posttoday

‘ยึดหลักกตัญญูในการทำธุรกิจ’ วาทิน วงศ์สุรไกร

09 กันยายน 2556

หนุ่มหล่อยิ้มง่าย ทายาทตราช้างสามเศียรรุ่นที่ 4 วาทิน วงศ์สุรไกร ผู้บริหารของบริษัท เนอเชอร์แคร์ บริษัทผลิตแป้งยี่ห้อ “ไร้ซแคร์”

โดย...วราภรณ์ ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

หนุ่มหล่อยิ้มง่าย ทายาทตราช้างสามเศียรรุ่นที่ 4 วาทิน วงศ์สุรไกร ผู้บริหารของบริษัท เนอเชอร์แคร์ บริษัทผลิตแป้งยี่ห้อ “ไร้ซแคร์” ที่เป็นทางเลือกใหม่สำหรับคุณแม่ที่เลือกแป้งเด็กให้ลูกน้อยที่ผลิตจากแป้งข้าวเจ้าปราศจากแป้งทัลคัม (แป้งแร่หินชนิดหนึ่ง) เมื่อเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติล้วนๆ จึงเป็นมิตรกับเด็ก เรียกว่าเป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์นำแป้งข้าวเจ้าที่เป็นธุรกิจหลักมานานกว่า 80 ปี มาผลิตเป็นแป้งฝุ่นทาตัว เนื่องจากได้รับแรงบันดาลใจจากคุณพ่อ ดร.วราทัศน์ วงศ์สุรไกร ที่เป็นผู้ไม่หยุดนิ่งและชื่นชอบวิทยาศาสตร์ ออกไอเดียว่าน่าจะนำแป้งข้าวเจ้าไปทำผลิตภัณฑ์อย่างอื่นได้ จึงมอบหมายภารกิจทำการตลาดผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่ใช้เวลาศึกษาวิจัยนานหลายปี จนได้รางวัลชนะเลิศนวัตกรรมแห่งชาติด้านเศรษฐกิจ เมื่อปี 2548 ให้ลูกชายเป็นผู้ดูแล

“ครอบครัวทำธุกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์แปรรูปข้าว เช่น เส้นหมี่ เส้นก๋วยเตี๋ยว แต่คุณพ่อให้ผมมาต่อยอดนำแป้งข้าวเจ้ามาทำแป้งทาตัว ซึ่งปกติแป้งเด็กทาตัวทั่วไปจะผลิตจากหินทัลคัม ซึ่งเป็นสารอนินทรีย์ พ่อก็เลยทำการศึกษาจนได้รางวัล เพราะคุณพ่อตระหนักถึงเรื่องอันตรายของทัลคัม จึงคิดนำแป้งข้าวโพดหรือข้าวเจ้ามาทำเป็นแป้งดีไหม ซึ่งมีคุณสมบัติทดแทนแป้งทัลคัมที่มีคุณสมบัติดีเหมาะมาใช้เป็นแป้งทาตัว พอคุณพ่อพัฒนาเสร็จ ท่านมอบหมายให้ผมมาทำด้านการตลาด พัฒนาแพ็กเกจจิงให้ดูสวยงาม ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีความใหม่แตกต่างจากอาหารที่เราเคยทำ ช่องทางการตลาดเดิมๆ ใช้ไม่ได้ เราก็เลยศึกษาลองผิดลองถูก แม้เราจะเชี่ยวชาญในเรื่องผลิตภัณฑ์พื้นฐาน แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว มีขายตามร้านชำ แม่ค้ามาซื้อทำขนม แต่แป้งเด็กเราต้องสื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งเราไม่เคยมีความรู้เลย เราจำเป็นต้องนับจากศูนย์ใหม่ แต่โชคดีได้โปรโมตจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เราได้ออกงาน เริ่มทำการตลาดอย่างเข้มข้นราวครึ่งปีแล้ว”

เมื่อเป็นสินค้าใหม่ในท้องตลาด อุปสรรคในการทำงานข้อแรก คือ ผู้บริโภคคิดว่าแป้งทาตัวก็เหมือนกันหมด เขาจึงต้องเปลี่ยนความคิดและให้ความรู้แก่ผู้บริโภค อีกทั้งแป้งไร้ซแคร์มีราคาสูงกว่าแป้งทาตัวยี่ห้ออื่นๆ เพราะต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต ต้องใช้หลักการตลาดให้ผู้บริโภคมาลองใช้ ต้องใช้กลยุทธ์แจกตัวอย่าง นำเสนอข้อมูลและอธิบาย

