posttoday

‘สุขุมพจน์ คำสุขุม’ กองเกวียนวรรณกรรมจากแดนอีสาน

12 สิงหาคม 2556

เป็นที่ทราบกันแล้วว่าเวทีซีไรต์ปี 2556 คึกคักเป็นพิเศษ

โดย...อินทรชัย พาณิชกุล ภาพ ภาพส่วนตัว สุขุมพจน์ คำสุขุม

เป็นที่ทราบกันแล้วว่าเวทีซีไรต์ปี 2556 คึกคักเป็นพิเศษ

ปีนี้เป็นประเภทกวีนิพนธ์ มีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมชิงชัยถึง 101 เล่ม เรียกว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ 35 ปี รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน หรือซีไรต์ เลยก็ว่าได้ โดยรายชื่อผลงานที่เข้ารอบสุดท้าย 7 เล่ม ประกอบด้วย ของฝากจากแดนไกล โชคชัย บัณฑิต ต่างต้องการความหมายของพื้นที่ ศิวกานท์ ปทุมสูติ ผู้ออกแบบเส้นขอบฟ้า จเด็จ กำจรเดช เมฆาจาริก ธมกร โลกใบเล็ก พลัง เพียงพิรุฬห์ หัวใจห้องที่ห้า อังคาร จันทาทิพย์ และบ้านในหมอก สุขุมพจน์ คำสุขุม

“ปลื้มบ้างเป็นธรรมดาประสาชาวบ้าน ก่อนการประกาศผลก็เป็นช่วงที่ลุ้นที่สุด ความคาดหวังก็เหมือนซื้อลอตเตอรี่นั่นแหละ ถูกก็ดีไป ไม่ถูกก็ซื้อใหม่ (หัวเราะ) แอบภูมิใจบ้างว่างานของเราก็พอกล้อมแกล้มกับชาวบ้านเขาได้”

ประโยคอันเปี่ยมด้วยความรู้สึกทีเล่นทีจริงของกวีหนุ่มใหญ่จากดินแดนที่ราบสูง นามว่า สุขุมพจน์ คำสุขุม เจ้าของผลงานชื่อ บ้านในหมอก สำนักพิมพ์กากะเยีย

ตามคำประกาศของ ดร.พิเชฐ แสงทอง ประธานคณะกรรมการคัดเลือก ความโดดเด่นของบ้านในหมอกเล่มนี้ อยู่ตรงการจัดวางเนื้อหาไว้เป็นเอกภาพ เดินเรื่องไปในทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจน โดยแบ่งเนื้อหาเป็น 2 ภาค ภาคแรก ว่าด้วยบ้านในหมอก ที่หมายถึงภาพทั้งประเทศหรือสังคมโดยรวม ภาคสอง เหมือนส่องกล้องเข้าไปสำรวจตรวจสอบ “หมอกในบ้าน” อันหมายถึงบ้านจริงๆ หรือสถาบันครอบครัว เพื่อต้องการสะท้อนปัญหานานัปการ

“ผมเจตนาสื่อสารเรื่องราวของบ้าน ทั้งในส่วนที่หมายถึงสังคมในวงกว้างและส่วนที่เป็นหน่วยเล็กระดับครอบครัว เดินเรื่องโดยใช้กองเกวียนโบราณเป็นสัญลักษณ์ หมายถึงการขับเคลื่อนไป นับจากเบื้องแรกจากครั้งบรรพชนสร้างบ้านแปลงเมือง ไล่เรียงความภาพความสงบอบอุ่นของบรรพกาล กว่าจะเป็นบ้านเป็นเมืองอย่างทุกวัน

เราเห็นความทุ่มเทของบรรพชนจวบกระทั่งกองเกวียนยนตรกรรมปรากฏบทบาทในปัจจุบัน สภาพบ้านเมือง สภาพครอบครัวเปลี่ยนแปลงเคลื่อนขับไปอย่างไร สื่อสารผ่านตัวละครต่างวัยตลอดทั้งเล่ม”

ขณะเดียวกัน ด้านศิลปะการประพันธ์ นอกจากใช้กลอนแปดเป็นพาหนะในการขับเคลื่อนกองเกวียนบรรทุกตัวอักษรส่งต่อเรื่องราวจากอดีตสู่ปัจจุบันแล้ว สุขุมพจน์ ยังโดดเด่นในเชิงกวีโวหาร ช่ำชองในการใช้ภาษา มีลูกล่อลูกชน เล่นคำเล่นความหมายอย่างลงตัว แทรกอารมณ์ขันเป็นระยะ และใช้หมอกเป็นตัวบ่งบอกอย่างมีนัย มีเสน่ห์กระตุ้นให้ตระหนักคิดตามไปด้วย

