ณัชชา & ตาตั้น ลูกไม้ไม่ไกลต้น
หากพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้ความหมายของคำว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” ไว้ว่า ลูกย่อมไม่ต่างกับพ่อแม่มากนัก
โดย...ตุลย์ จตุรภัทร ภาพ (hot 17) ทวีชัย ธวัชปกรณ์ (cool 14) ภัทรชัย ปรีชาพานิช
หากพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้ความหมายของคำว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” ไว้ว่า ลูกย่อมไม่ต่างกับพ่อแม่มากนัก นั่นย่อมหมายความว่า ลูกไม้ของพิธีกรและผู้ประกาศข่าว “บ๊อบณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์” กับลูกไม้ของอดีตนักวิ่งทีมชาติ “รัตน์ใจ ยืนยาว” (หรือรัตน์ใจ ศรีเพชร ในอดีต) เป็นลูกไม้ที่สืบสายเลือดนักพูดจากพ่อ และสายเลือดนักสู้จากแม่ มาไม่น้อยเลยทีเดียว
เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราไปทำความรู้จักสาวน้อยผู้มีความโดดเด่นด้านภาษา ที่พูดได้ถึง 5 ภาษา แถมยังมีอายุเพียง 5 ขวบ อย่างน้องณัชชา “ณัชชาวีณ์ โกศลพิศิษฐ์” ผู้ประกาศข่าวเอเชีย คอนเน็คต์ ช่วง “ณัชชาลูกสาวพี่บ๊อบ” กับเด็กสาววัย 18 ปี “ตาตั้นภัทรปรียา ยืนยาว” ที่มีความสามารถด้านการร้อง การเต้น แถมยังคว้าแชมป์การประกวดโครงการ จีจูเนียร์ ของค่ายจีไอดี จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จนได้เป็นนักร้องที่มีผลงานเพลงโดดเด่นอย่าง “Good Boy”
ขอบอกว่า ณ ตอนนี้ เธอทั้งคู่กำลังเป็นนิว คัมเมอร์ ที่น่าจับตามองมากที่สุดอยู่ในขณะนี้
Hot Hot Hot
ตอนนี้ใครๆ ก็ตั้งตารอดูเจ้าของวลีฮิต “ดูปากณัชชานะคะ” อย่างน้องณัชชาลูกสาวพี่บ๊อบ ที่มาแนะนำคำศัพท์ไทยเป็นอังกฤษ อังกฤษเป็นจีน พร้อมสำเนียงเจ้าของภาษา ทุกวันจันทร์ศุกร์ 5 โมงเย็น โดยคุณพ่อสุดหล่ออย่างพี่บ๊อบ (ตามที่น้องณัชชาเรียก) เผยว่า ณัชชาเป็นเด็กที่พูดได้เร็ว อายุประมาณ 9 เดือน ก็พูดปาป๊าได้แล้ว “เราพูดอะไร ลูกก็สามารถพูดตามได้ ผมและภรรยาเลยตัดสินใจว่าเมื่อลูกมีอายุครบ 1 ขวบ จะให้เขาเรียนภาษาที่ 2 โดยให้ทางคุณแม่ของน้องพูดภาษาอังกฤษกับลูก ให้ลูกเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยการเล่น การอ่านหนังสือ ปรากฏว่า 2 อาทิตย์ เห็นผลทันที เราถามเขาเป็นภาษาอังกฤษ เขาก็ตอบเป็นภาษาอังกฤษได้”
