โอม!!! จงเงย
โอมจงเงยขึ้นมา เงยขึ้นมา เงยขึ้นมา เออเออเอิง เงยขึ้นมามองตาฉันสักหน่อย
โดย...โจ จอบส์
“โอมจงเงยขึ้นมา เงยขึ้นมา เงยขึ้นมา เออเออเอิง เงยขึ้นมามองตาฉันสักหน่อย โอว เพราะฉันเฝ้าคอย กลัวหลุดลอย พารานอย นอย นอย นอย น้อย นอย นอย นอย รักจะเกิดขึ้นมันต้องมองตา ไม่ใช่มองจอ”
กลายเป็นภาพชินตาเสียแล้ว “วัฒนธรรมก้ม” ใครๆ ก็ก้ม ก้ม ก้ม แล้วก็ก้ม ปวดคอ ปวดหลัง ปวดตา ไม่เคยยี่หระ ขอแค่ได้ก้ม เห็นแล้วเหนื่อยใจแทน นี่ขนาดมีเพลง “แสตมป์อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข” ชี้ชวนให้ทุกคนเงยหน้า “โอม จงเงย” สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ ทุกคนยังก้ม (จิ้มมือถือ) ต่อ
ในที่ทำงาน “วัฒนธรรมก้ม” คงไม่ได้หมายความถึง การก้มจิ้มมือถือ เล่นเกม เล่นไลน์ ส่งเฟซบุ๊ก หรืออัพอินสตาแกรม ก้ม ณ ที่นี้ คือ การที่ใครคนหนึ่ง ไม่เคยคิดจะเงยหน้า หันมามองเพื่อนร่วมแผนก เพื่อนๆ ไปถึงไหน ทำอะไร หนักข้อกว่า ตัวเองก็ไม่เคยที่จะเงยหน้าขึ้นมาสำรวจตัวเอง ดีมากน้อย หรือต้องแก้ไข อะไร ยังไง เพื่อประสิทธิผลของงาน ไม่เคยให้คะแนน 10 ปีล่วงผ่าน ทุกอย่างไม่เคยเปลี่ยน เขาคนนั้นยังก้มหน้าก้มตา (ทำงานแบบเดิมๆ) ต่อ
โอม!!! จงมองเพื่อนข้างๆ (ซะบ้าง)
ต่อให้เป็นเพื่อนร่วมแผนกที่เกลียดเข้าไส้ ก็ต้องเงยหน้าหันมามองเขา (มองแค่หางตาก็ยังดี) ขณะเดียวกัน เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวที่เข้ามาทำงานพร้อมกัน ก็ควรเงยหน้ามามองให้ขาด มองด้วยใจที่ไม่อคติ มองด้วยมุมที่ไร้ริษยา ทำไมเขาจึงมีพัฒนาการรุดหน้า ความสามารถและทักษะเป็นเลิศ เป็นที่พึงพอใจของหัวหน้า ได้เลื่อนขั้นเป็นว่าเล่น เงินเดือนก็ขึ้นเอาๆ โบนัสไม่ต้องพูดถึง พุ่งกระฉูดเกินคนอื่น นั่นก็เพราะคุณมัวแต่ก้มหน้ามากไปหรือเปล่า ก้มหน้าก้มตาทำงานงกๆ ในแบบเดิม คงใช้ไม่ได้ในยุคนี้ วิธีทำงานก็ต้องเปลี่ยน ไม่ใช่ยังคงวิธีเก่า คิดแบบเก่า ทั้งๆ ที่เพื่อนร่วมแผนกไปไกล ถึงไหนต่อไหน เพื่อนเปลี่ยนไปในทางที่ดี เพื่อนเงยหน้า แต่คุณยังก้มหน้าและย่ำอยู่กับที่มันน่าคิดอยู่นะ
โอม!!! โปรดพิศตัวเอง (ซะหน่อย)