ในแวดวงกวีอีสาน ชื่อของ สุขุมพจน์ คำสุขุม เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ที่ยืนตระหง่านอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง เคยดำรงตำแหน่งประธานสโมสรนักเขียนอีสานคนที่ 5 เคยเป็นนักกลอนตัวอย่างของสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย เป็นครูที่กวีรุ่นใหม่ยกย่องนับถือ

“รางวัลเป็นกำลังใจสำหรับการทำงาน เป็นตราประทับว่างานเราไม่ขี้เหร่เสียทีเดียว ฮึกเหิมนั้นก็เป็นธรรมดา เป็นเหมือนการเสริมแรง ผลักดันให้เราพัฒนาเชิงชั้นอยู่เสมอ ตอบให้เท่กว่านั้นคือ รางวัลมันทำให้หายเหนื่อย สูดหายใจได้เฮือกใหญ่ แต่ก็คงไม่ถึงกร่าง เพราะโดยส่วนตัวกร่างไม่เป็น แต่ทำตัวน่ารักพอทำได้” เขาหัวเราะแช่มชื่น

แม้ในปัจจุบันพื้นที่บทกวีตามสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ นิตยสาร วารสาร หนังสือพิมพ์ยังคงจำกัดจำเขี่ย คับแคบ ถึงขั้นลดน้อยลงกว่าเมื่อก่อนอย่างน่าใจหาย สุขุมพจน์ ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เฝ้ามองสถานการณ์ด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย

“ใจหายเหมือนกัน ยิ่งวัฒนธรรมการอ่านของบ้านเราค่อนข้างอ่อนแอ กวีนิพนธ์ที่มีกลุ่มผู้อ่านน้อยอยู่แล้วก็ยิ่งน้อยลงไปอีก นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งของการปิดตัวลงของคอลัมน์กวีนิพนธ์ตามหน้าสื่อสิ่งพิมพ์หลายเล่ม ในส่วนคนเขียนก็คงต้องตามหาสนาม หาที่ทางกันต่อไป เนื่องเพราะสนามแคบลง แต่จำนวนผู้เขียนงานมีมากขึ้น การแข่งขันก็เป็นเรื่องธรรมดา

ส่วนค่าเรื่องก็เป็นสิ่งที่ยากกะเกณฑ์ ผมว่าคนเขียนเขาหาสนามมากกว่า ใจจริงผมเคยฝันว่าหนังสือพิมพ์รายวันที่ยอดจำหน่ายสูงๆ น่าจะมีส่วนส่งเสริมสนามกวีนิพนธ์หรือเรื่องสั้นบ้าง อาจจะเป็นสัปดาห์ละครั้ง ค่าเรื่องเล็กน้อยก็คงไม่เป็นไร คงพอช่วยกระตุ้นให้เกิดความคึกคักขึ้นได้บ้าง จะเป็นการขยายฐานคนอ่านด้วยอีกทาง เพราะหนังสือพิมพ์นั้นไปทุกซอกทุกมุมอยู่แล้ว ไม่เหมือนรวมเล่มกวีนิพนธ์หรือหนังสือเล่มที่ไปถึงแค่ร้านหนังสือและคอหนังสือเท่านั้น ส่วนเรื่องการส่งงาน คุณภาพงาน ก็ต้องพยายามพัฒนา หมั่นคิดหาแง่มุม เรื่องราว หรือประเด็นที่จะเขียนให้น่าสนใจ กลั่นกรองหลายเที่ยวก่อนส่ง ผ่านบ้างไม่ผ่านบ้าง” สุขุมพจน์ แสดงทัศนะ

ขณะที่การมาของโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยส่วนตัวเขามองว่าเป็นความตื่นตาตื่นใจ เป็นที่พักหลักแหล่งของคนชอบเขียน ชอบระบาย เป็นสีสัน ยิ่งในเฟซบุ๊ก จะเห็นว่ามีทั้งมือเก่า มือใหม่ มือปรมาจารย์ ทยอยเขียนให้อ่านกันทุกวัน แลกเปลี่ยนกันไปมา