หลังจากนั้น สักประมาณขวบกับ 3 เดือน ณัฐธีร์และภรรยาก็ได้พาน้องณัชชาเข้าโรงเรียนอินเตอร์ ซึ่งเน้นการเรียนผ่านการเล่น “เราเชื่อว่า ยิ่งเด็กได้เล่น เด็กยิ่งเรียนรู้ และรู้สึกดีกับการเรียน เราอยากให้ลูกได้เรียนรู้โลกกว้างโดยไม่กดดัน หน้าที่ของเราเพียงแค่วางโครงไว้ให้ลูก แต่ระหว่างทางให้ลูกค้นหาด้วยตัวเอง ที่สำคัญคือ โรงเรียนแห่งนี้เปิดโอกาสให้พ่อแม่ไปสังเกตการเรียนรู้ของลูกในห้องเรียนได้ด้วย แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นตามมา นั่นคือ ลูกเริ่มไม่ใช้ภาษาไทย ผมกับภรรยาเลยคุยกันว่าส่งลูกไปเรียนโรงเรียนไทยที่เน้นวิชาการดีกว่า เพื่อทำให้ลูกได้เรียนภาษาไทยอย่างจริงจัง หลังจากลูกเข้าเรียนโรงเรียนไทย เขาก็ปรับตัวได้ เรียนรู้ภาษาไทยได้ดี ตอนนี้เราให้ลูกกลับมาเรียนโรงเรียนอินเตอร์ที่ไอเอสบี อยู่อนุบาล 3 แล้ว”
หากถามคุณพ่อสุดหล่ออย่างณัฐธีร์ ว่า จุดเริ่มต้นของคลิปวิดีโอสอนภาษาของน้องณัชชาอยู่ที่ตรงไหน ณัฐธีร์ เผยว่า ตอนที่ลูกเรียนอยู่โรงเรียนไทย เขาชอบเล่นบทบาทสมมติกับพ่อ จนวันหนึ่งเขาเดินมาบอกว่า เขาอยากเล่นเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษ “ประจวบกับเขาถามคุณแม่ว่า ทำไมเด็กไทยพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เขาเริ่มมีคำถามแบบนี้ เราเลยรู้ว่าลูกเราค่อนข้างเข้าใจคอนเซปต์ของสำเนียงภาษา อีกอย่างลูกของเราดูสื่อภาษาต่างๆ ที่เราเลือกให้ลูกดู อย่างสเปน หรือจีน เมื่อเขาดูสื่อ ทำให้เขาซึมซับและอยากเรียนภาษาอื่นๆ อย่างจริงจัง อย่างภาษาจีนเขาก็อยากเรียน โดยเฉพาะเรียนกับครูไต้หวันที่โรงเรียน เราเลยถามครูคนนี้ว่าสอนภาษาจีนให้ลูกของเราเป็นการส่วนตัวได้ไหม ครูตอบตกลง ก็เลยให้ลูกเรียน ตอนนี้เรียนมาได้ปีกว่าแล้ว เขาสามารถสนทนาเป็นภาษาจีนกับครูได้ และก็นำภาษาจีนมาเป็นส่วนหนึ่งของการทำคลิปวิดีโอสอนภาษาของเขาด้วย”
ณัฐธีร์ เผยว่า เวลาน้องณัชชาดูสื่อต่างๆ เขามักจะเก็บรายละเอียดแทบทุกเม็ด ทำให้เขาสามารถนำภาษาต่างๆ มาประยุกต์ใช้ร่วมกันได้ ทำให้เขาเป็นเด็กที่มีความสุขในการเรียนรู้ภาษา “พอดีผมสนิทกับ ดร.อุษณีย์ อนุรุทธ์วงศ์ ประธานศูนย์พัฒนาอัจฉริยภาพเด็ก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ผมเลยฝากลูกให้เข้าแคมป์ประมาณ 10 อาทิตย์ โดยแคมป์แห่งนี้จะให้เด็กทำกิจกรรมการต่างๆ เพื่อวัดความถนัดของเด็ก จนผลออกมาว่า น้องณัชชาโดดเด่นด้านภาษาจริงๆ ความโดดเด่นนี้ทำให้เขาเปิดรับและพร้อมจะเรียนรู้ภาษาได้ทุกภาษา อย่างภาษาพม่า เขาก็เรียนรู้ภาษาจากพี่เลี้ยงชาวพม่าได้อย่างรวดเร็ว”
หลังจากณัฐธีร์และภรรยานำคลิปวิดีโอสอนภาษาของน้องณัชชาลงยูทูบ คลิปวิดีโอนี้ก็ได้เข้าตาผู้ใหญ่ทางช่อง 3 จนมีการทาบทามให้น้องณัชชามาทำรายการสอนภาษาอย่างจริงจัง “เมื่อทางผู้ใหญ่ติดต่อมา และเราก็เห็นว่าไม่มีผลเสียกับการเรียน เราก็ให้เขาทำ ซึ่งเขาก็ทำได้ดีมาก เราเชื่อว่าที่ผู้ใหญ่ให้น้องทำ ไม่ใช่เพราะเขาเป็นลูกเรา แต่เป็นเพราะความสามารถของเขาเอง ตอนนี้มีคนติดตามผลงานของน้องเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะ ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสน้องณัชชาได้มาทำสิ่งดีๆ ตรงนี้”
