หน้าหนาวกินข้าวเม่า(กันมั้ย)
เอ่ยปากชวนขนาดนี้ อย่าได้ลังเล ไปกัน ไปกินข้าวเม่า
โดย...โจ เกียรติอาจิณ
เอ่ยปากชวนขนาดนี้ อย่าได้ลังเล ไปกัน ไปกินข้าวเม่า
หน้าหนาวเหมาะเหลือเกินที่จะกินข้าวเม่า ไม่ใช่กินเพื่อคลายหนาว แต่กินข้าวเม่าหน้าหนาวมันอร่อยที่สุด ด้วยเพราะข้าวเม่าหน้าหนาวนั้นให้ความหอมความนุ่มเกินจะบรรยาย
ล่าสุดได้ลิ้มรส “ข้าวเม่าคลุก” ณ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม อ.ปักธงชัย อร่อยล้ำเกินกว่าจะยั้งมือได้ ตักเข้าปากช้อนแล้วช้อนเล่า เผลอแป๊บเดียว เกลี้ยงกระทงใบตอง ต้องต่ออีกกระทง ทำเอาเพื่อนนั่งข้างๆ ถามอย่างฉงน ตกลงมันอร่อยถึงขั้นต้องเบิ้ลเชียวเหรอ (ถามเสร็จเธอก็ตักข้าวเม่าคลุกเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ ด้วยความปลื้มปริ่ม)
แม้จะไม่เคยรู้จักหรือเคยกินข้าวเม่ามาก่อน เชื่อเถอะ ถ้าได้ลองจะติดใจข้าวเม่าจนลืมไม่ลง (เหมือนเพื่อนเราที่ฉงนตอนแรกไง)
คนไทยคุ้นเคยกับข้าวเม่ามานานนม ผูกพันอยู่ในสายเลือด เช่นที่ปรากฏในเพลงกล่อมเด็กโบราณ
“โอ้ละเห่เอย หัวล้านนอนเปล ลักข้าวเม่าเขากิน เขาจับตัวได้ เอาหัวไถลไถดิน หัวล้านมักกิน ตกสะพานลอยไป”
ไม่ใช่แค่คนไทยที่กินข้าวเม่า คนในแถบอุษาคเนย์ ลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า ตลอดจน ภูฏาน อินเดีย จนถึงทิเบต ต่างก็มีวัฒนธรรมข้าวเม่าที่สืบทอดกันจากรุ่นสู่รุ่น
อย่างที่บอก ข้าวเม่ากินอร่อยในหน้าหนาว เมื่อลมหนาวพัดมาก็เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่า “ฤดูข้าวเม่า” กำลังมาเยือน
ตามธรรมเนียมอีสาน ออกพรรษาปั๊บก็ได้เวลาตำข้าวเม่า หลายที่อาจจะเหลื่อมกันนิดหน่อย ขึ้นอยู่ว่าดำนาเร็วหรือช้า แต่โดยรวมราวๆ ต.ค.ม.ค. ถือว่าเป็นฤดูข้าวเม่า
ที่เห็นข้าวเม่าในเดือนอื่นๆ มีวางขายในตลาด ก็อย่าแปลกใจว่าทำไมมีข้าวเม่า นั่นก็เรียกข้าวเม่า แต่เป็นข้าวเม่าเลียนแบบ ทำจากข้าวแก่ ไม่ใช่ข้าววัยทีนวัยเอ๊าะที่เลยระยะน้ำนม (ทำได้ทั้งข้าวเหนียวและข้าวเจ้า) ซึ่งจะให้ความหอม ความนุ่ม และสีเขียวตองอ่อน
ขณะที่ข้าวเม่าเลียนแบบจะเหนียว แข็ง แถมสีก็ไม่ได้น่ากิน เข้มจนกลายเป็นน้ำตาล สีเขียวก็มีแต่เป็นสีเคมีผสมอาหาร ไม่ก็เป็นการใช้ใบอ่อนต้นก้ามปูตำรวมกับข้าว ก็ได้ข้าวเม่าสีเขียวตองอ่อน