คนทำงานมาหลายปี บารมีแกร่งกล้า ก็มักทะนงคิดว่าตัวเองเจ๋ง เพอร์เฟกต์ รับผิดชอบงานดี ไม่ขาดตกบกพร่อง เป็นไม่พอ โลกส่วนตัวก็ยังสูงสุดขั้ว จนคนอื่นเอื้อมแตะไม่ถึง ไม่มีใครอยากเข้าไปสุงสิง ประมาณชั่วโมงบินสูง ใครอย่าแหยมนะเฟ้ย ขอโทษ!!! ใครคิดเยี่ยงนี้ รังแต่จะฆ่าตัวเอง มีให้เห็นหลายราย ที่ว่าเจ๋ง ที่ว่าเพอร์เฟกต์ สุดท้ายก็จอด ไปไม่รอด ตายแหง๋แก๋ เพราะมัวแต่ก้มหน้างุดๆ ทำงานที่รับผิดชอบ โดยไม่เคยคิดจะเงยหน้ามามองคนอื่น หรือเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ นั่นไม่เท่าไหร่ แต่ดันไม่เคยหันมาส่องกระจก ชะโงกดูตัวเอง สำรวจดูตัวเอง ถึงสิ่งที่ตัวเองทำอยู่และเป็นไปในปัจจุบันขณะ ดีพอ หรือต้องปรับ ดีแล้วก็ทำดีต่อ ไม่ดีก็ต้องปรับ ปรับโดยที่คุณต้องเงยหน้าขึ้นมา แล้วมองเข้าไปในหัวใจของคุณ
Ask the Expert...
Q. ดิฉันเป็นน้องใหม่ในที่ทำงาน ที่ทำงานมีแต่เพื่อนร่วมงานเป็นรุ่นพี่ที่เป็นผู้ชายเกือบทั้งแผนก บางทีมีปัญหาเรื่องวางตัวเราจะปฏิบัติตัวอย่างไรดีคะ?
A . นพดล ตังวัชรินทร์ Success Coach ผมได้ยินความกังวลใจ 3 เรื่อง คือ 1) ความเป็นน้องใหม่ 2) อายุที่น้อยกว่าคนอื่น และ 3) ความเป็นผู้หญิง ผมว่าสิ่งที่คุณกำลังกังวลใจอยู่ลึกๆ คือ ทำอย่างไรจึงจะได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมงานในที่ทำงานใหม่นี้ (ซึ่งเป็นความกลัวที่มนุษย์ทุกคนมี) หากคุณอยากวางตัวให้ได้รับการยอมรับขอให้เริ่มต้น จากความเชื่อของคุณเองก่อนว่า “ความเป็นผู้หญิงน้องใหม่ที่อายุน้อยกว่าไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานและการยอมรับของคน” จากนั้นทำงานและปฏิบัติกับทุกคนด้วยความสบายใจ เชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ต้องไปกังวลใจ แล้วทุกอย่างจะไปได้สวยเองครับ
He Said/She Said
นินจาพนักงานบริษัท
“ชอบผู้หญิงปราดเปรียว ว่องไว เหมือนนินจาครับ (หัวเราะ) ผมรู้สึกว่าผู้หญิงคล่องแคล่วดูมีเสน่ห์มากกว่าผู้หญิงนิ่งๆ เดาใจยาก และดูเนือยๆ ไม่สดใสเลยครับ”
เฟิร์มพนักงานบริษัท
“ชอบผู้ชายที่รักการออกกำลังกาย มีชีวิตชีวา รักตัวเองดูแลตัวเอง ไม่ชอบหนุ่มๆ ที่มีโลกส่วนตัวสูง พวกนั้นเข้าถึงยากและเดาใจยาก สมัยนี้แล้วอย่าเดาอะไรเยอะเลยเวลามันมีน้อย (หัวเราะ)”
Quote
“ในการทำงาน จงคิดแต่แผนการใหญ่ ตั้งความหวังเอาไว้ให้สูงๆ จำไว้เหอะว่า ถ้าเราทำสำเร็จทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ขององค์กร หรือของโลกก็แล้วแต่ ณ จุดนั้นมันจะไม่มีวันสูญหายไป”
แดเนียล เบิร์นแฮม สถาปนิกชาวอเมริกัน


