posttoday

เฟินต่างประเทศในโครงการหลวง

08 ธันวาคม 2556

เฟินหลายชนิดซึ่งมีผู้นิยมปลูกเลี้ยงเป็นไม้ประดับสวนหรือไม้กระถางสะสมไว้ดูเล่นในเนิร์สเซอรี่ต่างๆ

โดย...ม.ล.จารุพันธ์ ทองแถม

เฟินหลายชนิดซึ่งมีผู้นิยมปลูกเลี้ยงเป็นไม้ประดับสวนหรือไม้กระถางสะสมไว้ดูเล่นในเนิร์สเซอรี่ต่างๆ ทั้งในเชียงใหม่และกรุงเทพฯ นั้น หลายสกุลหลายชนิดมาจากโครงการหลวง ซึ่งส่งเสริมปลูกและจำหน่ายพันธุ์จากสถานีเกษตรหลวงที่ดอยอินทนนท์และที่เนิร์สเซอรี่ของโครงการหลวงที่สถานีวิจัยดอยปุย จ.เชียงใหม่

เฟินหลายสกุลหลายชนิด ผู้เขียนนำเข้าจากหลายประเทศ ต่างกรรมต่างวาระกัน ดังจะเล่าที่มาเอาไว้ในโอกาสนี้ สำหรับเฟินชนิดแรกอยู่ในสกุลออสมันดา (Osmunda) ซึ่งในประเทศไทยมีอยู่หลายชนิด ชาวบ้านทาง จ.เลย เรียกหัสดำบ้าง หัสแดงบ้าง เฟินสกุลนี้นับได้ว่าเป็นเฟินโบราณกลุ่มหนึ่ง พบทาง จ.เลย เชียงใหม่ กาญจนบุรี จันทบุรี (เกาะช้าง) และที่อื่นๆ แต่ชนิดที่ผู้เขียนประทับใจมากที่สุดคงเป็นออสมันดาแบงเซีย คือ Osmunda banksiaefolia ผู้เขียนพบทางตอนกลางของเกาะไต้หวัน ขณะลุยน้ำอยู่ตามลำธารที่หนาวเย็น มองเห็นแล้วก็ชอบ เพราะใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว ใบหนาแข็งเป็นมัน ขอบใบหยักคล้ายใบของต้นแบงค์เซียจากออสเตรเลียสมชื่อ ดูบางใบสร้างกิ่งที่มีอับสปอร์ติดอยู่ จึงเก็บใบนั้นกลับมาที่กรุงเทพฯ และให้เจ้าหน้าที่เฟินที่ดอยปุยและอินทนนท์เพาะดู จนถึงขั้นผลิตต้น sporophyte ออกมาได้จำนวนมาก และออกจำหน่ายเผยแพร่ไปสู่ผู้เลี้ยงคนไทยทั้งในเชียงใหม่และแม้แต่กรุงเทพฯ ก็ปลูกได้ดี นับว่าออสมันดาชนิดนี้มีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีมาก

ลักษณะของเฟินโบราณจำพวกออสมันดาดังกล่าวก็คือ มันมีลักษณะอยู่กึ่งกลางระหว่างเฟินโบราณในกลุ่ม Eusporangiate และเฟินสมัยใหม่ เราพบซากดึกดำบรรพ์ของมันในหินยุคปลาย ปลายยุคพาลีโอโซอิก

ออสมันดามีลำต้นเป็นแท่งตั้ง มีใบเรียงตัวเวียนกันที่ส่วนยอด ไม่มีเกล็ด ก้านใบมีเกล็ดคล้ายหูใบ ติดอยู่ที่ส่วนโคนซึ่งพองออก ใบมักเป็นใบประกอบขนนก อับสปอร์เกิดบนก้านสั้นๆ แต่หนา แข็งแรงรูปกลม ในประเทศไทยมี 56 ชนิด พบทั้งในที่ราบไปจนถึงบนดอยสูงระดับเกือบ 2,000 เมตรก็มี

เฟินต่างประเทศในโครงการหลวง

 

เฟินกลุ่มที่สองเป็นเฟินโบราณ แต่เราไม่ได้นำมาใช้ในการจัดสวนแต่อย่างใด เนื่องจากมันมีลักษณะเป็นเฟินป่าและการนำมาปลูกเลี้ยงนั้นทำได้ยาก เนื่องจากมีความต้องการสภาพแวดล้อมซึ่งมีความจำเพาะเจาะจงเพื่อการดำรงชีวิตอยู่ของมัน เฟินเหล่านี้ได้แก่เฟินวงศ์ Schizaeaceae โชน (Cleicheniaceae) และมาโตเนีย (Matoniaceae) ซึ่งเฟินกลุ่มหลังนี้หาได้ยากมากในประเทศไทย แต่พบได้ในฟิลิปปินส์ มาเลเซีย

เฟินดังกล่าวเราจะพบซากดึกดำบรรพ์ของมันในหินยุคเทโสโซอิกตอนต้น และมีลักษณะคล้ายเฟินที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบันอย่างไม่ผิดเพี้ยน เฟินโบราณเหล่านี้หลายชนิดดูเป็นเฟินธรรมดาที่หาได้ง่ายด้วยซ้ำไป แต่ยังไม่มีผู้นำมาจัดสวน อาทิเช่น โชนต่างๆ ซึ่งอยู่ในสกุล Dicranopteris และ Gleichenia