ปีก่อนไปเวียงจันทน์ เจอข้าวเม่าคลุกแม่ค้าหาบเร่โดยบังเอิญ ลองซื้อมาชิม หน้าตาน่ะ เหมือนข้าวเม่าไทยเป๊ะ มะพร้าวกับน้ำตาลคลุกเคล้า พอชิมดู ความนุ่มไม่ได้ (จริงๆ) ข้าวเม่าที่ลาวแข็งกระด้าง (เกิ๊น) กินไม่อร่อยเท่าข้าวเม่าไทย ซึ่งน่าจะโดนข้าวเม่าเลียนแบบเข้าอย่างจัง
กรุงเทพฯ ก็มีข้าวเม่านะเออ “ตรอกข้าวเม่า” เคยได้ยินกันมั้ย อยู่แถวถนนอิสรภาพ ย่านพรานนก อดีตดังมาก ถือเป็นแหล่งผลิตข้าวเม่าเลื่องชื่อ ใครอยากกินข้าวเม่าขั้นเทพ ก็ต้องแวะมาที่ตรอกแห่งนี้ ปัจจุบันตรอกข้าวเม่าเปลี่ยนไปตามยุคสมัย วัฒนธรรมข้าวเม่าหายไปพร้อมกับการล้มหายตายจากของคนทำข้าวเม่า
ชัยนาทก็มีข้าวเม่า ที่นั่นวัฒนธรรมข้าวเม่าแข็งแรง ถึงขั้นทำเป็นประเพณีตำข้าวเม่า หาชมได้ในเดือน ธ.ค. ชาวอำเภอสรรคบุรี จะรวมตัวกันตำและคั่วข้าวเม่าเพื่อสืบสานวิถีข้าวเม่าให้คงอยู่
พูดถึงเมนูข้าวเม่ามากกว่าข้าวเม่าคลุกยังมีอีกหลายอย่าง ล้วนแต่ชวนลิ้มลองทั้งสิ้น ที่อีสานนำข้าวเม่าไปทำ “ข้าวเม่าหัวหงอก” คล้ายข้าวเม่าคลุกแต่ไม่ใส่น้ำตาล คลุกข้าวเม่ากับเกลือ ตามด้วยมะพร้าวขูด บางบ้านพิถีพิถันหน่อย ก็ทำเป็น “ข้าวเม่าเปียก” กวนข้าวเม่ากับน้ำตาล กะทิ ให้ข้นเหนียว ตักเสิร์ฟพร้อมราดหัวกะทิ
“ข้าวเม่าทอด” คุ้นเคยกันดี เห็นบ่อยตามร้านกล้วยแขก นำข้าวเม่ากวนกับมะพร้าวและน้ำตาล (หน้ากระฉีก) ผสมแป้ง นำไปพอกกล้วยไข่ทั้งลูก ทอดในน้ำมันร้อนๆ บางที่ก็เรียก “กล้วยข้าวเม่า” บ้างก็เรียก “ข้าวเม่าพอก”
อีกอย่างที่หากินยาก “ข้าวเม่าบด” ใช้ข้าวเม่าใหม่ คั่วให้หอมแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง หยดหัวกะทิลงบนข้าวเม่าที่กรองไว้ นำกะทิผสมข้าวเม่า ปั้นแล้วกลิ้งไปมาบนฝ่ามือให้เป็นก้อน
“ข้าวเม่าราง” คั่วข้าวเม่ากับไฟจนพอง กินคู่กับน้ำกะทิ อร่อยง่ายๆ แต่หากินไม่ง่าย “ข้าวเม่าหมี่” เมนูนี้ อร่อยเลิศ นำข้าวเม่ารางมาคั่วกับกุ้งแห้ง เต้าหู้ทอด ถั่วลิสง เพิ่มรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล เพิ่มความหอมยั่วน้ำลายด้วยกระเทียม พริกไทย
เอาเป็นว่า ถ้าเจอข้าวเม่า อย่ารีรอและลังเล ลองลิ้มกันดู หรือถ้าอยากลองทำกินที่บ้าน ก็คลิกไปสูตรเมนูข้าวเม่าเด็ดๆ ได้ที่ www.foodtravel.tv


