อะไรคือ ปาราชิกสังฆาทิเสสของภิกษุในพุทธศาสนา!!! (ตอน ๔)
สำหรับสิกขาบทต่างๆ ที่ปรากฏในพระวินัยนั้น จะมีสิกขาบทที่มีในพระปาฏิโมกข์ ซึ่งเป็นสิกขาบทที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติแก่ภิกษุทั้งหลาย
โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส
สำหรับสิกขาบทต่างๆ ที่ปรากฏในพระวินัยนั้น จะมีสิกขาบทที่มีในพระปาฏิโมกข์ ซึ่งเป็นสิกขาบทที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติแก่ภิกษุทั้งหลาย ซึ่งพระสงฆ์จะประชุมกันในวันอุโบสถ ๑๕ ค่ำ/๑๔ ค่ำ เพื่อสดับฟังภิกขุปาฏิโมกข์ ที่ภิกษุสงฆ์ยกขึ้นสวด... อีกส่วนหนึ่งเป็นสิกขาบทที่มิได้มาในพระปาฏิโมกข์ พระสังคีติกาจารย์จัดรวบรวมไว้ในคัมภีร์มหาวรรคและจูฬวรรค ซึ่งปรับอาบัติขั้นต่ำ ได้แก่ ทุกกฎ (การทำชั่ว) ซึ่งหมายถึง การทำผิดจากกิจที่พระศาสดาทรงตรัสไว้... หรือจะแปลว่า ความประพฤติชั่ว มีกิริยาผิดรูป ไม่งามในท่ามกลางกิริยาพระภิกษุ ก็ได้... และยังมีอาบัติถุลลัจจัยหรือปาจิตตีย์อยู่บ้าง ดังปรากฏข้อความว่า “พึงปรับอาบัติตามธรรม” อันหมายถึงอาบัติปาจิตตีย์นั่นเอง ซึ่งมิได้ทรงให้ยกขึ้นแสดงในวันอุโบสถ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสิกขาบทที่ปรากฏในพระปาฏิโมกข์ หรือสิกขาบทนอกพระปาฏิโมกข์ตามที่กล่าวมา ก็คงมีความสำคัญยิ่ง อันภิกษุจะต้องถือปฏิบัติตามและงดเว้นกิจตามที่ทรงห้าม ซึ่งภิกษุใดประพฤติอย่างเคร่งครัดเข้มแข็ง ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้มีศีลดี...มีวัตรที่ดี การบรรพชาของภิกษุนั้นไม่ไร้ผลแน่นอน ด้วยใจของพระภิกษุผู้มีศีลดี...มีวัตรที่ดี ย่อมไม่หยั่งลงสู่ภัย มีการติเตียนตนเองได้ เปรียบเสมือนพระอาทิตย์จะไม่หยั่งลงสู่ความมืด ฉะนั้น (พระพุทธโฆษาจารย์กล่าวไว้ในพระวิสุทธิมรรค)
เพื่อนำเข้าสู่การศึกษาของสาธุชน จะได้เข้าใจในเบื้องต้นตามที่ปุจฉามา จึงพึงตั้งใจอ่านอย่างพิจารณา โดยกายวาจาและใจที่สำรวมสงบ ดำรงความศรัทธาให้ตั้งมั่นเลื่อมใส ถวายการสักการบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทำความมั่นคงในการบูชาในพระองค์ พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ และสำรวมระวังกายวาจาและใจ ด้วยสติควบคุมจิต ด้วยสัมปชัญญะควบคุมกาย ให้กายวาจาใจนั้นสงบอย่างมีความระลึกรู้ชอบ มีการกระทำชอบ เรียกว่ามีศีลสังวร มีสติสังวร และด้วยปัญญาสังวร ย่อมให้กายวาจาใจนั้นอยู่ในความเป็นปกติสำรวมเป็นผู้มีศีล ศีลนั้นยังให้เกิดความปกติในกายวาจาถ้าเข้าใจ ศีลนั้นทำให้เกิดความเยือกเย็น และศีลนั้นละขาดจากความเศร้าหมอง ศีลจึงแปลว่าปกติ ศีลแปลว่าเยือกเย็น ศีลแปลว่าชำระให้สิ้นจากความเศร้าหมอง หรือตัด ละ ขาด ปกติ เยือกเย็น สงบหรือตัดขาด นั่นคือคุณลักษณะของศีล
พระภิกษุสงฆ์ในพระศาสนานี้ต้องมีความสำรวมในพระปาฏิโมกข์ อันเป็นศีลของพระสงฆ์ซึ่งทรงบัญญัติไว้เพื่อคุ้มครองให้พระสงฆ์นั้นพ้นจากทุกข์ภัยต่างๆ ทั้งในปัจจุบันภพและภพต่อไป จึงทรงพระภาษิตไว้ว่า
อะณุมัตเตสุ วัชเชสุ ภะยะทัสสาวี สะมาทายะ สิกขะถะ สิกขาปะเทสูติฯ.
แปลว่า ภิกษุมีปกติเห็นภัยในโทษมีประมาณน้อย ย่อมสมาทานศึกษาในสิกขาบททั้งหลาย
ศีลของพระสงฆ์นั้นมี ๔ อย่าง คือ
๑.ปาฏิโมกขสังวรศีล คือการสำรวมกายวาจา ไม่ละเมิดสิกขาบทที่พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้
๒.อินทรียสังวรศีล แปลว่า การสำรวมอินทรีย์โดยมีสติสำรวมอินทรีย์ มิให้เกิดกิเลสรั่วราดรดลงมาทางทวารทั้ง ๖ คือ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ คำว่าสติสำรวมอินทรีย์เพื่อมิให้เกิดกิเลสขึ้น อันเกิดจากวิญญาณที่เข้าไปเพื่อที่จะยึดเหนี่ยวถือในอารมณ์อันเกิดขึ้นทางอายตนะ ความสำรวมอินทรีย์ก็คือมีความตั้งมั่นของจิตที่มีสติ มีปัญญา รู้เท่ารู้ทัน ไม่เข้าไปเกี่ยวเนื่องในอารมณ์จนเกิดกิเลสขึ้น
อ่านต่อฉบับหน้า