หลังจากพูดคุยกับคุณพ่อสุดหล่อไปแล้ว ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นอย่างน้องณัชชา ก็พร้อมเจื้อยแจ้วเจรจาพูดคุยกับเรา โดยน้องณัชชาบอกกับเราว่า ตอนทำรายการ เธอเป็นคนคิดคำพูดเอง “แต่ถ้าหนูพูดผิด ก็จะบันทึกเทปใหม่ ตอนแรกที่บันทึกเทปก็ตื่นเต้น มันมีไฟแดงสลับไปมา หนูไม่รู้ว่ากล้องไหนเป็นกล้องไหน แต่ตอนนี้หนูหายงงแล้ว เริ่มชินแล้ว”
เมื่อถามน้องณัชชา ว่า พูดได้ถึง 5 ภาษา ชอบภาษาไหนมากที่สุด “หนูชอบภาษาพม่ามากที่สุดค่ะ เพราะพี่เลี้ยงสอนหนูมาตั้งแต่ 2 ขวบ”
นอกจากน้องณัชชาจะมีความสามารถด้านภาษา น้องณัชชายังชอบวาดรูปอีกด้วย “หนูชอบใช้สีเทียนกับสีไม้”
ณัชชา ปิดท้ายว่า โตขึ้นเธออยากเป็นคุณหมอ อยากเป็นนางฟ้า แต่ว่าตอนนี้เป็นพิธีกรที่เก่งเหมือนปาป๊าก่อนละกัน “หนูรักปาป๊ามากถึงมากที่สุดในโลกเลยค่ะ”
Cool Cool Cool
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า สองแม่ลูก “พ.อ.พิเศษรัตน์ใจ ยืนยาว” อดีตนักกรีฑา 100 เมตร แชมป์เอเชียนเกมส์ กับลูกสาว “ตาตั้นภัทรปรียา ยืนยาว” นอกจากผิวพรรณและโครงร่างที่ถอดแบบเป๊ะๆ ความเป็นนักสู้ของเธอทั้งคู่ก็มีไม่แพ้กันเลย
“อย่างแม่ แม่เป็นนักวิ่งที่ผ่านการฝึกซ้อม ผ่านความกดดัน ผ่านการแข่งขัน จนได้เรียนรู้ถึงคำว่าชัยชนะ อย่างตาตั้นเขาก็ผ่านจุดนี้มาเหมือนกัน เขาเป็นคนชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งแม่ก็ให้เขาไปเรียนร้องเพลงอย่างจริงจัง พอโตมาเขาก็ไปประกวดตามเวทีใหญ่ๆ ซึ่งก็ตกรอบมาโดยตลอด แต่เขาก็ไม่เคยท้อนะ จนได้มาประกวดที่เวทีจีจูเนียร์ เขาได้เข้ารอบมาจนถึง 12 คนสุดท้าย และก็ผ่านการแข่งขันมาอย่างหนักหน่วง จนได้มาเป็นแชมป์ ซึ่งตรงจุดนี้แหละที่แม่รู้สึกว่า ลูกสาวคนนี้มีเลือดนักสู้มาจากแม่ไม่น้อยเลยทีเยว”
ตาตั้น กล่าวเสริมว่า เธอเป็นเด็กที่ชอบทำกิจกรรมมาตั้งแต่เด็ก ชอบร้องรำทำเพลง ชอบเต้นรำ ยิ่งได้รับการสนับสนุนจากคุณแม่ ยิ่งทำให้เธออยากก้าวเดินบนเส้นทางนี้ให้ยาวไกลที่สุด
“แม่มองไปไกลว่า ถ้าเขาพัฒนาตัวเองในเรื่องของการร้อง การเต้น เขาสามารถไปประกวดได้ หรือทำเป็นอาชีพได้ เช่น เป็นครูสอนร้องเพลง เขาก็ยังมีอาชีพติดตัวได้ อีกทั้งแม่มองว่าการร้องเพลงช่วยพัฒนาอีคิวให้ลูกเราได้ด้วย แม่เลยสนับสนุนเต็มที่ ยิ่งเขาโตขึ้น เขายิ่งฉายแววโดยเฉพาะเรื่องเต้น เขาชอบแกะท่าเต้นตามศิลปินเกาหลี ชอบขอแม่ไปดูคอนเสิร์ตนักร้องเกาหลี ให้ไปบ้าง ไม่ให้ไปบ้าง แต่พอได้ไปดู เขายิ่งบ้าพลังเข้าไปใหญ่ ซ้อมร้อง ซ้อมเต้นอยู่นั่นแหละ (หัวเราะ) แต่เราก็ไปห้ามเขาไม่ได้ ได้แต่บอกว่าอย่าไปหมกมุ่นให้มากนัก ให้ร้องให้เต้นควบคู่ไปกับการเรียน ซึ่งเขาก็ทำตามด้วยดี”
