posttoday

หลวงปู่จันทร์ศรี รองสมเด็จอายุ 102 ปี

20 ตุลาคม 2556

เมื่อพระพุทธศักราช 2555 วงการแพทย์ของโลกได้จารึกเป็นประวัติการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจว่า คนไข้อายุ 101 ปี ผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจได้เรียบร้อยสมบูรณ์โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน หรือเป็นอันตราย เป็นเรื่องอัศจรรย์อย่างยิ่ง คนไข้รายนั้นคือ หลวงปู่จันทร์ศรี หรือพระอุดมญาณโมลี รองสมเด็จพระราชาคณะวัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี

เมื่อพระพุทธศักราช 2555 วงการแพทย์ของโลกได้จารึกเป็นประวัติการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจว่า คนไข้อายุ 101 ปี ผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจได้เรียบร้อยสมบูรณ์โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน หรือเป็นอันตราย เป็นเรื่องอัศจรรย์อย่างยิ่ง คนไข้รายนั้นคือ หลวงปู่จันทร์ศรี หรือพระอุดมญาณโมลี รองสมเด็จพระราชาคณะวัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี

พล.ต.ทองขาว พ่วงรอดพันธ์ เล่าเรื่องนี้ให้ฟังก่อนเดินทางร่วมกับพระราชญาณกวี (สุวิทย์ ปิยวิชฺโช) พระนักวิชาการแห่งวัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก เพื่อไปร่วมงานฉลองอายุวัฒนมงคล 102 ปี หลวงปู่จันทร์ศรี วันที่ 10 ต.ค. 2556 ที่วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี

โรคประจำตัวที่สำคัญของหลวงปู่วัยเกินศตวรรษ คือภาวะลิ้นหัวใจหลอดเลือดแดงใหญ่ตีบ (Aortic Stenosis) ร่วมกับภาวะหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ (Sick Sinus Syndrome) แต่ไม่มีกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

ประวัติ (ย่อ)

“หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป” หรือ “พระอุดมญาณโมลี” เป็นมหาเถระที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธา และเป็นแบบอย่างอันงดงามของพระภิกษุสงฆ์ สามเณร และประชาชนชาวอีสานมาอย่างยาวนาน

อัตโนประวัติ หลวงปู่จันทร์ศรี หรือพระอุดมญาณโมลี มีนามเดิมว่า จันทร์ศรี แสนมงคล เกิดเมื่อวันอังคารที่ 10 ต.ค. 2454 ที่บ้านโนนทัน ต.โนนทัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น

หลวงปู่มีแววบวชเรียนตั้งแต่เมื่อครั้งเยาว์วัย ด้วยโยมบิดามารดา ได้พาไปใส่บาตรพระทุกวัน จนเกิดความเลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนา ในบางครั้ง ด.ช.จันทร์ศรี จะนำเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันทั้งชายและหญิง 78 คน ออกไปเล่นหน้าบ้าน โดยตนเองจะเล่นรับบทเป็นพระภิกษุเป็นประจำ

อายุครบ 10 ขวบ โยมแม่นำไปฝากไว้กับเจ้าอธิการเป๊ะ ธมฺมเมตฺติโก เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี เจ้าคณะตำบลโนนทัน และเป็นครูสอนนักเรียนโรงเรียนประชาบาล ท่านรับไว้เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิด อยู่รับใช้ได้เพียง 1 เดือน หลวงพ่อนำเด็กชายเข้าเรียนภาษาไทย ตั้งแต่ชั้นประถม ก.กา จนจบชั้นประถมบริบูรณ์ จึงได้บรรพชา เมื่อเดือน พ.ค. 2468

เป็นสามเณรมหานิกาย 4 ปี จึงมาญัตติเป็นธรรมยุต เมื่อ พ.ศ. 2472 ในขณะนั้นมีพระมหานิกายขอเป็นธรรมยุต 5 รูป ก่อนญัตติพระมหาปิ่น ปญฺญาพโล ให้ทั้งหมดลาสิกขา (สึก) นุ่งขาวห่มขาว บวชใหม่แบบธรรมยุตในสีมาน้ำ เมื่อขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 พ.ศ. 2472

