แรงใจไม่เคยหมด ‘ต่าย อรทัย’
มาไกลเกินจะกู่กลับ นักร้องลูกทุ่งหญิงแถวหน้า “ต่าย” อรทัย ดาบคำ สู้ชีวิตจนมีวันนี้ได้ เจ้าของฉายา “ราชินีลูกทุ่งอีสาน”
เรื่อง โจ เกียรติอาจิณ / ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข
มาไกลเกินจะกู่กลับ นักร้องลูกทุ่งหญิงแถวหน้า “ต่าย” อรทัย ดาบคำ สู้ชีวิตจนมีวันนี้ได้ เจ้าของฉายา “ราชินีลูกทุ่งอีสาน” ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย หรือหวยล็อกออกที่เธอ แต่เพราะ “ฝีมือ” และ “น้ำเสียง” บวกกับ “ความมุมานะ” และ “ใจสู้เกินร้อย” เธอจึงก้าวมายืนหยัดได้อย่างสง่างาม
ลูกทุ่งหมอลำจาก จ.อุบลราชธานี เกิดในครอบครัวล่มสลาย พ่อแม่แยกทางกัน ต้องใช้ชีวิตอยู่กับยายและน้องชายอีก 3 คน ความจนไม่เคยปรานีตราบที่ลมหายใจไม่สิ้น ชีวิตก็ต้องดิ้นต่อ ต่ายท่องคำนี้ไว้เสมอ รายได้ที่นำมาเลี้ยงปากท้อง 5 ชีวิต คือการรับจ้างสลับกันไปกับการขึ้นเวทีประกวดร้องเพลง
เด็กสาวบ้านนาฝันลึกๆ แต่ไม่ทะเยอทะยานจนเกินเหตุ สักวันหนึ่งฉันจะเป็นนักร้องให้ได้ ฝันนั้นขยับใกล้เข้ามา เธอมีโอกาสขึ้นร้องเพลงกับ “วงนิวฟ้าอีสาน” ทว่าฝันก็ต้องมลายลงอย่างรวดเร็ว เมื่อวงยุบตัวไป นั่นก็หาได้บั่นทอนจิตใจเด็กสาวไม่ ความฝันลึกๆ การเป็นนักร้อง มือถือไมค์ไฟส่องหน้า ยังคงคุกรุ่นในใจเธอ
การคว้ารางวัลอันดับหนึ่ง เวทีประกวดร้องเพลง “ลูกทุ่งมุ่งสู่ดาว” พร้อมค่าตอบแทนเป็นรถจักรยานยนต์ 1 คัน และถ้วยเกียรติยศ ดูเหมือนจะทำให้ต่ายมองเห็นความจริงว่าตัวเองเดินมาถูกทาง และเธอก็ไม่รอช้าที่จะไล่ล่าตามฝัน ด้วยการสมัครประกวดร้องเพลงตามเวทีต่างๆ
แม้จะมีธงผืนใหญ่ปักไว้เป็นเป้าหมาย แต่ทุกอย่างก็ไม่ง่ายและสวยหรู หลังจบมัธยมปลายหวังจะเรียนต่อปริญญาตรีที่บ้านเกิด อะไรๆ ก็ดูขัดสนไปหมด ยิ่งเฉพาะทุนทรัพย์ ต่ายละจากเรื่องเรียนต่อมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาหางานทำ ส่วนการเป็นนักร้องยังไม่ทิ้ง มีโอกาสเธอก็ลงมือทำ ควบคู่การเป็นสาวโรงงาน
“เข้ามากรุงเทพฯ ตอนแรกต่ายไปอยู่แคมป์คนงานก่อสร้างกับแม่ค่ะ แม่ทำงานก่อสร้างแถวสมุทรปราการ ประมาณปี 2542 ต่ายไม่ได้ทำงานก่อสร้าง ต่ายจะรับจ้างซักเสื้อผ้าคนงานในแคมป์ อยู่ที่นั่นสักพัก ต่ายก็ย้ายออกไปทำงานโรงงานผลิตยากับเพื่อน ได้ค่าจ้างวันละร้อยกว่าบาท ตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราว ต่ายทำแผนกเลือกสินค้าที่เสียออก ทำอยู่หลายเดือนนะ เป็นงานที่หนักค่ะ ยืนทั้งวัน ต่ายไม่กลัวงานหนักนะคะ เพราะเคยทำนามาก่อน จับจอบจับเสียม ทำมาหมดแล้ว แต่งานนี้มันค่อนข้างกดดัน ต้องแข่งกับเวลา ทำช้าก็จะถูกมอง ท้อนะคะ คิดทุกวันว่าชีวิตตัวเองจะไปยังไงต่อ ห่วงทางบ้านก็ห่วง เพราะมียายกับน้องๆ รออยู่ไงคะ”
แน่นอน ต่ายยังมุ่งมั่นที่จะเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ด้วยการไปลงเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง (คณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาเอกสื่อสารมวลชน ภาคพิเศษ) เรียกว่า เรียนไป ทำงานไป ร้องเพลงไป