ตาตั้น เผยว่า คุณแม่สนับสนุนด้านกีฬาไม่แพ้การร้องเพลงเหมือนกัน “เด็กๆ คุณแม่อยากให้หนูเป็นนักเทนนิส หนูก็ชอบเล่นเทนนิสด้วย จนใกล้จะได้แข่ง แต่ไม่ได้แข่ง เพราะโรงเรียนปิดไม่ตรงกับช่วงเวลาของการแข่งขัน หลังจากนั้นก็เลยห่างหายจากการเล่นเทนนิสไป แต่ยังไงหนูว่าสายเลือดนักกีฬาจากคุณแม่ก็ยังมีอยู่ในตัวหนูค่ะ โดยเฉพาะตอนมาแข่งขันในรายการจีจูเนียร์ ตอนนั้นหนูน้ำหนัก 60 กิโล กรรมการขอให้หนูลดน้ำหนักลง หนูก็ตั้งใจลด ลดลงจนเหลือ 50 กิโล ซึ่งก็ได้คุณแม่นี่แหละค่ะ ที่ช่วยทำให้หนูทำได้”
รัตน์ใจ เผยว่า ด้วยความที่เธอมีหน้าที่ดูแลนักกีฬาทีมชาติในเรื่องเสริมสร้างร่างกาย ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย ควบคู่ไปกับการเป็นข้าราชการทหาร ณ สำนักงานเลขานุการกองทัพบก เธอได้สร้างโปรแกรมการลดน้ำหนักให้กับลูกสาวคนนี้อย่างสุดฝีมือ “ในเมื่อเขามีความมุ่งมั่นตั้งใจลดน้ำหนัก เราก็เลยดูแลเขาเป็นอย่างดี มีดุบ้างเมื่อเวลาที่เขาขี้เกียจ แต่เขาก็ทำได้ ทุกคนก็ทึ่งในความพยายามของเขา ตรงนี้แหละที่น่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการเอาชนะใจกรรมการและคนดู”
เมื่อตาตั้นสามารถคว้าแชมป์จากการแข่งขันมาได้ อีกทั้งยังได้เข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว คนเป็นแม่อย่างรัตน์ใจ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ ให้กำลังใจ และคอยประคับประคองยามที่ลูกเหนื่อยและท้อ “ตอนนี้เขาเข้าวงการมาแล้ว เราก็คอยเอาใจช่วยลูก เวลาเขาเหนื่อย เขาท้อ ก็คอยประคับประคอง อยู่กับเขาตลอด ถ้ามีเวลาก็จะขับรถไปรับส่ง ตอนนี้เขาเรียนเกรด 12 อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ก็คอยให้เขาไปได้ด้วยดี ทั้งเรียน ทั้งร้องเพลง อย่างเรา เราสู้มาด้วยตัวเองตลอด เราก็คอยวางแผนชีวิตด้วยตัวเอง เวลาไหนซ้อมวิ่ง เวลาไหนเรียน เวลาไหนอ่านหนังสือ เวลาไหนดูแลร่างกาย เราก็แนะนำวิธีการจัดสรรเวลาชีวิตของตัวเองให้แก่เขา เราพยายามให้เขาเห็นถึงความสำคัญของการเรียน ที่สำคัญ ให้เขาเอาจริงเอาจังกับเส้นทางตรงนี้ด้วยควบคู่กันไป”
ตาตั้น เผยว่า หลังจากนี้เธอคงทำหน้าที่เป็นนักร้องให้ดีที่สุด “เป้าหมายชีวิตของหนู หนูอยากมีความสามารถในหลายๆ ด้าน พัฒนาตัวเองทั้งด้านร้องและเต้น โดยเฉพาะเต้น หนูอยากเรียนรู้การเต้นในหลายๆ รูปแบบค่ะ


