posttoday

เพื่อไทยยังบลัด อิ่ม-เดียร์ ‘เราเหมือนครอบครัวเดียวกัน’

28 กันยายน 2556

เป็น สส.หญิงน้องใหม่ชิมลางการเมืองสมัยแรกทั้งคู่ แถมยังรุ่นราวคราวเดียวกัน ทำให้สองสาวคลื่นลูกใหม่ของพรรคเพื่อไทย

โดย...ธนพล บางยี่ขัน ชุษณ์วัฏ ตันวานิช

เป็น สส.หญิงน้องใหม่ชิมลางการเมืองสมัยแรกทั้งคู่ แถมยังรุ่นราวคราวเดียวกัน ทำให้สองสาวคลื่นลูกใหม่ของพรรคเพื่อไทย อิ่มธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. และเดียร์ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ ทำงานร่วมกันสนิทสนมรู้อกรู้ใจจนกลายเป็นพี่น้องสุดซี้ไม่ใช่เพียงเป็นคนรุ่นใหม่บุคลิกดี เเต่ลีลาพูดจา ประท้วง ตอบโต้ฉะฉานของสองสาวผสมกับลวดลายความเป็นธรรมชาติของนักการเมืองสุภาพสตรี ยังช่วยแต่งแต้มสีสันให้สภาไทยมีชีวิตชีวา ผ่อนคลายสายตาให้แก่คอการเมืองที่เฝ้าชมถ่ายทอดสดการอภิปรายอยู่ทางบ้าน

อิ่ม ธีรรัตน์

‘เดียร์เขาเข้มแข็งเหมือนพ่อ’

“อิ่มเริ่มมารู้จักน้องเดียร์ตอนที่มาเป็น สส.พรรคเดียวกัน อยู่กลุ่มเดียวกัน เพราะเป็น สส.สมัยแรกเหมือนกัน เป็นคนรุ่นใหม่มีความคิด และมีไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กัน เดียร์เขาเป็นคนที่น่ารักมาก จริงใจ กล้าลุย เขานิสัยเหมือนพ่อ (เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล) อิ่มรู้จักเเละเคยพบ เสธ.แดง หลายครั้ง เสธ.จะมาที่บ้านบ่อย เพราะคุณพ่ออิ่ม (วิบูล สำเร็จวาณิชย์) กับเสธ.รู้จักกันมาก่อน เสธ.แดงเป็นบุคคลที่เราเคารพนับถือ เป็นคนที่รู้อยู่แล้วว่าเขามีน้ำใจ เข้มแข็ง รักเพื่อนรักฝูง ขาลุย กล้าได้กล้าเสีย เดียร์ก็เหมือนกับพ่อเขา เข้มแข็ง ใจกล้า ถ้าเรามีปัญหาเขาก็พร้อมช่วยเหลือเรา

เพื่อไทยยังบลัด อิ่ม-เดียร์  ‘เราเหมือนครอบครัวเดียวกัน’

 

แต่ตอนแรกที่เดียร์เข้ามาเป็น สส.เราก็ไม่ได้บอกเขานะว่าเรารู้จักพ่อเขา หรือบอกว่าพ่อของเราสองคนเคยรู้จักกัน ก็ดำเนินชีวิตเป็นเพื่อนกันปกติ แต่พอสนิทกันมากขึ้น เขารู้ว่าคุณพ่อของเราสนิทกัน อิ่มก็บอกเขาเลยว่า เดียร์ก็เหมือนน้องพี่นะ จะทำอะไรก็แล้วแต่ เดียร์ก็เป็นเหมือนน้อง เพราะพ่อเรารู้จักกัน เขาก็ถามทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้ อิ่มก็บอกว่า ไม่มีความจำเป็น เพราะตอนนี้คนที่พี่รู้จักคือ พี่รู้จักเดียร์ พ่อเขาก็คือพ่อ เสธ.ก็อยู่ในความเคารพ แต่อิ่มบอกเสมอว่าเดียร์มีตัวตนของเดียร์ เดียร์ใช้ความสามารถของตัวเองในการเดินมาบนถนนเส้นนี้อยู่แล้ว พอยิ่งคุยกันแล้วเขารู้ว่าพ่อเราสนิทกันมาก่อน มันทำให้เรารู้สึกเข้ากันง่ายขึ้น รักกันมากขึ้น