เมื่ออายุ 20 ปี ได้อุปสมบทที่วัดศรีจันทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น

ส่วนการจำพรรษานั้น ท่านเปลี่ยนไปตามวัดต่างๆ ตั้งแต่หลังจากพรรษาที่ 1 กล่าวคือ พรรษาที่ 24 (พ.ศ. 24752477)จำพรรษาที่วัดบวรมงคล ต.บางพลัด กรุงเทพฯ เพื่อศึกษาต่อ

แม้จะอยู่ที่วัดบวรมงคล แต่ความปรารถนาล้ำลึกคือเข้าอยู่วัดบวรนิเวศวิหาร ดังที่หนังสือสุริยาส่องฟ้า จันทร์ศรีส่องธรรม ได้เขียนว่า พรรษาที่ 57 (พ.ศ. 24782480) จำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ และสอบได้เป็นมหาเปรียญ

ฝากเข้าสำนักเรียนวัดบวรฯ

การเข้าเป็นศิษย์สำนักวัดบวรนิเวศวิหาร ไม่ใช่เข้าง่ายๆ ต้องปฏิบัติตามระเบียบหลายขั้นหลายตอน พร้อมทั้งหาผู้ฝากที่เชื่อถือได้ หากอยู่ไปแล้วทำตามระเบียบของวัดไม่ได้ต้องถูกส่งตัวกลับ ดังที่เล่าไว้ว่าท่านเตรียมท่องปาติโมกข์ ท่องบทสวดมนต์ตามระเบียบของวัดบวรนิเวศวิหารพร้อมกับเรียนนักธรรม จนสอบได้นักธรรมเอก เมื่อหลวงปู่ทราบข่าวว่าหลวงปู่พระเทพวิสุทธาจารย์ (บุญ ปุญฺญสิริ) หรือที่ศรัทธาสาธุชนเรียกขานกันว่า “หลวงปู่ดีเนาะ” อดีตเจ้าอาวาสวัดมัชฌิมาวาส อ.เมือง เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี (มหานิกาย) มาพักที่วัดปริณายก กรุงเทพฯ จึงไปกราบและเรียนให้ทราบถึงความประสงค์ที่จะอยู่วัดบวรนิเวศวิหาร

หลวงปู่เล่าเรื่องที่สนทนากับหลวงปู่ดีเนาะให้ฟังว่า หลวงปู่ดีเนาะดูเลข 7 ตัว แล้วบอกว่าอยู่ได้

วันที่ 1 เม.ย. 2478 เวลา 1 ทุ่มนัดไปพบกันที่หน้าบันไดกุฏิสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น) เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อสมเด็จวชิรญาณวงศ์พบก็ถามว่ามาอิหยัง หลวงปู่ดีเนาะที่ปกติจะพูดว่าดีเนาะ หรือดีเนาะหลวง สำคัญเนาะหลวง ก็กราบเรียนให้ทราบถึงความประสงค์ของพระจันทร์ศรี สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ เมตตารับให้อยู่ในสำนัก แต่ให้ซ้อมสวดมนต์กับพระครูวินัยธร (เปลี่ยน) ให้ได้ หากไม่ได้ให้ส่งกลับ เมื่อหลวงปู่ดีเนาะได้ยินก็บอกว่า อ้าว ทำไงหลวง ถ้าไม่ได้ก็สอนสิไม่ให้ส่งกลับ

(อย่างไรก็ตาม การที่หลวงปู่ได้เข้าเป็นศิษย์สำนักวัดบวรนิเวศวิหารได้เพราะหลวงปู่ดีเนาะ หลวงปู่จันทร์ศรี จึงมีความกตัญญูรู้คุณต่อหลวงปู่ดีเนาะเสมอ โดยท่านเล่าว่าได้ไปปรนนิบัติเมื่อหลวงปู่ดีเนาะอาพาธเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ และไปกราบเยี่ยมเป็นประจำ เพราะท่านเป็นผู้มีอุปการคุณอย่างยิ่ง ที่ช่วยให้หลวงปู่เข้าศึกษาเล่าเรียนที่วัดบวรนิเวศวิหารได้)

