posttoday

ระลึกวีรชนบนอนุสรณ์สถานแห่งชาติ

29 กันยายน 2556

ผมเคยนึกสงสัยอยู่นานแล้วว่าอาคารทรงสวยงามที่มีแหลมยอดสูงสว่าง ในสามแยกดอนเมือง ช่วงถนนวิภาวดีรังสิตบรรจบกับถนนพหลโยธิน

โดย...โยธิน อยู่จงดี

ผมเคยนึกสงสัยอยู่นานแล้วว่าอาคารทรงสวยงามที่มีแหลมยอดสูงสว่าง ในสามแยกดอนเมือง ช่วงถนนวิภาวดีรังสิตบรรจบกับถนนพหลโยธินนั้น คือสถานที่อะไรกันแน่ จนกระทั่งเราตัดสินใจเลี้ยวเข้าไปชมนั่นล่ะถึงได้รู้ว่านี่คือหนึ่งในสถานที่สำคัญที่ควรค่าแก่การเข้าชม และน้อยคนนักจะรู้จักกับสถานที่ที่เรียกว่า “อนุสรณ์สถานแห่งชาติ” สถานที่ที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ชาติไทยในยุคสมัยแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ด้วยเรื่องราวของบูรพมหากษัตริย์และวีรชนไทยผู้เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ

อนุสรณ์สถานแห่งชาตินี้สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2525 ในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานนามเพื่อเป็นสิริมงคล แต่ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไป ศูนย์การค้า หมู่บ้านจัดสรร ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดอยู่โดยรอบ แต่อนุสรณ์สถานแห่งนี้กลับไม่อยู่ในความสนใจ จนแทบจะไม่เคยได้ยินชื่อนี้เสียด้วยซ้ำ ทั้งที่ตอนนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ควรพาเด็กๆ เข้าชมเป็นอย่างมาก

ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติประกอบไปด้วยอาคารหลักๆ 3 ส่วน ก็คือ อาคารประกอบพิธี อาคารประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ทหาร และอาคารภาพปริทัศน์

ในส่วนอาคารประกอบพิธีนั้นเกือบๆ จะเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตของอัฐิ เครื่องราง และดินจากสมรภูมิการรบในประวัติศาสตร์ชาติไทยตั้งแต่ยุคสุโขทัยขับไล่ขอมจากแผ่นดินจนก่อร่างสร้างชาติไทยเรามา ในอาคารแห่งนี้เราต้องเข้าชมสิ่งที่เรียกว่า “ดวงโคมนิรันดร์ประภา” เป็นประติมากรรมรัตนชาติประดิษฐ์ขึ้นจากแก้วผลึกที่มีในประเทศไทย ตั้งอยู่บนฐานหินอ่อนสีขาว

ระลึกวีรชนบนอนุสรณ์สถานแห่งชาติ

 

ภายในบรรจุดินสมรภูมิสำคัญของชาติ 10 แห่ง ได้แก่

1.ดินสมรภูมิไทยรบขอม สมัยสุโขทัย

2.ดินสมรภูมิไทยรบพม่า ในสงครามยุทธหัตถี พ.ศ. 2135

3.ดินสมรภูมิไทยรบพม่า ในศึกบางระจัน พ.ศ. 2308

4.ดินสมรภูมิไทยรบพม่า ที่ค่ายโพธิ์สามต้น พ.ศ. 2310

5.ดินสมรภูมิไทยรบพม่า ที่ ต.บางแก้ว ราชบุรี ในศึกบางแก้ว พ.ศ. 2317

6.ดินสมรภูมิไทยรบพม่า ที่ทุ่งลาดหญ้า กาญจนบุรี ในสงคราม 9 ทัพ พ.ศ. 2328

7.ดินสมรภูมิไทยรบพม่า ในศึกถลาง พ.ศ. 2328

8.ดินสมรภูมิไทยรบพม่า ที่เมืองเชียงใหม่ พ.ศ. 2345

9.ดินสมรภูมิไทยรบพม่า ที่เมืองเชียงแสน พ.ศ. 2347

10.ดินสมรภูมิไทยรบลาว ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ นครราชสีมา พ.ศ. 2369

