posttoday

ชมสวนไผ่ในญี่ปุ่น

13 ตุลาคม 2556

ในฉบับที่ผ่านมาผู้เขียนเล่าเรื่องไผ่โดยเท้าความถึงเรื่องของไผ่จากความทรงจำในเกียวโต ญี่ปุ่นคู่ไปกับเรื่องของไผ่ในเมืองไทย

โดย...ม.ล. จารุพันธ์ ทองแถม

ในฉบับที่ผ่านมาผู้เขียนเล่าเรื่องไผ่โดยเท้าความถึงเรื่องของไผ่จากความทรงจำในเกียวโต ญี่ปุ่นคู่ไปกับเรื่องของไผ่ในเมืองไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สถานีเกษตรหลวงดอยอ่างขาง ดังนั้น ในฉบับนี้จะเล่าเรื่องไผ่ต่อไป ชนิดของไผ่ในญี่ปุ่นนั้น ที่ขึ้นแพร่หลายสุดๆ น่าจะได้แก่ ไผ่มาดาเกะ (Madake) Phyllostachys bambusoides หรือ P.reticulata ซึ่งเป็นไผ่ทอดยอดเลื้อยขนานไปใต้ผิวดิน ไม่ฟอร์มกอ ต้นมีลำ (Culm) สูงได้ถึง 20 ม. และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 15 ซม. และมีวง 2 วง ที่บริเวณข้อ ไผ่ในสกุลนี้อีกชนิดที่พบเห็นกันว่าเป็นไผ่ชนิดที่ใหญ่ที่สุด โดยมีความสูง 1520 ม. และมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 20 ซม. ส่วนข้อมักไม่เด่นชัด และมีวงเดียวเท่านั้น ชาวญี่ปุ่นกล่าวว่าหน่อไม้ไผ่ชนิดนี้มีรสเลิศ เมื่อนำไปประกอบอาหารชื่อพ้องของไผ่ชนิดนี้คือ P.mitis

ไผ่ชนิดที่ 3 ในญี่ปุ่นเรียกกันว่า ไผ่ดำ (Black Bamboo : P.nigra) ชื่อของมันบอกอยู่แล้วว่าสีดำ (Nigra) โครงการหลวงได้รับไผ่ชนิดนี้จากรัฐบาลญี่ปุ่นหลายสิบปีมาแล้ว ในขณะที่เริ่มต้นพัฒนาดอยอ่างขาง ลำต้นของมันจะมีสีดำสนิทได้ต้องปลูกในที่มีอากาศหนาวเย็น ผู้ที่นำไปปลูกในพื้นที่ราบมักกล่าวว่าการเจริญเติบโตไม่ดีนักและลำมักไม่ออกสีดำ โดยเฉพาะหากลำยังมีอายุน้อย ส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นมักปลูกประดับสวนหินหรือสวนหลังบ้าน (Court yard garden) ซึ่งมีพื้นที่จำกัด สวนแบบนี้มีความโดดเด่นและอาจกล่าวถึงในโอกาสหลัง ไผ่ดำนี้ห้ามสับสนกับไผ่ดำขนาดใหญ่ ซึ่งมีผู้นำมาปลูกเผยแพร่ในกรุงเทพฯ เมื่อ 45 ปีที่ผ่านมา เพราะไผ่ดำดังกล่าวเป็นไผ่กอ (Clump bamboo) ไม่จัดเป็น Monopodial ดังเช่น ไผ่ดำญี่ปุ่น แต่เป็นไผ่ดำประเภทกออยู่ในสกุล Bambusa หรือ Dendrocalamus ไม่แน่ใจนัก ไผ่อีกชนิดที่กล่าวถึงในฉบับก่อน ก็คือไผ่ในสกุลซาซ่า (Sasa) ซึ่งเป็นไผ่ชอบอากาศหนาว ที่พบในสวนญี่ปุ่นที่เมืองนาราและนาโกยาและโตเกียว ได้แก่ Sasa veitchii ซาซ่าเวิชชิไอ พวกนี้บางคนจัดให้อยู่ในสกุล Arundinaria คนญี่ปุ่นเรียกว่า คูมาซาซา (Kumazasa)

ชมสวนไผ่ในญี่ปุ่น

 

