posttoday

ทะเลาะอย่างฉลาด โกรธแบบสร้างสรรค์

25 ธันวาคม 2556

จะปีใหม่แล้วนะคะ หนึ่งปีที่ผ่านมานี้ ผ่านแวบไปรวดเร็วอย่างน่าตกใจ เพิ่งฉลองปีใหม่ปีที่แล้วไปหยกๆ นี่สุดสัปดาห์นี้ก็ปีใหม่อีกแล้วนะคะ

โดย...หนูดีวนิษา เรซ

จะปีใหม่แล้วนะคะ หนึ่งปีที่ผ่านมานี้ ผ่านแวบไปรวดเร็วอย่างน่าตกใจ เพิ่งฉลองปีใหม่ปีที่แล้วไปหยกๆ นี่สุดสัปดาห์นี้ก็ปีใหม่อีกแล้วนะคะ

ปีที่ผ่านมา เราได้ทำตามคำสัญญาที่จะปรับปรุงตัวเองช่วงวันปีใหม่ปีที่แล้วได้หรือไม่ มีใครไหมสัญญาว่า ปีนี้ฉันจะลดความอ้วนให้ได้ผลบ้าง หรือสัญญาว่า ปีนี้ฉันจะไม่ชวนคนที่รักทะเลาะ หรือปีนี้ฉันจะไม่ปล่อยงานให้เป็นดินพอกหางหมู ฯลฯ หลายสิ่งที่เราสัญญากับตัวเองในวันปีใหม่ว่าจะปรับปรุงแล้วก็ทำไม่ได้ เพราะ... มันยากจัง หลายเรื่องมันกลายเป็นนิสัยและความเคยชินไปแล้ว คิดจะเลิกมาหลายปี เลิกไม่ได้เสียที

ปีที่ผ่านมา เราทะเลาะกับแฟน กับพ่อแม่ กับพี่น้อง หรือกับเพื่อนรักไปกี่ครั้งคะ

เราทะเลาะกันแรงไหม มีตะโกนไหม มีร้องไห้ งอนกัน ไม่ขอโทษ ฯลฯ สักกี่ครั้ง และเรารู้สึกผิดมากแค่ไหน ถึงขั้นที่ว่า สัญญากับตัวเองไว้ว่า ปีหน้าเราจะไม่ทะเลาะกับคนที่รักแล้วล่ะ

ดังนั้น หากปีนี้ หากใครอยากจะ “เลิกทะเลาะแบบไม่สร้างสรรค์” กับคนในครอบครัว หนูดีมีวิธี “ทะเลาะอย่างสร้างสรรค์” ที่ผ่านงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและมหาวิทยาลัยเทกซัสมาฝากกันค่ะ

อย่าคิดว่า คู่รักที่ไม่ทะเลาะกันเท่านั้นที่จะไม่เลิกกัน

อย่าคิดว่า คนที่ทะเลาะกันจะต้องเลิกกันเสมอไป

อย่าคิดว่า คู่รักที่ทะเลาะกันนั้นไม่มีความสุข

และอย่าคิดว่า คู่ที่ไม่ทะเลาะกันเลยนั้น เข้ากันได้ดี

ชีวิตคู่และชีวิตครอบครัว มีอะไรที่ลึกซึ้งและละเอียดอ่อนกว่าที่มองเห็นด้วยตาเปล่าเยอะมาก และเวลาเราเห็นใครทะเลาะกันนั้น อย่ามองแค่ว่า เขาทะเลาะกันรุนแรงจัง หรือเขาทะเลาะกันบ่อยจัง เพราะการทะเลาะที่บ่อยและที่รุนแรงจากการมองด้วยตาเปล่าไม่ได้บอกอะไรเราเลยเกี่ยวกับความสัมพันธ์นั้น จนหลายหนเราเห็นบางคู่ทะเลาะกันรุนแรงแต่ทำมั้ยมีลูกหัวปีท้ายปี อยู่กินกันจนตายจากกันไป

หัวใจสำคัญอยู่ที่ “วิธีการทะเลาะกัน”? ต่างหากค่ะ

อันดับแรก งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่าการทะเลาะกันนั้น เกิดขึ้นในช่วงเวลา “พบกันและแยกจาก”? มากที่สุด นั่นคือ การทะเลาะมักเกิดในช่วงที่เรารีบๆ จะออกจากบ้านตอนเช้า และกลับมาถึงบ้านตอนเย็นหลังเลิกงานหรือเลิกเรียน นี่คือผลจากการติดตามวิถีชีวิตของหลายครอบครัวเป็นเวลาถึง 25 ปีเต็ม ที่พบว่าเวลาที่คนทะเลาะกันมากที่สุดโดยเฉลี่ย คือ 18.0020.00 น. โดยมีเวลาที่เสี่ยงสูงสุดเฉลี่ย คือ 19.42 น. ซึ่งเป็นช่วงที่เรากลับบ้านมาหลังจากวันอันยาวนาน กำลังเหนื่อยได้ที่ และไม่สมควรที่จะคุยอะไรหนักๆ แต่กลับกลายเป็นว่า คนเลือกที่จะพูดอะไรหนักๆ ในเวลานี้มากที่สุด ขอให้เราเตือนตัวเองว่า “เวลาที่สะดวกสุดที่จะทะเลาะ ไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดเสมอไป” เพราะตอนนั้นหลายคนทั้งเหนื่อย ทั้งหิว ทั้งหงุดหงิดมาจากสิ่งที่เจอมาตลอดวัน มันพร้อมจะระเบิดอยู่แล้วค่ะ หาเวลาอื่นดีๆ ที่อารมณ์ดีพอจะพูดคุยกันอย่างศิวิไลซ์ แล้วเราจะเข้าสู่เป้าหมายได้ดีขึ้นโดยใช้อารมณ์น้อยลง เวลานี้คนที่เป็นระเบิดเวลามากที่สุด คือ กลุ่ม “แม่บ้านที่ทำงานนอกบ้าน” พูดง่ายๆ คือ หญิงทำงานที่มีครอบครัว เพราะเธอกำลังอยู่ในช่วงเสร็จงานประจำเบอร์หนึ่ง เพื่อมาเริ่มงานประจำเบอร์สองในฐานะ “แม่บ้านยามเย็น”? ทั้งเหนื่อย ทั้งเครียด รับรองว่า พ่อบ้านพูดผิดหูคำเดียว คืนนั้นยาวค่ะ หากอยากปลอดภัย ไม่ต้องทะเลาะกันยันตีหนึ่ง คุณพ่อบ้านเน้นเก็บปากเก็บคำที่สุดตั้งแต่หกโมงเย็นเป็นต้นไปค่ะ

