posttoday

‘ฝันดีฝันเด่น’ ขออาสาทำเพื่อส่วนรวม

21 ธันวาคม 2556

ฝันดีฝันเด่น ฝาแฝดมหัศจรรย์จากตระกูลจรรยาธนากร ถือเป็นสองศรีพี่น้องนักร้องดูโอชื่อดัง

โดย...ชัยรัตน์ พัชรไตรรัตน์ ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล

ฝันดีฝันเด่น ฝาแฝดมหัศจรรย์จากตระกูลจรรยาธนากร ถือเป็นสองศรีพี่น้องนักร้องดูโอชื่อดังคู่แรกของวงการเพลงไทยในยุค 90 หากย้อนกลับไปเมื่อ 19 ปีก่อน เชื่อว่าทุกคนคงจำได้ถึงภาพลักษณ์สองหนุ่มตี๋มาดกวน กับผลงานเพลงติดหูอย่าง “หัวไม่เหน่ง” และตามด้วยเพลงฮิตอีกหลายอัลบั้ม

นอกจากนี้ ฝันดีฝันเด่น ยังฝากผลงานในวงการบันเทิงเอาไว้มากมายทั้งภาพยนตร์ ละคร ถ่ายแบบแฟชั่น รวมถึงพิธีกรรายการ ให้ได้รับชมอย่างต่อเนื่อง แต่ใครจะรู้ว่านอกจากงานบันเทิงแล้ว ทั้งคู่ยังเป็นจิตอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู คอยปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยยามบ้านเมืองไม่อยู่ในสภาวะปกติ

ฝันเด่น จรรยาธนากร

‘เล็ก’ กล้าจริงจังเด็ดขาด

‘ฝันดีฝันเด่น’ ขออาสาทำเพื่อส่วนรวม

 

เล็กต้องบอกว่าเป็นคนจริงจัง ทำอะไรเร็ว เคลื่อนที่เร็ว เป็นคนโผงผาง พูดจาเสียงดัง การประนีประนอมจะไม่มาก ซ้ายคือซ้าย ขวาคือขวา คือสุดๆ ไปเลย แต่อีกมุมหนึ่งเล็กก็เป็นคนที่เข้ากับผู้ใหญ่ได้ง่าย ได้ดีหรือพอดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป ลักษณะงามๆ ไม่ได้ตลกอย่างที่ใครหลายคนเห็นในจอ

เล็กจะเป็นคนไม่ชอบพูดเล่นในเวลาทำงาน โดยเฉพาะเวลาอยู่ในสถานการณ์ที่มีความตึงเครียด เพราะไม่รู้ว่าคนรอบข้างคิดยังไง เนื่องจากบางเหตุการณ์มีผู้สูญเสีย แต่ไม่ใช่ไม่เล่นเลย เล็กจะคุยเล่นต่อเมื่อกลับมาถึงฐานปฏิบัติการ ก็พูดคุยเฮฮาตามปกติ

นอกจากนี้ สไตล์การทำงานของเล็กจะเป็นคนเร็ว ด่วน ถ้าให้วิ่งตามกัน ยอมรับเลยว่าไม่ทัน (หัวเราะ) ยกตัวอย่างเช่น เหตุการณ์สึนามิ เมื่อปี 2547 งานนั้นถือว่าหนักและต้องแยกกันทำ กว่าจะติดต่อกันได้ต้องโทรศัพท์ถึง 23 วัน จึงจะรู้ว่าเล็กอยู่ไหนทำอะไร

ยอมรับว่าตั้งแต่ทำงานร่วมกันเหตุการณ์ที่เป็นห่วงเล็กมากที่สุด คงเป็นช่วงสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อปี 2553 เพราะอันตรายมาก แต่เนื่องด้วยเล็กเป็นคนมีลักษณะทำงานเร็ว จึงได้รับมอบหมายให้เป็นทีมหน่วยเคลื่อนที่เร็ว และตอนนั้นมีการยิงกันชุลมุนวุ่นวาย

ไม่มีใครกล้าเข้าไปในพื้นที่สวนลุมฯ แต่เล็กกล้าเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บด้วยการคลานเข้าไปดึงทหาร 5 นาย ซึ่งถูกยิงบาดเจ็บอยู่ในสวนลุมฯ ออกมาทีละคน และเหตุการณ์ล่าสุดที่มีการชุมนุมและเกิดเหตุปะทะกันบริเวณแยกพาณิชย์และแยกเทวกรรม

‘ฝันดีฝันเด่น’ ขออาสาทำเพื่อส่วนรวม

 

หากถามอะไรที่ทำให้ประทับใจสำหรับตัวเล็ก ก็ต้องบอกว่าเล็กเป็นคนประสานงานได้เร็ว ชัดเจน และจบ ใครรับหน้าที่อะไรเดินตามนั้น ไม่ออกนอกเหนือคำสั่ง มีการคุยประสานการทำงานเพื่อคอยซัพพอร์ตช่วยเหลือทีมตลอด ทว่าจะคอยบอกเล็กเสมอเวลาทำงานว่า