ไผ่สกุล Sasa นี้มีลักษณะเด่นคือจะคงกาบติดลำอยู่ตลอดชีวิต เมื่อเราตัดหน่อมาเพื่อนำไปบริโภค เราต้องตัดออกเมื่อยังเป็นหน่ออ่อนและนุ่มเท่านั้น จากการที่มันมีการเติบโตรวดเร็วมาก แม้ล่าช้าเพียงวันเดียวอาจทำให้หน่ออ่อนกลับกลายเป็นหน่อไม้แข็ง ไม่อาจกินได้ หน่อไม้เหล่านี้อาจรับประทานได้ก็จริง แต่ไผ่โมโสะจะนิยมกันมากที่สุด เพราะมีรสชาติอร่อยหลังจากต้มแล้ว จากนั้นนำไปผัดอย่างเร็วในกระทะร้อนหรือจุ่มลงในโชยุ (Shoyu) ซีอิ๊วญี่ปุ่นที่ทำจากถั่วเหลือง นี่เป็นอาหารอร่อยสำหรับฤดูใบไม้ผลิของเดือน เม.ย.และ พ.ค.

ชาวบ้านที่ปลูกสวนไผ่เอาไว้ตามเชิงเขา จะออกตัดลำไผ่กันเพื่อเอาไปใช้ก่อสร้าง โดยเขาเลือกตัดเฉพาะลำที่มีอายุ 35 ปี ซึ่งเหง้าใต้ดินจะสร้างหน่องอกขึ้นมาอีกเสมอ ภูเขาที่ปกคลุมด้วยไผ่จะไม่พบการชะล้างพังทลายของผิวดิน เพราะมันมีระบบรากฝอยที่เหมือนตาข่ายพลาสติกอยู่ใต้ดินป้องกันภูเขาริมแม่น้ำลำธาร ซึ่งคนญี่ปุ่นกล่าวว่าถิ่นที่มีไผ่ขึ้นอยู่จะไม่มีอันตรายจากแผ่นดินไหวเลย นอกจากจะปลอดภัยแล้ว เขตป่าไผ่ยังมีอากาศบริสุทธิ์ราวอยู่อีกโลก ทั้งสวยงาม เงียบสงัดและร่มรื่น ลำไผ่สีเขียวสดชื่นตาจะช่วยชูใบที่พลิ้วอยู่ในสายลม ฟังดูคล้ายดนตรีธรรมชาติ ต้นไม้นี้ชาวญี่ปุ่นถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดเฉลียวรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน แม้จะเกิดพายุใหญ่เพียงใด ลำไผ่จะไม่มีวันหักโค่น

มักมีผู้กล่าวเสมอว่า ไผ่ออกดอกครั้งเดียวทุกรอบ 100 ปี จากนั้นจะตายลง แต่ขอยืนยันว่าเป็นความจริงเพียงบางส่วน เพราะไผ่บางชนิดออกดอกเกือบทุกปี แต่ไผ่อื่นอาจออกดอกไม่เป็นเวลาแน่นอน บางชนิดออกดอกในทุก 50120 ปีก็มี เมื่อออกดอกแล้วก็จะตาย การออกดอกของไผ่นี้ทำให้มันสูญเสียอาหารที่มันสะสมไว้มาก ดังนั้น มันจึงทิ้งใบหมดไม่มีอาหารส่งไปเก็บที่รากใต้ดิน ดังนั้น ไผ่ที่ออกดอกจึงอ่อนแอ ทรุดโทรมไปหลายปีกว่าจะกลับมาเจริญเติบโตได้อีกครั้ง เรื่องแปลกที่เป็นเรื่องจริงคือ เมื่อไผ่บางชนิดออกดอกนั้น ไผ่ทุกต้นที่เป็นไผ่ชนิดเดียวกันในญี่ปุ่น แม้จะอยู่ห่างไกลกันคนละตำบล มันจะพากันออกดอกภายในสองฤดู คล้ายกับนัดกันฆ่าตัวตายหมู่ ดังนั้น คนญี่ปุ่นจึงถือว่าฤดูไผ่ออกดอกจะเป็นสัญลักษณ์ของความพินาศ

เมื่อมีโอกาสขึ้นไปท่องเที่ยวในญี่ปุ่น อย่าพลาดโอกาสในการเข้าไปเดินในสวนไผ่ของวัดวาอารามต่างๆ ของเมืองเกียวโตนารา ท่านจะรู้สึกสุขสงบและรักในต้นไผ่จนถึงกับอยากหามาปลูกในสวนหลังบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่งภายใต้สภาพโลกร้อนเช่นปัจจุบัน

ชมสวนไผ่ในญี่ปุ่น

 

ข่าวล่าสุด

เจาะรายละเอียด อย.ปลดล็อก ยา ‘ATMP’ ตามความเสี่ยง 3 ระดับ!