ดัชนีชี้ความสุขในความสัมพันธ์อีกสิ่งก็คือ “การใช้ภาษาในระหว่างการทะเลาะกัน”? ค่ะ

ไม่ว่าเราจะทะเลาะกันบ่อยแค่ไหนไม่สำคัญ บางคู่ทะเลาะกันแรงครั้งเดียวปึ้ง เลิกเลย บางคู่ทะเลาะกันอยู่ได้ทุกวัน ทำมั้ย ทำไม อยู่กันกันจนตายจากกัน

อันนี้ นักวิจัยได้ล้วงลึกข้อมูลมาให้ มันอยู่ที่ “ภาษา” ที่คู่รักเลือกใช้ค่ะ หากคู่ไหนเวลาทะเลาะกันใช้ภาษา “เรา” หรือว่า We เช่น เราจะทำอย่างไรเรื่องนี้ บอกมาสิ ... เทียบกับภาษา “เธอ” เช่น เธอไม่มีน้ำใจเลยอ่ะ เธอเห็นแก่ตัวตลอด ไม่เคยเห็นแก่ฉันเลย

คู่ที่ใช้ “ภาษาเรา”? บอกถึงความเป็นหน่วยเดียวกัน เป็นกลุ่มก้อนและโอกาสที่จะหย่าร้างหรือแยกจากกันมีต่ำกว่ากลุ่มที่ใช้ “ภาษาเธอ” ซึ่งเน้นหนักเรื่องการประณามอีกฝ่าย และแยกเขาแยกเราอย่างชัดเจน

หนหน้า จะทะเลาะกับคนที่รัก ลองสังเกตภาษาของเราและภาษาของอีกฝ่ายดูนะคะ ว่าเราเลือกจะใช้ภาษาแบบรวมกลุ่มรวมพลัง หรือภาษาแยกฝ่ายกัน

อีกดัชนีหนึ่งก็คือ “ความยาวของการทะเลาะ” คู่ที่ทะเลาะกันแล้วสรุปจบแบบรวดเร็ว กลับมาหอมแก้มกันใหม่ได้ในเวลาอันสั้นนั้น มีอนาคตมากที่สุดที่จะอยู่กันจนแก่เฒ่า เพราะเนื้อหาที่สำคัญของการทะเลาะกันแต่ละครั้งมักจะเกิดขึ้นใน 20 นาทีแรกเท่านั้น ส่วนที่เหลือจากนั้นมักจะเป็นการพูดซ้ำไปซ้ำมาและการพายเรือวนในอ่าง ดังนั้น หากใครที่รู้ตัวว่า เป็นคนงอนนาน ปีหน้าอาจต้องเปลี่ยนมางอนให้สั้นลง เพราะงานวิจัยพบว่า คู่ที่ลากยาวการทะเลาะมักเป็นคู่ที่มีอัตราการเลิกกันสูงสุด

ปีหน้าฟ้าใหม่ มาจัดระเบียบความสัมพันธ์กับคนที่รักกันดีกว่านะคะ ทะเลาะกันสั้นลง และทะเลาะอย่างสร้างสรรค์มากขึ้นจะได้มีปีที่มีความสุขตลอดปี

สำหรับใครที่อยากไปปฏิบัติธรรมแนวเต๋า เน้นฟื้นฟูสุขภาพกายและใจ รำมวยจีน ทานอาหารสุขภาพ กิจกรรมมีที่บ่อพลอย กาญจนบุรี ในวันที่ 29 ธ.ค. 2556 1 ม.ค. 2557 ยังสมัครได้ โทร. 02-204-1531-5 ส่วนวันที่ 25 ธ.ค. 2556-2 ม.ค. 2557 จะมี “โคมล้านนาหนึ่งหมื่นดวง” แขวนโชว์ที่ไร่เชิญตะวันของท่าน ว.วชิรเมธี ที่เชียงราย ขอเชิญชวนทุกท่านที่สนใจปฏิบัติธรรมพร้อมตื่นตากับโคมไฟยามกลางคืน ขอเชิญร่วมงานนะคะ

ข่าวล่าสุด

Sponge City Tourism เมื่อเมืองเลิกสู้กับน้ำ แล้วหันมา “อยู่ร่วมกับมัน”