“ช่วงที่ทำงานโรงงานผลิตยา หยุดเสาร์อาทิตย์ต่ายก็จะไปประกวดร้องเพลงที่ฟาร์มจระเข้ สมุทรปราการ แต่ไม่เคยชนะเลยนะ (หัวเราะร่วน) ต่ายไปบ่อยจนคนที่ดูแลเวทีพอดีเป็นคนบ้านเดียวกับต่าย เขาก็ให้บัตรเข้าฟรีมาให้ต่าย ต่ายร้องอยู่ที่นั่นทุกสัปดาห์ จนวันหนึ่งทางฟาร์มกำลังหาตัวแทนไปประกวดรายการชุมทางเสียงทอง ต่ายถูกเลือกเป็นตัวแทนไปประกวด แต่ไม่ชนะเหมือนเดิมค่ะ”
แม้จะไม่ชนะการประกวด แต่ต่ายก็ไม่ยอมหยุดประกวด จนในที่สุดโชคชะตาก็เข้าข้างเธอ ปลายปี 2544 ต่ายถูกทาบทามให้มาเป็นนักร้องค่ายแกรมมี่โกลด์ จากการชักชวนของนักจัดรายการวิทยุ “พี่บ่าวข้าวเหนียว” กับ “พี่สาวบ้านเชียง” ที่พาต่ายมาพบครูเพลงบ้านป่า “สลา คุณวุฒิ” และจากวันนั้นก็ทำให้เธอกลายมาเป็น “ราชินีลูกทุ่งอีสาน” จนบัดนี้
“ไม่เคยมีในความคิดเลยค่ะว่าจะได้มาอยู่แกรมมี่โกลด์ ความที่ต่ายเป็นคนบ้านนอก บ้านก็อยู่ไกลจากกรุงเทพฯ มาก หรือแม้แต่เรื่องเสียงและความสามารถ ต่ายก็คิดว่าตัวเองไม่ได้เสียงดีหรือเก่งขนาดนั้น ก็เลยไม่มีความคิดว่าจะต้องได้มาเป็นนักร้องค่ายนี้ เพราะมันเป็นอะไรที่ใหญ่และไกลเกินค่ะ ถามว่ารู้จักมั้ย รู้จักค่ะ รู้จักแค่เพลงนักร้องดังของค่ายในยุคนั้น พี่ก๊อต พี่นาง พี่อรวี นอกนั้นไม่รู้จักเลย
พอเข้ามาแล้ว ต่ายต้องมาเรียนทุกอย่างใหม่หมดเลย ตั้งแต่การร้อง การออกเสียง รวมไปถึงการแสดง เพราะต่ายจะเป็นคนเวลาร้องจะออกเสียงไม่ชัด ร้องขึ้นจมูก และก็ชอบร้องทิ้งคำ ฝึกอยู่เป็นปีค่ะกว่าจะได้เริ่มร้องเพลงจริงๆ ซึ่งต่ายต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างห้องพักแถวๆ เสนามาที่ตึกแกรมมี่ ตอนนั้นยังเป็นตึกเก่า (ซีมิกซ์) ทุกอย่างคือเริ่มจากศูนย์จริงๆ ค่ะ”
อัลบั้มชุดที่ 1 “ดอกหญ้าในป่าปูน” ส่งให้ต่ายดังเปรี้ยงอย่างไม่คาดคิด ยอดขายทะลุล้านตลับ มีเพลงฮิตติดชาร์ต “โทรหาแหน่เด้อ” ดังทั่วบ้านทั่วเมือง ต่ายยังดังระเบิดระเบ้อต่อในอัลบั้มที่ 2 “ขอใจกันหนาว” ยอดขายทะลุล้านตลับอีกครั้ง สร้างสถิติลูกทุ่งหญิงคนแรกที่ได้ล้านตลับติดต่อ 2 อัลบั้ม ไม่พอ เธอยังกวาดรางวัลนักร้องลูกทุ่งหญิงยอดนิยมและยอดเยี่ยมทุกสถาบัน (ปัจจุบันกำลังทำอัลบั้มชุดที่ 10)
“ชีวิตเปลี่ยนค่ะ ในแง่ของความเป็นอยู่ ถ้าทำเป็นกราฟชีวิตนี่ ต่างมากค่ะ น้องมีเงินไปโรงเรียน ยายมีเงินใช้จ่าย ส่วนชีวิตของต่ายยังเหมือนเดิมค่ะ เคยใช้ชีวิตยังไงก็เป็นยังงั้นค่ะ จกข้าวเหนียว กินปลาร้า เสื้อผ้าก็ง่ายๆ ไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปจากเดิมเลยค่ะ
ยังต้องฝึกอะไรอีกเยอค่ะ ต่ายยังต้องฝึกในทุกๆ เรื่อง เพราะต่ายคิดว่าต่ายมีแค่เสียงเสน่ห์ ส่วนเรื่องอื่นๆ ต่ายก็ยังงูๆ ปลาๆ ถึงแม้จะดังแล้ว ต่ายก็ยังต้องฝึกค่ะ”
ความสำเร็จของต่ายในวันนี้ กุญแจดอกสำคัญคงไม่ได้มาจากสรวงสวรรค์ หากแต่เป็นตัวเธอต่างหากที่สามารถไขจากโลกแห่งความฝันไปสู่โลกแห่งความจริง ด้วยหัวใจที่สู้ไม่ถอย เมื่อนำมารวมกับกุญแจอีกหลายๆ ดอก ทั้งครูเพลงและทีมงานเบื้องหลัง นั่นจึงทำให้สาวบ้านนาธรรมดากลายร่างเป็นราชินีลูกทุ่งอีสาน
“ส่วนตัวต่ายไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจกับโชคชะตาของตัวเองเลยนะคะ เพราะต่ายคิดเสมอว่าทุกอย่างมันถูกกำหนดมาแล้ว” นักร้องลูกทุ่งวัย 33 ทิ้งท้าย


