ชอบหรือถึงขั้นเกลียดชังเรา ดังนั้นจึงต้องอาศัยการฝึกการอบรมจิตของเราให้มีความเมตตาอย่างเป็นธรรมชาติ การแผ่เมตตาแบบมาตรฐานเป็นประจำ ผ่านใจ ผ่านจิต (ไม่ได้แผ่เมตตาแค่ปาก) เป็นกระบวนการที่ทำให้เมตตาจิตถูกแผ่ออกไปได้แบบไม่เลือกบุคคล แผ่ออกไปกับทุกคน จึงเป็นธรรมชาติ ไม่ฝืน ไม่เสแสร้ง พร้อมกันนั้นก็เข้าใจความเป็นเขา สภาวะจิตของเขา เพื่อจะไม่พยายามเปลี่ยนแปลงคนอื่น เมื่อเข้าใจเขาได้ เมตตาเขาได้ เราก็ไม่ใช่ศัตรูเขา เมื่อเราไม่แสดงออกว่าเป็นศัตรูกับเขา และยังแสดงออกว่าเราเป็นมิตร เขาก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่าเราเป็นศัตรู และไม่จำเป็นต้องแสดงออกกับเราอย่างศัตรู
วิธีกำจัดศัตรูที่ดีที่สุด คือ การเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร ลองดูนะครับ ทุกอย่างเริ่มต้นที่ตัวเราเอง.
Ask the expert
Q: ดิฉันเป็นโรคหวาดระแวงสามีตลอดเวลา เพราะเคยจับสามีได้ว่ามีกิ๊ก เวลาเจอหน้าก็หงุดหงิดเพราะระแวงว่ากำลังซุกซ่อนปิดบังอะไรไว้ ตอนไม่อยู่ก็ทำให้เรานอนไม่หลับ เพราะชอบคิดจินตนาการว่าเขากำลังมีความสุขกับผู้หญิงอื่นตลอดเวลา ตอนนี้เครียดมาก ทำให้นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว สุขภาพก็แย่ลงควรจะทำอย่างไรดี
A: ผู้เชี่ยวชาญตอบปัญหาชีวิตสายด่วนสุขภาพจิต 1667 ให้คำแนะนำว่า ปัญหานี้แก้ได้ 2 ทาง ก็คือ สามีของคุณสามารถทำให้เรากลับมาเชื่อใจได้อีกหรือไม่ ทางที่ 2 คือ ตัวคุณต้องเลือกทางออกของชีวิตคู่ที่คุณคิดว่าดีที่สุดกับสุขภาพจิตของตัวเอง สำหรับอาการทางจิตที่ป่วยเป็นโรคหวาดระแวง ควรปรึกษาจิตแพทย์เพื่อรับการบำบัดและรับยาคลายเครียด เพื่อเป็นกำลังคิดหาทางออกในชีวิตคู่ต่อไป ซึ่งมีทางเลือกไม่มากนัก
He Said / She Said
ม่อนพนักงานบริษัท
“ผู้หญิงที่ดูมีเสน่ห์ในสายตาผม คือ ผู้หญิงที่ทำงานเก่ง สนุกไปกับการทำงาน ดูอารมณ์ดี และมีความสุขทุกเรื่องที่เธอทำ ที่สำคัญต้องยิ้มเก่งครับ”
เกล้าพนักงานบริษัท
“ชอบหนุ่มๆ ที่เป็นกันเอง เข้าถึงง่าย ไม่เยอะ และไม่น้อยจนเกินไป แบบกำลังดี ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ดี และมีความสุขกับการดำเนินชีวิตในแต่ละวันก็พอแล้วค่ะ”
Quote
“นี่คือเรื่องเศร้าของผม: สมัยที่เรียนชั้นประถม เพื่อนๆ มักจะแอบมาแกะการ์ดวาเลนไทน์ของทุกคน แล้วก็อ่านมันออกมาดังๆ ให้รู้กันทั่ว ผมเลยต้องเขียนการ์ดส่งให้ตัวเองทุกปี เพราะไม่มีสาวคนไหนส่งการ์ดวาเลนไทน์ให้ผมเลยอ่ะ เซ็งมั้ยล่ะ”
วิลเลียม แชตเนอร์ นักแสดง/ผู้กำกับชาวแคนาเดียน