ที่บ้านอิ่มมีพี่น้อง 8 คน อิ่มมีพี่ 6 คน มีน้องชายหนึ่งคน เดียร์ก็เหมือนเป็นน้องที่บ้านเหมือนกัน เวลาไปเจอครอบครัวอิ่ม เข้าบ้านอิ่ม เขาก็เป็นเหมือนน้องในบ้าน รู้จักกับพ่อเเละพี่ๆ ทุกคน เขาจะเรียกพ่ออิ่มว่า เจ้ก ด้วยความที่อิ่มมีพี่น้องเยอะ ไม่ขาดอะไร เลยทำให้มีสิ่งที่ทำให้อิ่มได้เรียนรู้จากเดียร์มากที่สุด คือ ความเข้มแข็ง เห็นเดียร์แล้วเหมือนเขาสอนอิ่มว่า เราต้องเป็นคนที่เข้มแข็ง เพราะเขาโดนอะไรที่หนักกว่าอิ่มเยอะมาก ถึงแม้เขาจะเจออะไรแรงมา แต่ใจเขายังสู้ ยังแข็งแกร่ง มันเหมือนกับสอนเราว่าทั้งที่น้องตัวแค่นี้ เป็นเด็กผู้หญิงตัวคนเดียว แต่กลับสามารถผ่านสิ่งเลวร้ายที่เข้ามาชีวิตไปได้ด้วยดี และเขาสามารถใช้ชีวิตทุกวันให้มีความสุขได้

ไม่เท่านั้น งานในสภาเขาก็ทำได้ดีนะ ทั้งการเตรียมตัวอภิปรายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) มีคุยกันปรึกษากันตลอด อย่างการอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณ อิ่มจะเน้นอภิปรายเรื่องกองทุน เดียร์จะเน้นเรื่องสาธารณสุข แบ่งกันไปคนละประเด็น พอบางทีเดียร์พูดสาธารณสุขอยู่แล้ว เราก็ฝากประเด็นให้พูดถึงเรื่องในลาดกระบังซึ่งเป็นเขตพิ้นที่เราให้หน่อย อะไรประมาณนี้ แล้วตอนแรกเดียร์เป็น สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ยังไม่มีพื้นที่ดูแล เขาก็จะไปลงพื้นที่ในเขตกับเรา แล้วเขาทำได้ดีมาก เหมือนเขาได้เรียนรู้ว่าการเป็น สส.นอกจากทำงานในสภาแล้ว ต้องอาศัยความสนิทสนมด้วย เพราะพี่น้องประชาชนเขาคาดหวังว่า สส.ของเขาควรที่จะมาให้ความดูแล สส.ควรรู้ว่าประชาชนตรงไหนรออยู่ อิ่มกับเดียร์เมื่อก่อนจะลงพื้นที่ด้วยกันบ่อย งานลอยกระทงก็ไปด้วยกัน บางทีงานแต่งงานก็ไปด้วยกัน จนบางงานต้องมี สส.เป็นประธานสองคน ทั้งอิ่มทั้งเดียร์ (หัวเราะ)

แล้วเราจะช่วยกันดูเวลาอยู่ในสภา บางทีเราจะบอกว่าเฮ้ย! หน้าเธอแรงไปแล้วนะ ตาเธอไปโน่นแล้ว ให้เย็นลงมาหน่อย (หัวเราะ) เรานั่งไม่ห่างกันมากในสภาก็ช่วยกัน หรือบางครั้งเวลาเขาโดนโจมตี เขาโมโห ใครมาทำอะไรเขาจะไม่ยอม เราก็ต้องเบรกเขาไว้ ก็บอกเขาว่า เรื่องนี้มันไร้สาระ อย่าเอามาใส่ใจ จุดที่ฝ่ายโน้นต้องการโจมตีเรา เพราะต้องการยั่วโมโหเรา เราก็พยายามบอกให้เขาใจเย็น เดี๋ยวถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้วเราขึ้นจะสวยกว่า (หัวเราะ)”

เดียร์ ขัตติยา

‘พี่อิ่มสอนให้เดียร์รู้วิธีได้ใจชาวบ้าน’

“พี่อิ่มเป็นคนเก่ง ตอนแรกคุณพ่อสอนว่าไม่อยากให้เดียร์เรียนเป็นดอกเตอร์ เพราะคุณพ่อกลัวคุยกับเดียร์ไม่รู้เรื่อง เราก็เลยฝังใจ แต่พอมาเจอ ดร.ธีรรัตน์ ทำให้ความคิดเราเปลี่ยนไป พี่อิ่มเป็นคนเก่งทั้งเรื่องงาน และสามารถคุยเรื่องอื่นได้ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์ ไม่ใช่เก่งแค่ด้านการศึกษาอย่างเดียว ถึงพี่อิ่มจะเป็น สส.สมัยแรกเหมือนกับเดียร์ แต่ว่าประสบการณ์เขามากกว่าเดียร์เยอะ เพราะบางทีพ่อเราเป็นทหาร เราลูกคนเดียว ก็เห็นอะไรในมุมด้านเดียว แต่พอคุยกับพี่อิ่ม ทำให้มองอะไรจากหลายๆ ด้านมากขึ้น อาจเป็นเพราะคุณพ่อพี่อิ่มเขาเป็นนักธุรกิจ ที่บ้านเขาเล่นการเมือง มีพี่น้องเยอะด้วย เลยมีคนคอยให้ความรู้ตลอด