“สำหรับผมอ่านแล้วได้แนวคิด อ่านแล้วได้พิจารณาตัวเอง พัฒนางาน บางทีอาจได้แรงบันดาลใจมาทำงานของเรา ผมไม่เลือกอ่าน แต่ผมจะอ่านทุกคน ทั้งคนเพิ่งฝึกเขียน ทั้งคนเขียนเป็นแล้ว นักเขียนใหม่เกิดทุกวัน หนังสือก็ผลิตได้ง่ายขึ้น ผมว่าไม่ส่งผลกระทบอะไรเลย เป็นการดี และคึกคักอีกต่างหาก ดูงานซีไรต์ปีนี้สิ มีหนังสือกวีนิพนธ์ส่งเข้าประกวดทะลุหลักร้อยเล่ม ส่วนหนึ่งก็มาจากโลกโซเชียลนี่เอง”

ในฐานะกวีอาวุโสผู้รอนแรมบนถนนสายน้ำหมึกมายาวนานกว่า 3 ทศวรรษ เขาเชื่อว่ายังมีคนอยากเขียนบทกวีอยู่ เท่าที่สังเกตจากการมีโอกาสได้ไปเป็นวิทยากรงานค่ายวรรณกรรมต่างๆ เขาสัมผัสได้ถึงไฟสร้างสรรค์ ความกระตือรือร้นในการอยากคิดอยากเขียนของคนรุ่นใหม่

“แต่ในสายตาของครูมองนักเรียน เด็กรุ่นใหม่ทุกวันนี้มีความอดทนค่อนข้างน้อย ช่วงความสนใจสั้นลง อยากประสบความสำเร็จเร็ว แต่ความขยันเอาใจใส่กลับน้อยลง หรืออาจจะเป็นว่า กวีนิพนธ์เป็นสิ่งที่เขียนยาก ก็ไม่แน่ใจ ผมยังเชื่ออย่างหนึ่งว่า กวีนิพนธ์หรือวรรณกรรมจะไม่มีวันตาย แต่จะเปลี่ยนที่อยู่ที่ยืนไปอยู่ไปยืนตรงไหนในอนาคต อันนี้ก็สุดคาดเดาครับ”

เป็นอีกหนึ่งมุมมองที่น่าครุ่นคิดใคร่ครวญกันต่อไป สำหรับอนาคตของวงการกวีนิพนธ์เมืองไทย กลั่นกรองจากประสบการณ์ของกวีระดับแถวหน้าแห่งกองเกวียนวรรณกรรมแดนอีสาน สุขุมพจน์ คำสุขุม

สุขุมพจน์ คำสุขุม นามปากกาของ สุขุม คำภูอ่อน เป็นคน จ.อุดรธานี โดยกำเนิด

มีผลงานกวีนิพนธ์รวมเล่มออกมาแล้ว 7 เล่ม “สายรุ้งของความรัก” “ระเบียงตะวัน” “เสียงที่ไม่เคยเปลี่ยน” “อกข้างซ้าย” “คำของพ่อ” “รากของเรา เงาของโลก” และ “บ้านในหมอก”

ได้รับรางวัลชมเชย รางวัลพานแว่นฟ้า ปี 2552 จากกวีนิพนธ์ชื่อ “อีกไม่นาน...ทหารหนุ่ม” ปี 2553 รางวัลชมเชย จากบทกวีนิพนธ์ชื่อ “เหยื่อกระสุน” รางวัลชนะเลิศ ประเภทกวีนิพนธ์ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ครั้งที่ 10 ปี 2556 จากบทกวีนิพนธ์เรื่อง “รากของเรา เงาของโลก” นอกจากนี้บทกวีนิพนธ์เล่มที่ชื่อว่า “สายรุ้งของความรัก” เคยผ่านเข้ารอบ 5 เล่มสุดท้ายรางวัลซีไรต์มาแล้ว เมื่อปี 2544

ปัจจุบัน มีความสุขกับชีวิตครูบ้านนอกที่โรงเรียนบ้านโนนทองโนนสะอาด อ.บรบือ จ.มหาสารคาม

ข่าวล่าสุด

หุ้นไทยปิดพุ่ง 19.30 จุด แรงซื้อหุ้นใหญ่ รับเคาะวันเลือกตั้งชัดเจน 8 ก.พ.69