“สิ่งที่เราทำมันคือสิ่งถูกต้องและเราทำดีที่สุด ควรช่วยในสิ่งที่ควรจะช่วย และเราทำงานอยู่บนสติสัมปชัญญะ สิ่งใดที่จะเกิดขึ้น เราไม่รู้หรอกมันเป็นยังไง แต่สิ่งที่เรารู้และสิ่งที่เราทำ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจะคอยปกป้องดูแลเรา และเราทำอยู่บนพื้นฐานคำว่ามนุษยธรรม ไม่ได้แบ่งแยก ไม่มีอะไรทั้งสิ้น และเราน้อมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นกับตัวเรา ถ้าเราตัดสินใจยืนอยู่ตรงจุดไหนที่ว่าเสี่ยงแล้ว นั่นแสดงว่าเราเลือกแล้ว ไม่ได้ห้าม เราไม่สามารถรับผิดชอบอะไรได้ แต่ถ้าเรายืนอยู่บนกฎทุกอย่างจบ อย่าดื้อรั้น”

ฝันดี จรรยาธนากร

‘ใหญ่’ นักประสานงานแต่งงๆ

ใหญ่ถือเป็นคนริเริ่มชักนำให้เข้ามาเป็นอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู โดยได้ติดต่อผ่านพี่ท็อปและพี่ไทด์ (เอกพันธ์บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์) ซึ่งทำมาตั้งแต่อายุ 1617 ปี รวมเวลาแล้วก็นานพอสมควร และจะใช้เวลาว่างจากการทำงาน ออกมาช่วยเหลือผู้ที่ประสบเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ น้ำท่วม และเช่นเหตุการณ์ชุมนุมของม็อบต่างๆ

สำหรับลักษณะเด่นของใหญ่ คือ จะเป็นแนวนักประสานงาน แต่บางครั้งใหญ่ก็ประสานช้าไปบ้างหรือเร็วไปบ้างก็มี เลยให้ทำงานบางครั้งงงๆ หรือบางครั้งไม่ควรประสานก็ทำ งานที่ทำเลยไม่ชัดเจน ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของใหญ่ (หัวเราะ)

นิสัยใหญ่จะเป็นคนที่คอยมีความหวังดีกับคนอื่นตลอดเวลา แต่บางครั้งอาจจะใช้คำพูดไม่เป็นว่านี่เป็นห่วงนะหรืออะไรทำนองนี้ ทำให้คนรอบข้างอาจมองเป็นการไปว่าเขา แต่จริงๆ แล้วใหญ่เป็นคนน่ารัก อาจจะพูดจาสวนความรู้สึกคนฟังไปบ้าง ซึ่งไม่มีอะไรในกอไผ่ (หัวเราะ)

ส่วนความประทับใจในตัวใหญ่ (นิ่งคิด) มันเป็นเรื่องตอบยากว่าจะให้ประทับใจเรื่องไหนบ้างเป็นพิเศษ เพียงแค่มองว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ เช่น การขอรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือคนอื่น และมีการตอบรับรวดเร็วก็พอ ไม่ได้ว่าเรื่องไหนต้องภูมิใจ ขอให้งานสำเร็จทั้งหมดก็ถือว่าโอเคแล้ว

ทั้งนี้ ยอมรับว่าการมาทำงานตรงนี้ของใหญ่ ไม่ได้ทำให้รู้สึกเป็นห่วงอะไร เพราะใหญ่จะอยู่แต่ในที่ตั้ง ประสานงานกับแต่ละทีม จะมีก็เข้าพื้นที่บ้าง ไม่ได้เสี่ยงอะไร เลยทำให้สบายใจหายห่วง ต่างจากส่วนตัวที่จะเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วและต้องลงพื้นที่

อย่างไรก็ดี เวลาทำงานก็จะคอยบอกและเตือนกันเสมอ เช่น เหตุการณ์ในช่วงม็อบว่าเวลาไหนควรเข้าไม่ควรเข้าไป และยิ่งเฉพาะเวลาเข้าช่วยเหลือควรโพสต์ข้อความอะไรหรือไม่ ซึ่งอย่าลืมบางครั้งมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องดูให้ดี เพราะคนอาจคิดว่ามาทำงานเพื่อสร้างกระแสให้ตัวเองหรือเปล่า ดังนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่คอยย้ำเตือนเวลาทำงานตลอด

นอกจากนี้ ที่เน้นบอกใหญ่เสมอ คือ เลือกคบคนว่าคนที่เราให้ความช่วยเหลือมันมีประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ไม่ใช่แค่ช่วยก็จบ เพราะบางครั้งคนเหล่านี้มาเอาแต่ประโยชน์ไม่ได้ช่วยจริงจัง แต่การบอกก็ไม่ได้สอนอะไรแค่ห่วง และให้ใหญ่คิดเองในสิ่งที่บอกไป ไม่ใช่ตัวเองเก่งหรืออะไร แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาคอยสอน ส่วนใหญ่จะเชื่อหรือไม่ก็ไม่ว่ากัน

ข่าวล่าสุด

Sponge City Tourism เมื่อเมืองเลิกสู้กับน้ำ แล้วหันมา “อยู่ร่วมกับมัน”