posttoday

อังคาร จันทาทิพย์ มีดีที่บทกวี

16 กันยายน 2556

ตัวตนของเขาเฉิดฉายขึ้นอีกครั้ง เมื่อไฟบนเวทีซีไรต์สาดมาใส่ใบหน้า พร้อมคำประกาศยกย่องให้เขาเป็นผู้ชนะรางวัลอันทรงเกียรติ

โดย...โจนาธาน

ตัวตนของเขาเฉิดฉายขึ้นอีกครั้ง เมื่อไฟบนเวทีซีไรต์สาดมาใส่ใบหน้า พร้อมคำประกาศยกย่องให้เขาเป็นผู้ชนะรางวัลอันทรงเกียรติ

กวีจากเมืองหมอแคน จ.ขอนแก่น “อังคาร จันทาทิพย์” กำลังจะเดินทางกลับบ้านเกิด แต่เขาก็ยังพอมีเวลาสั้นๆ เปิดใจกับเรา

ซีไรต์ในสายตาคุณเป็นยังไง ทั้งก่อนและหลังที่คุณจะคว้ารางวัล

อังคารบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แอบขึงขัง

“รางวัลก็คือรางวัล อย่าให้ค่าจนไม่เป็นทำอะไรเลยครับ ในฐานะกวี หน้าที่คือเขียนบทกวีดีๆ ออกมาให้คนอ่านได้อ่านกัน ได้รางวัลก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ไม่ได้รางวัลก็อย่าฟูมฟาย ขอแค่กวีทำงานให้เต็มที่และดีก็พอ”

บทกวีที่ดีต้องเป็นยังไง

เจ้าของแชมป์ซีไรต์คนล่าสุดนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นเขาจึงให้คำตอบ

“มันคงไม่ใช่บทกวีที่สะท้อนแต่ความรู้สึก หรือมุมมองคนเขียนอย่างเดียว บทกวีที่ดีมันต้องให้ความรู้และเปิดความคิดที่แปลกใหม่แก่คนอ่านด้วย”

“หัวใจห้องที่ห้า” (ฉบับปรับปรุง) คงยืนยันได้ว่าคือบทกวีที่ดีพอที่จะคว้ารางวัลซีไรต์

“ผู้แต่งมองโลกและปรากฏการณ์ด้วยมุมมองที่ย้อนแย้ง ในภาคแรก ‘หัวใจห้องที่ห้า’ และภาคหลัง ‘นิทานเดินทาง’ จึงเป็นภาพคู่ขนานการว่ายวนต่อสู้ดิ้นรนของมนุษย์ ท่วงทำนองการประพันธ์ใช้ฉันทลักษณ์ที่หลากหลายและมีลีลาเฉพาะตน” (บางส่วนจากคำประกาศคณะกรรมการรางวัลซีไรต์)

“การเขียนบทกวีให้ดี ทันสมัย ครบรส ไม่เชย เป็นเรื่องยากนะครับ คงต้องอาศัยพรสวรรค์ทางด้านอารมณ์ ปัญหาคือจะเอาออกมาได้ยังไง ไปสั่นสะเทือนอารมณ์คนอ่านได้ยังไง ส่วนหนึ่งคงต้องออกไปค้นหาวิธีนำเสนอ บทกวีไม่ควรทื่อๆ ถ้าเล่นกับการนำเสนอได้ มันก็ทำให้บทกวีน่าสนใจ ถ้ากวีไม่แสวงหา ก็จะทำให้กวีตันกับงานได้”

บทกวีเล่มนี้ไม่เพียงเต็มไปด้วยท่วงทำนองและลีลาอันเป็นเอกลักษณ์ หากพลิกอ่านอย่างละเอียดก็จะพบกับการขมวดปมที่เข้มข้น ภายใต้โครงเรื่องที่เชื่อมโยงระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ปะทะสังสรรค์กันท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและความหลากหลายทางวัฒนธรรม ที่สำคัญยังแสดงถึงการเป็นบทกวีร่วมสมัยที่ใครๆ ก็เสพได้ไม่ยาก

“ในฉบับปรับปรุงผมได้เพิ่มบางคำบางวรรคเพื่อให้จังหวะมันลงตัว เวอร์ชันก่อนหน้าผมว่ามันยังมีจุดบกพร่องบางอย่างให้ต้องแก้ไขอยู่หลายจุด ซึ่งก็เป็นจุดที่ผมเองรู้สึกว่ามันน่าจะทำได้ดีกว่านี้ พอแก้ไขก็ทำให้ตัวโครงสร้างก็แข็งแรงขึ้น แล้วคอนเซปต์ก็ชัดเจนขึ้น”

แม้จะการันตีด้วยรางวัลซีไรต์ แต่กวีแดนอีสานยังคงลุยเขียนบทกวีต่อ งานชิ้นใหม่ทำได้ราว 30% คาดว่าไม่นานเกินรอแฟนๆ ได้อ่านกันแน่นอน ส่วนการส่งประกวดเขาไม่อยากบอกตอนนี้ว่าจะหยุดส่งหรือไม่ แค่ตอบสั้นๆ คมๆ อย่างอารมณ์ดี

“ไหนๆ ก็ได้เป็นนักร้องแล้ว ก็ไม่ควรจะประกวดแล้วมั้งครับ แต่ผมยังจะมีความสุขกับการเขียนกวี เพื่อผลิตงานดีๆ ออกมา ซึ่งมันจะต้องดีกว่าเดิม เพราะการเขียนกวีมันคือหลักกิโลเมตรในชีวิตของผม ผมสนใจเรื่องอะไร หรือประเด็นไหน ผมก็จะถ่ายทอดทัศนียภาพนั้นไปสู่คนอ่าน”

เกิดเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2517 ที่ อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น จบปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ส่วนครูคนแรกที่สอนให้อังคารรู้จักงานวรรณศิลป์และอรรถรสแห่งบทกวี คือ “พระไม้” หรือ “ประยูร ลาแสง”

ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง อังคารได้สมัครเข้าชมรมวรรณศิลป์และร่วมอยู่ในกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “กวีหน้าราม” มีกวีและนักเขียนแถวหน้ารวมอยู่ในแก๊งมากมาย อาทิ ศิริวร แก้วกาญจน์, พินิจ นิลรัตน์, พจนาถ พจนาพิทักษ์, พิเชฐ แสงทอง ฯลฯ

“ที่ที่เรายืนอยู่” “คนรักของความเศร้า” “วิมานลงแดง” “หนทางและที่พักพิง” เป็นรวมบทกวีก่อนหน้า “หัวใจห้องที่ห้า” (ฉบับปรับปรุง) ซึ่ง “ที่ที่เรายืนอยู่” เคยเข้าถึงรอบสุดท้ายซีไรต์ ปี 2550 ทั้งยังเคยคว้ารางวัลกวีนิพนธ์ยอดเยี่ยม นายอินทร์อะวอร์ด ปี 2554 จาก “ความตายของสันติสุข” และ “เสียงกบภูเขาที่ถนนข้าวสาร” ยังถูกเลือกให้เป็นบทกวีดีเด่น จากสมาคมภาษาและหนังสือฯ ปีเดียวกัน

ข่าวล่าสุด

ชี้จุด วิ่งฟรี มอเตอร์เวย์ M6 บางปะอิน - นครราชสีมา ต้องไปจุดไหน?