ผ่านไป 15 วัน พระครูวินัยธร (เปลี่ยน) บันทึกถวายพระสุพจนมุนี (ผิน สุวโจ) เพื่อให้ถวายสมเด็จเจ้าอาวาสและสมเด็จเจ้าอาวาสบันทึกว่าให้บรรจุพระจันทร์ศรี จนฺททีโป เข้าบัญชีแผนกนักเรียนครู มีกำหนดอยู่ได้ 2 ปี ตั้งนิตยภัตให้เดือนละ 5 บาท ถ้าสอบซ้ำชั้น ป.ธ. 3 ตก ให้ส่งกลับสำนักเดิม

ผ่านไป 2 ปี ท่านสอบ ป.ธ. 3 ไม่ผ่าน ต้องถูกส่งตัวกลับ แต่พระสุพจนมุนี มีเมตตาบันทึกถวายสมเด็จว่ายังไม่ควรส่งกลับให้บรรจุเป็นนักเรียนวัดอีกครั้ง แล้วตั้งนิตยภัตเพิ่มเป็นเดือนละ8 บาท

ปี 2480 จึงสอบ ป.ธ. 3 ได้ ได้เป็นนักเรียนครูของวัด ได้นิตยภัตเดือนละ 20 บาท

คุณสมบัติพิเศษพระมหาจันทร์ศรี คือสวดพระปาติโมกข์เร็ว จบใน 45 นาที ได้รับรางวัลที่ 2 เป็นหมาก 2 คำ ไตรจีวรผ้ามิสลิน 1 ไตร

ปฏิบัติศาสนกิจ

หลวงปู่รับคำสั่งจากสมเด็จเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารให้ไปปฏิบัติศาสนกิจต่างวัดตลอด มีรายการดังนี้ พรรษาที่ 910จำพรรษาที่วัดหนองดู่ อ.ปากบ่อ จ.ลำพูน พรรษาที่ 11 จำพรรษาที่วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร พรรษาที่ 12 กลับมาจำพรรษาที่วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อเรียน ป.ธ. 5 หลังจากสอบได้ ป.ธ. 4 ได้เมื่อ พ.ศ. 2485 แต่สอบ ป.ธ. 5 อยู่ 7 ปี ก็สอบไม่ได้

ไปจำพรรษาวัดธรรมนิมิต อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ในพรรษาที่ 1322

ในที่สุดได้กลับมาจำพรรษาที่โพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี ตั้งแต่พรรษาที่ 23 หรือ พ.ศ. 2497 ถึงปัจจุบัน

ผลงานล่าสุดของหลวงปู่คือ สร้างพระบรมธาตุเจดีย์ เพื่อเก็บรักษาพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุของหลวงปู่มั่น ซึ่งเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เก็บรักษาไว้

พระธรรมเจดีย์ที่สร้างประกอบด้วย 4 ส่วน คือ

1.เจดีย์พิพิธภัณฑ์

2.พระระเบียงพระเจดีย์

3.ศาลามงคลธรรม

4.สำนักงานทำนุบำรุง

พระเจดีย์พิพิธภัณฑ์ มีลักษณะเป็นอาคารรูปทรง 8 เหลี่ยม มีห้องโถง 3 ชั้น ฐานกว้าง 12 เมตร สูง 38 เมตร ศิลปะผสมระหว่างอีสานตอนบนและอารยธรรมลุ่มแม่น้ำโขง

พระธรรมเจดีย์ เป็นสิ่งสักการบูชา และอัศจรรย์แห่งอุดรธานี ควบคู่กับหลวงปู่จันทร์ศรี พระเถระรัตตัญญู รองสมเด็จพระราชาคณะ ที่มีชนมายุยั่งยืนเกินศตวรรษ

ข่าวล่าสุด

ตำรวจไซเบอร์-ทหาร ถกเข้มชายแดนสระแก้ว เตรียมรับคนไทยจากกัมพูชากลับบ้าน!