เดียร์ค่อนข้างสนิทกับบ้านพี่อิ่ม บางทีไปงานกับครอบครัวเขาแทนพี่อิ่มได้เลย (หัวเราะ) อาจเพราะบ้านเขารักคุณพ่อเดียร์ไง เขาก็เลยเผื่อแผ่มาถึงเราด้วย คุณพ่อเดียร์เคยอยู่กับ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ซึ่ง ดร.ไตรรงค์ มีบ่อปลาในลาดกระบังแล้วให้คุณพ่อดูแล บ้านพ่อพี่อิ่มก็อยู่ลาดกระบังก็เลยได้เจอกัน เราก็ได้ยินคุณพ่อพูดถึงบ่อปลานี้ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เเต่เพิ่งมารู้ตอนนี้ พอมาเจอ พ่อและพี่น้องพี่อิ่ม เขาก็บอกว่าปกติแล้ว ถ้าคุณพ่อเดียร์ยังอยู่ คุณพ่อจะแวะมาที่บ้าน เเละที่บ้านพี่อิ่มยังมีรูปคุณพ่อพี่อิ่มที่ถ่ายกับพ่อเดียร์อยู่เลย ตอนงานศพคุณแม่เดียร์ พ่อพี่อิ่มก็มาร่วมงานด้วย พอมาบ้านนี้เราก็รู้สึกว่าเหมือนได้เจอคนกันเอง

ในการทำหน้าที่ผู้แทน พี่อิ่มสอนอะไรเดียร์เยอะให้รู้จักการเป็น สส.พี่อิ่มพูดเสมอว่าตอนปี 2554 พี่อิ่มชนะการเลือกตั้งมาด้วยเสียงท่วมท้น เพราะฉะนั้นเขาต้องทำงานเพื่อขอบคุณคะแนนของเขา ตอบเเทนชาวบ้านที่อุตส่าห์เลือกเขาเข้ามา เขาก็ต้องทำงานเต็มที่ แล้วเวลาลงพื้นที่ลาดกระบัง พี่อิ่มจะลุยมาก ให้ความสนิทสนมความเป็นกันเองกับชาวบ้าน กอดชาวบ้าน พูดคุยกันเหมือนเป็นคนในบ้านเขา จนทำให้เรารู้สึกว่าพี่อิ่มเก่งมากที่ทำให้คนลาดกระบังสามารถเข้าถึง สส.ในพื้นที่ของเขาได้ถึงขนาดนี้

พี่อิ่มยังสอนให้เดียร์รู้ว่าการหาเสียงแบบเคาะประตูบ้านจริงๆ คืออะไร เพราะตอนที่เดียร์ได้รับหน้าที่จากพรรคให้ดูแลเขตบางซื่อ เดียร์ยังไม่รู้ว่าจะเริ่ม จะจัดการอย่างไร แต่มาถึงตอนหาเสียงช่วยพี่แซม (ยุรนันท์ ภมรมนตรี) เดียร์มีชื่อในทีมพี่อิ่มด้วยก็ออกไปหาเสียงด้วยกัน ตอนแรกเรานึกว่าแค่สวัสดี ทักทาย แจกใบปลิว แต่พี่อิ่มไม่ ถ้าเห็นเงาตะคุ่มๆ ในบ้านเมื่อไหร่ พี่อิ่มจะต้องเคาะเรียกให้เขาออกมาคุยกับเราให้ได้ ออกมาปุ๊บ สวัสดีค่ะ เราเป็นตัวแทนจากพี่แซม ยุรนันท์ นโยบายอะไรทุกอย่างของพรรค พี่อิ่มพูดหมดเลย บ้านหลังเดียวใช้เวลาประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ผ่านไป 3 ชั่วโมง เพิ่งได้ประมาณ 5 หลัง (หัวเราะ)

แล้วบังเอิญไปถึงบ้านหลังหนึ่งเหมือนเขาเป็นแฟนพรรคเพื่อไทย เขาเห็นเรา เขาก็บอกให้เข้าไปนั่งกินน้ำก่อน ถามเหนื่อยไหม กินอะไรหรือยัง เสร็จแล้วก็ดึงเราขึ้นไปบนห้องนอนลูกเขา ปรากฏว่าหน้าห้องนอนลูกเขามีรูปพ่อเราแปะอยู่ เราเห็นก็ดีใจ มีกำลังใจ เลยรู้ว่านี่แหละคือ ข้อดีของการที่เราเคาะตามประตูบ้าน ทำให้เราได้เห็นว่าเขาใช้ชีวิตกันยังไง เราจะรู้จักชาวบ้านได้ยังไง และที่สำคัญราจะดึงนโยบายมาช่วยเหลือเขาจริงๆ ได้ยังไง ไม่ใช่แค่มายกมือไหว้แล้วก็ไป เดียร์จะเรียนรู้จากพี่อิ่มตรงนี้เยอะมาก”

ข่าวล่าสุด

เปิดโปรแกรมวอลเลย์บอลหญิง ซีเกมส์ 2025 รอบรองฯ ไทยดวลอินโดฯ