ระลึกวีรชนบนอนุสรณ์สถานแห่งชาติ

 

ซึ่งดินทั้งหมดนี้เป็นดินที่กรมทรัพยากรธรณีทำการขุดลึกลงไปในชั้นดินเพื่อนำดินที่อยู่ในช่วงเวลาสงครามนั้นจริงขึ้นมาเก็บเอาไว้ เพราะดินเหล่านี้ต่างเคยอาบเลือดบรรพบุรุษที่เคยป้องชาติปกแผ่นดินไทยเอาไว้ทั้งสิ้น และยังมีภาพนูนต่ำของมหาราช 9 พระองค์ และภาพมงคลทั้ง 8 มงคล ประดับบนบานกระจกข้างบานหน้าต่างด้านทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ด้านละ 8 ภาพ เป็นของในคัมภีร์ศาสนาพราหมณ์ คือ คฑาวุธ สังข์ จักร ธงชัย ขอช้าง หญ้าแพรก โคอุศุภราช และหม้อน้ำมนต์

จากนั้นเราเดินจากอาคารประกอบพิธีมาที่อาคารประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ทหาร เราจะได้พบเห็นเรื่องราวการรบของทหารหาญ ซึ่งเด็กผู้ชายทุกคนน่าจะชอบ เพราะมีการวางลำดับเรื่องราว แผ่นป้าย และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้จริงมาจัดวางไว้ให้ชมอย่างใกล้ชิด มีแสง เสียง และวีดิทัศน์

จัดแสดงหุ่นจำลองเหตุการณ์สงครามสมัยใหม่ที่กองทัพไทยได้ปฏิบัติการรบครั้งสำคัญๆ อย่าง

สงครามโลกครั้งที่ 1 ยุทธนาวีเกาะช้าง สงครามมหาเอเวียบูรพา วีรกรรมกองบินน้อยที่ 5 สงครามเกาหลี การรบที่เขาพอร์คชอพ เหตุการณ์การรบในป่าเวียดนาม และสงครามกับกลุ่มคอมมิวนิสต์อีกหลายเหตุการณ์ที่เราต่างลืมไปแล้วว่า ทหารไทยเราเคยมีวีรกรรมการรบที่ใดบ้าง

ซึ่งต้องชมว่าพิพิธภัณฑ์ในส่วนนี้มีการจัดวาง และสร้างฉากที่ได้อารมณ์คล้ายอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ มาก โดยเฉพาะฉากสงครามเวียดนามที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในป่าดิบจริงๆ

ระลึกวีรชนบนอนุสรณ์สถานแห่งชาติ

 

จบจากชั้น 1 เดินต่อไปที่ชั้นที่ 2 ชมกำแพงแก้วรอบระเบียงที่ได้จารึกนามผู้กล้าหาญซึ่งเสียชีวิตจากการรบกว่า 6,121 ชื่อ และชมพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติจอมทัพไทย แสดงพระราชกรณียกิจอันเกี่ยวเนื่องกับกองทัพ และกรณียกิจของกองทัพเพื่อสนองโครงการในพระราชดำริ และเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการทหารไทยทั้งหมดจะอยู่ที่อาคารแห่งนี้

ปิดท้ายที่ส่วนอาคาร ภาพปริทัศน์ ในส่วนอาคารนี้จะจัดแสดงภาพวาดศิลปะแบบไทยๆ ที่สะท้อนเรื่องราวความเป็นชาติไทยในแต่ละช่วง แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะชมแล้วไม่เข้าใจ เพราะมีวีดิทัศน์บรรยายตั้งแต่ภาพการก่อตั้งบ้านเมืองไล่มาจนถึงภาพวิวัฒนาการของสังคมเมืองในยุคพระนครศรีอยุธยา มีใจความสำคัญคือ เมื่ออยุธยาแผ่ขยายแผ่นดินไปจนถึงกัมพูชา ส่วนทางใต้ได้ขยายดินแดนไปจนถึงนครศรีธรรมราช

