ศีล 10 (5 ข้อหลัง)
ท่านผู้อ่านที่เคารพ ช่วงก่อนปีใหม่ MQ ได้นำเรื่องของศีล 10 ซึ่งก็เป็นศีลที่ “สามเณร” รักษา
ท่านผู้อ่านที่เคารพ ช่วงก่อนปีใหม่ MQ ได้นำเรื่องของศีล 10 ซึ่งก็เป็นศีลที่ “สามเณร” รักษา โดยนำเอาเรื่องของศีล 5 ข้อแรกมาคุยกันไปแล้ว วันนี้จึงเป็นเรื่องอีก 5 ข้อหลังที่เหลือ ซึ่งก็นำความส่วนใหญ่มาจากอรรถกถาของ พระสูตร ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ โดย 5 ข้อหลังนั้นไม่คล้ายกับศีล 5 ที่เราคุ้นเคยกัน แต่จะมีส่วนคล้ายกับศีล 8 หรืออุโบสถศีล
การอธิบายถึงศีลแต่ละข้อใน 5 ข้อแรกนั้น นำเรื่องอานิสงส์ของการรักษาศีลแต่ละข้อนี้มากล่าวไว้ แต่สำหรับ 5 ข้อหลังนี้ เนื่องจากมีรายละเอียดจึงขอนำเอารายละเอียดในแต่ละข้อมาคุยกัน โดยย่อดังนี้
วิกาลโภชนา เวรมณี คือ เจตนาเว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล มีองค์ 4 คือ เวลานั้นเป็นวิกาล คือ ตั้งแต่เที่ยงแล้วไปจนอรุณขึ้น (ของวันใหม่), ของเป็นยาวกาลิก คือ ของเคี้ยวของกินที่สงเคราะห์เข้าในอาหาร, ความพยายามกลืนกิน, กลืนให้ล่วงลำคอเข้าไปด้วยความเพียรนั้น
นัจจคีตวาทิตวิสูกทัสสนา เวรมณี นัจจะ คือ การฟ้อนรำ คีตะ คือ การขับร้อง วาทิตะ คือ การประโคม วิสูกทัสสนะ คือ การดูการเห็นสิ่งที่เป็นข้าศึก หมายถึง ทำลายธรรมฝ่ายกุศล โดยเป็นปัจจัยทำให้เกิดกิเลส แม้การฟังก็จัดเข้าไว้ด้วย การล่วงสิกขาบทนี้ ย่อมมีแก่ผู้เข้าไปดูเพราะอยากจะดูเท่านั้น ส่วนผู้ที่เดินไปพบหรือเห็นเฉพาะที่มาปรากฏในโอกาสที่ยืน นั่ง นอน ก็มีแต่ความเศร้าหมอง มิใช่ล่วงละเมิด สำหรับบทนี้ การขับร้องแม้ที่อิงธรรมะก็ไม่ควร แต่ธรรมะที่อิงการขับร้อง พึงทราบว่าสมควร
มาลาคันธวิเลปนธารณมัณฑนวิภูสนัฏฐานา เวรมณี มาลา ได้แก่ ดอกไม้ วิเลปนะ ได้แก่ ของอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เขาบดจัดไว้เพื่อลูบไล้ นอกจากนั้นของหอมมีผงและควันอบ เป็นต้นทุกอย่าง ชื่อว่า ของหอม ของหอมนั้นทุกอย่างใช้ตกแต่งประดับไม่ควร แต่ใช้เป็นยาก็ควร
อุจจาสยนมหาสยนา เวรมณี ได้แก่ ที่นอนเกินขนาด ท่านเรียกว่า ที่นอนสูง ที่นอนเป็นอกัปปิยะ และเครื่องปูที่นอนที่เป็นอกัปปิยะ ท่านเรียกว่า ที่นอนใหญ่ ที่นอนแม้ทั้งสองอย่างนั้น สำหรับผู้รับไว้ย่อมไม่ควร ที่นั่งที่นอนที่ประดับตกแต่งด้วยเครื่องปูลาดที่วิจิตรงดงาม และที่นอนที่ยัดด้วยนุ่น ผู้รักษาศีลข้อนี้ ต้องเว้นเพื่อมิให้ติดใจในความงามและสัมผัสที่อ่อนนุ่มสบายของที่นั่งที่นอนเหล่านั้น
ชาตรูปรชตปฏิคคหนา เวรมณี ชาตรูป นั้น ได้แก่ ทอง ส่วน รชตะ ได้แก่ กหาปณะ คือ ของใดๆ มี มาสกโลหะ มาสกไม้ และมาสกก้อนยาง เป็นต้น ที่เขาใช้แลกเปลี่ยนกันในประเทศนั้นๆ ทองและเงินตราทั้งสองแม้นั้น ชื่อว่า ชาตรูปรชตะ การรับเอาทองและเงินตรานั้น ชื่อว่า ปฏิคคหะ การรับนั้น ย่อม ไม่ควร
สำหรับศีล 5 ข้อหลังนี้ ไม่ได้เป็นอกุศลกรรมบถ 10 แต่จัดตามทวารได้ คือ วิกาลโภชนา เป็นกายกรรม ชาตรูปรชตปฏิค คหณะ เป็นกายกรรมก็มี วจีกรรมก็มี...
สิกขาบททั้ง 10 นี้ ผู้ที่สมาทาน ด้วยฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา อย่าง ประณีต ก็ชื่อว่า ประณีต อย่างปานกลางก็ชื่อว่า มัชฌิมะ คือ อย่างกลาง
สิกขาบท 10 นี้ เศร้าหมองด้วยตัณหา ทิฏฐิ และมานะ ชื่อว่า อย่างเลว ที่ไม่เศร้าหมองชื่อว่า อย่างกลาง ที่ใช้ปัญญากำกับในสิกขาบทนั้นๆ ชื่อว่า อย่างดี
การสมาทานด้วยกุศลจิตที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา ชื่อว่า อย่างเลว ที่สมาทานด้วยกุศลจิตเป็นญาณสัมปยุต ประกอบด้วยความรู้เป็นสสังขาริกมีเครื่องชักจูง ชื่อว่า อย่างกลาง แต่ถ้าสมาทาน ด้วยกุศลจิตประกอบด้วยความรู้ คือ ญาณสัมปยุต เป็นอสังขาริก ไม่มีเครื่อง ชักจูง ชื่อว่า อย่างดี จึงมีข้อแตกต่าง กัน ดังนี้...