สำหรับกูดต้น (Cyatheaceae) เป็นเฟินต้นขนาดใหญ่พบในประเทศไทยทุกภาค แต่ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่ในบริเวณภูเขาระดับสูงและชอบขึ้นตามพื้นที่ใกล้แนวลำธาร ความชุ่มชื้นสูง มีเพียงชนิดเดียวที่มีลำต้นสั้นๆ โคนใบมีเกล็ด กูดต้นแทบทุกชนิดที่เป็นเฟินป่าของไทยดูเหมือนจะปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศในภาคกลางของไทยได้ไม่ดีนัก จึงไม่นิยมนำมาปลูกจัดสวน แต่กูดต้นควีนสแลนด์ (Cyathea cooperii) กลับใช้จัดสวนในกรุงเทพฯ ได้ดี กูดต้นในวงศ์ Dicksoniaceae นั้น ไม่พบในเมืองไทย แต่พบในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ส่วนเมืองไทยอาจพบเฟินในวงศ์นี้คือ ว่านลูกไก่ (Cibotium barometz) ซึ่งมีผู้ใช้ในงานจัดสวน แต่มีข้อจำกัดที่ต้องการอากาศหนาวเย็นจึงจะขึ้นได้งดงาม ว่านลูกไก่ชนิดที่พบในเมืองไทยและมาเลเซีย ใช้ตกแต่งสวนได้ไม่ดีนัก เพราะแม้จะมีใบคล้ายกูดต้น แต่ลำต้นกลับเตี้ยไม่สูงเป็นลำ ลักษณะของเฟินในวงศ์นี้คือมีซอไรเกิดตามขอบใบ มีขนตามโคน ซึ่งลักษณะทั้งสองประการนี้แตกต่างจากกูดต้นในวงศ์ Cyatheaceae ว่านลูกไก่นี้เราพบมากในบริเวณที่ชาวบ้านปลูกเมี่ยง (ต้นไม้ในสกุล Camellia ได้แก่ Camellia sinensis) พบอยู่ในเขตความดูแลของโครงการหลวง ชาวบ้านที่ออกปลิดใบมาหมักทำเมี่ยงมักจะตัดทำลายต้นว่านลูกไก่นี้อยู่เสมอ โดยอ้างว่ารก เรากลัวจะสูญพันธุ์ไปจากพื้นที่ป่าเมี่ยง ปางไฮ จนกระทั่งขอให้เขารักษาต้นเอาไว้ โดยขอซื้อใบแก่จากพวกชาวบ้าน พวกเขาจึงอนุรักษ์ต้นว่านลูกไก่ทองเหล่านี้เอาไว้จนถึงปัจจุบัน ส่วนป่าเมี่ยงนั้นสูญไปแล้ว เพราะถูกรุกล้ำโดยพืชเงินพืชทองอีกชนิดคือ กาแฟ ต้นเมี่ยงเมืองไทยมีหลายชนิด เช่น เมี่ยงอีอาม (C.connata) เมี่ยงอาม (C.oleifera) เมี่ยงดอย (C.pleurocarpa) เมี่ยงช่อ (C.taliensis) ส่วนเมี่ยงอะไรจะอร่อยกว่ากัน สุดปัญญาของผู้เขียน

เฟินต่างประเทศในโครงการหลวง

 

ว่านลูกไก่นี้ ผู้เขียนพบมากในบริเวณตีนภูเขาไฟบนเกาะใหญ่หรือเกาะฮาวาย (Big Island or Hawaii) ที่นั่นเป็นอุทยานภูเขาไฟแห่งชาติ เถ้าลาวาที่ปะทุออกมาตั้งแต่สมัยโบราณ กลายเป็นอาหารธาตุของเฟินต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่านลูกไก่ ซึ่งมีลำต้นชูสูง ชาวบ้านเรียกว่า ฮาปูอุอิอิ (Hapu u ii) ที่มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Cibotium menziesii (อ่านว่า ซิบอเตียม แมนซีลิไอ) เมื่อเดินทางไปพักอาศัยอยู่ที่เกาะนี้ทั้งสองวาระได้ออกเก็บสปอร์และนำต้นสปอร์โรไฟต์มาปลูกไว้ในสวนที่ดอยอินทนนท์ และดอยอ่างขางจนถึงปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ดี

ฮาปูอุอีกชนิดเป็นเฟินต้น (Tree fern) ที่ชื่อ Cibotium glaucum ชาวเกาะบางคนบอกว่ามันชื่อ ฮาปู อุ ปูลู บางคนเรียก ฮาปูอุปูอุ แต่จะเรียกอย่างไรเฟินต้นชนิดนี้มีใบเรียบ ใต้ใบสีขาว มันสวยเด่นเพราะมีขนนุ่มยาวสลวย สีทอง งอกจากก้านใบ ปกคลุมยอดอ่อน ต้นสูงได้ราว 10 ฟุต (3 เมตร) ต้นเตี้ยกว่า C.menziesii ซึ่งสูงถึง 25 ฟุต (7.6 เมตร) ทีเดียว

ในโครงการหลวงมีเฟินต่างประเทศซึ่งผู้เขียนเก็บมาปลูก กระจายพันธุ์อยู่อีกมาก จะกล่าวถึงในโอกาสต่อไป

ข่าวล่าสุด

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดผสม หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์–พลังงานกดดัน S&P 500