พระนครศรีอยุธยาในเวลานั้นได้เปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง แบ่งส่วนราชการเป็นฝ่ายกลาโหมและฝ่ายมหาดไทย มีอัครมหาเสนาบดี 2 ฝ่าย อยู่เหนือจตุสดมภ์ คือ เวียง วัง คลัง นา ทางฝ่ายราชการทัพ ทัพอยุธยานั้นแปลได้ว่า “รบไม่แพ้ใคร” จนกระทั่ง พ.ศ. 2081 ทัพพม่าตีเมืองเชียงกราน หัวเมืองมอญในพระราชอาณาเขต

ฝ่ายไทยมีกำลังอาสา (ทหารรับจ้าง) โปรตุเกสเข้าสมทบ และเป็นครั้งแรกที่ไทยได้ใช้ปืนเป็นอาวุธ พอชนะศึกเชียงกราน นับแต่นั้นอยุธยาจึงเป็นเป้าหมายของพม่าที่คิดจะยกทัพมาตีด้วยอยู่ตลอดเวลา

ระลึกวีรชนบนอนุสรณ์สถานแห่งชาติ

 

ทำให้ภาพต่อจากนั้นคือภาพการเสียเอกราชและกู้เอกราชครั้งที่ 1 ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้เราต่างรู้จักกันดีอยู่แล้ว

แต่ทั้งหมดล้วนแสดงถึงเนื้อหาเดียวของอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ก็คือการช่วยทำให้เราคนไทยทุกคนเข้าใจความเป็นไทยผ่านประวัติศาสตร์สงครามและวีรกรรมของทหารหาญ และบอกกับเราทุกคนว่า ที่เราทะเลาะกันอยู่ทุกวันนี้ เราคงเว้นห่างจากสงครามมากเกินไป จนไม่ตระหนักถึงภัยรอบนอกของประเทศที่จ้องทำลายบ้านเมืองเราอยู่ ซึ่งเมื่อไหร่ที่เราคนไทยแตกความสามัคคี ชาติไทยเราก็คงไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อีกต่อไปนั่นเอง. .

ชมอย่างไรที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ

การเดินทางมาที่อนุสรณ์สถานแห่งชาตินี้ให้ใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าไปรังสิต ผ่านกองทัพอากาศดอนเมือง เลยแยก คปอ. ประมาณ 5 กม. อนุสรณ์สถานแห่งชาติจะตั้งอยู่ทางซ้ายมือ แต่เนื่องจากสถานที่แห่งนี้มีพื้นที่จัดแสดงที่กว้างขวางมาก เราจึงควรโทรติดต่อเพื่อขอเข้าชมได้ฟรี ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ก่อนเพื่อให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก ที่เบอร์ 02-532-1021 หากมาเป็นกลุ่มคณะจะมีเจ้าหน้าที่นำชมให้ และควรเผื่อเวลาเดินชมสถานที่แห่งนี้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง เราจะได้เดินชมเรื่องราวประวัติศาสตร์ชาติไทยรวมทั้งถ่ายรูปเล่นในสวนหย่อมที่มีฉากหลังเป็นอาคารที่สวยงามอีกด้วย

ระลึกวีรชนบนอนุสรณ์สถานแห่งชาติ

ระลึกวีรชนบนอนุสรณ์สถานแห่งชาติ

ระลึกวีรชนบนอนุสรณ์สถานแห่งชาติ

ระลึกวีรชนบนอนุสรณ์สถานแห่งชาติ

ระลึกวีรชนบนอนุสรณ์สถานแห่งชาติ

 

ข่าวล่าสุด

เจ็ตสกีเวิลด์คัพ 2025 ไทยเจ๋งคว้า 11 แชมป์โลกสะพัด 680 ล.