“เราเน้นผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพลูกน้อย แต่กุมารแพทย์ไม่ให้เด็กใช้แป้งเยอะ เราต้องใช้อย่างถูกวิธี อย่าใช้ให้ฟุ้งกระจาย แต่คุณแม่บางท่านไม่รู้ ใช้ปริมาณมากเกินไป ใช้เทไปที่ตัวลูกน้อยโดยตรง ซึ่งผิด เด็กจะหายใจเอาแป้งเข้าไปในร่างกายแบบไม่รู้ตัว แต่แป้งข้าวเจ้าเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ ดังนั้นจึงย่อยสลายได้ ไม่สะสม คุณแม่บางท่านหลีกเลี่ยงไม่ใช้แป้งเลย แต่เมืองไทยอากาศร้อน ลูกเกิดผดผื่นได้ง่าย ก็จำเป็นต้องใช้ คุณแม่ยุคใหม่จึงจำเป็นต้องหาแป้งที่ปลอดภัย เราจึงเจาะตลาดไปที่แม่ยุคใหม่”

อีกทั้งการเป็นแบรนด์ใหม่ไม่มีงบโฆษณามากนัก แนวทางหลักคือ เขาต้องการให้ผู้บริโภคลองใช้และเข้าใจถึงข้อดีของผลิตภัณฑ์จริงๆ เป็นการตลาดแบบระยะยาว แต่สินค้าใหม่ก็มีข้อดีคือ แป้งไร้ซแคร์มีคุณสมบัติเป็นแป้งทาตัวที่ดี และเป็นสินค้าใหม่เพียงไม่กี่เจ้าที่เป็นทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภค คู่แข่งจึงน้อย แต่การบุกเบิกยากกว่า อีกจุดหนึ่งคือช่องทางการขาย ผลิตภัณฑ์ของวาทินยังไม่มีจำหน่ายทั่วประเทศ เพราะเขาเริ่มโฟกัสตลาดไปที่กรุงเทพฯ ตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ เช่น ท็อปส์ เทสโก้ โลตัส กูร์เมต์ ร้านเลมอนฟาร์ม โกลเด้น เพลซ เป็นต้น

“เราเป็นสินค้าที่ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจลูกค้าจึงจะยอมควักเงินซื้อ เราจึงต้องใช้ระยะเวลาในการทำการตลาด หนักเหนื่อย แต่ก็สู้ครับ และผมมั่นใจว่าสินค้าเราดี หากทำการตลาดผ่านไปด้วยดี เราคิดว่าจะพัฒนาเป็นแป้งทาหน้าป้องกันความมัน และเราได้เปรียบตรงที่คนมองหาสินค้าที่ปราศจากสารเคมี เราจึงได้เปรียบ ผมคิดว่าอีก 35 ปี คนจะหันมารู้จักไร้ซแคร์มากขึ้น ซึ่งไร้ซแคร์เป็นภาษาเยอรมัน แปลว่าข้าว คำนี้เก๋กว่า สอดคล้องกับโรงเส้นหมี่ เราใช้เครื่องจักรจากเยอรมันเยอะ ส่วนแคร์ คุณแม่รักลูก ภายใต้การจำหน่ายของ เนอเชอร์แคร์ แปลว่าซึมซับ เลี้ยงดู เป็นมิตรต่อเด็ก”

ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น วาทินได้รับอิทธิพลและมองการณ์ไกลจากผู้เป็นพ่อมาเยอะ เช่น แนวคิดในการทำงาน ที่ทำทุกสิ่งต้องมีจินตนาการเพื่อสร้างความแตกต่าง ทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ

“พ่อผมชอบเทคโนโลยี วัย 65 แล้ว แต่ก็ยังชอบเรื่องวิทยาศาสตร์และเก่งคำนวณ พ่อชอบไปดูงานที่เยอรมัน แล้วก็ได้แนวคิดทำธุรกิจใหม่ๆ เสมอ พ่อไม่ได้สอนชัดๆ ถึงหลักการบริหารงาน แต่พ่อจะให้ผมไปนั่งฟังพ่อคุยธุรกิจ เราสงสัยก็จดแล้วถาม พ่อจะอธิบาย พ่อเป็นคนไม่หยุดคิด หาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาพัฒนาสินค้าอยู่เสมอ ลองไป 10 อย่าง สำเร็จหนึ่งอย่างก็คุ้มแล้ว ดังนั้น เราต้องคิดอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอๆ ผมพยายามเรียนรู้จากพ่อ พ่อคาดหวังจากให้เราทำให้ดี ท่านปล่อยให้เราลองผิดลองถูก บอกตรงๆ เราคงรั้นไม่เชื่อ ดังนั้น พ่อจึงให้ลองเอง”

สิ่งหนึ่งในเรื่องธุรกิจที่คุณพ่อไม่ได้สอน แต่เขาเรียนรู้เอง คือ ความกตัญญู ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่ทำให้ธุรกิจของครอบครัวแข็งแกร่งดังเช่นทุกวันนี้ เช่น พนักงานเก่าแก่ที่เติบโตมากับบริษัทต้องเลี้ยงดูให้ดี ต้องซื่อสัตย์ต่อลูกค้า เมื่อธุรกิจสำเร็จจุดหนึ่งต้องตอบแทนสังคมบ้าง

ใครจะรู้บ้างว่าทายาทช้างสามเศียร ครั้งหนึ่งเคยใฝ่ฝันว่าอยากเป็นโปรกอล์ฟ แต่เมื่อเล่นไป 4 ปี ร่างกายบาดเจ็บ เขาจึงเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพไม่ได้ แต่จุดนั้นทำให้วาทินเข้าใจสัจธรรมแห่งชีวิตว่า เช่นนั้นเอง คำสอนของท่านพุทธทาส คือทุกอย่างไม่แน่นอน ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎของโลก “คำสอนของท่านให้ข้อคิดว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง อย่าไปยึดมั่นในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง แต่เราก็แอบคาดหวัง เพราะเราวางแผนและอยากได้รับผลแบบนั้น แต่คำสอนของท่านทำให้เราคิดแค่ว่าทำดีที่สุด ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ช่างมันครับ”

วาทิน วงศ์สุรไกร Managing Director บริษัท เนอเชอร์แคร์ ซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวที่แตกไลน์ออกมาจาก บริษัท โรงเส้นหมี่ชอเฮง (ตราช้างสามเศียร)

การศึกษา ปริญญาตรี บริหารธุรกิจ (การตลาด) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

วิธีคลายเครียด : นอกจากใช้ธรรมะช่วยผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานแล้ว เล่นกอล์ฟ ฟิตเนส อ่านหนังสือ ดูหนังดรามาเครียดๆ เพราะเขาชอบคิด ค้นหาความหมายของชีวิต ทำให้เขาใช้ชีวิตประมาทน้อยลง เวลาโกรธควบคุมได้ง่าย ไม่สุขสุดๆ หรือเศร้าสุดๆ เดินทางสายกลาง ทุกข์เดี๋ยวก็หายไป

เป้าหมายชีวิต : คาดหวังอยากให้คนไทยใช้สินค้าดีๆ ปลอดภัย ลดภูมิแพ้ สนับสนุนธุรกิจไทย ผมคิดว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีอนาคต ขายแป้งเป็นวัตถุดิบด้วย อยากให้เป็นเทรนด์ เป็นทางเลือกใหม่

ภาพยนตร์เรื่องโปรด : ผมชอบ The Green Mile และ The Curious Case of Benjamin Button ชายที่เกิดมามีรูปร่างหน้าตาเหมือนผู้สูงอายุ แต่เมื่อเติบโตกลับดูหนุ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมชอบเพราะชีวิตของเบนจามินสวนทางกับคนอื่น เรื่องนี้ดู 4 รอบ กึ่งๆ สอนว่าชีวิตคนเรามันมีความไม่แน่นอนเสมอ เราต้องมีวิธีดำเนิน ความธรรมดาดีที่สุด ไม่ต้องเป็นคนพิเศษอะไรมากมาย เราอยากเป็นนู่นเป็นนี่เป็นนั่น แต่คนพิเศษกลับอยากเป็นแค่คนธรรมดา

หนังสือ : หนังสือที่อ่านเล่มล่าสุด เรื่อง 500 ล้านปีของความรัก ของคุณหมอชัชพล เกียรติขจรธาดา เป็นเบสต์เซลเลอร์ เขาเป็นคุณหมอที่สนใจทฤษฎีวิวัฒนาการ ใช้ภาษาเข้าใจง่าย ในเล่มจะบอกว่าทำไมคนเราต้องจูบกัน ทำไมต้องมีสองเพศ หนังสือนำมาถ่ายทอดแง่มุมวิทยาศาสตร์ ส่วนหนังสือชีวประวัติบุคคลสำคัญๆ ก็ชอบ นิทานเซนก็อ่าน เช่น เรื่องพระเซนรูปหนึ่งเศรษฐีอยากทำบุญวันเกิด เชิญพระเซนมาอวยพรอายุครบ 60 พระก็อวยพรเศรษฐีขอให้ปู่ตายก่อน พ่อตายตาม และลูกตายสุดท้าย เศรษฐีรู้สึกโมโห เพราะไม่เข้าใจว่าคนเราควรตายเป็นลำดับ ลูกตายก่อนทุกข์มากๆ เรื่องนี้สอนเรื่องความธรรมดาของวงจรชีวิตดีที่สุดแล้ว

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