posttoday

วิจิตร คุณาวุฒิ เศรษฐีตุ๊กตาทอง

28 กรกฎาคม 2556

เจ้าของฉายา “เศรษฐีตุ๊กตาทอง” ฟื้นชีพอีกครั้ง เมื่อหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) จัดงานรำลึกถึง “วิจิตร คุณาวุฒิ”

โดย...โจ-ลิฟวิ่ง

เจ้าของฉายา “เศรษฐีตุ๊กตาทอง” ฟื้นชีพอีกครั้ง เมื่อหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) จัดงานรำลึกถึง “วิจิตร คุณาวุฒิ” ในชื่อ “Retrospective วิจิตร คุณาวุฒิ” ตลอดเดือน ก.ค.นี้ ณ โรงภาพยนตร์ศรีศาลายา ถนนพุทธมณฑลสาย 5

ในงานไม่เพียงแต่เป็นการรำลึกถึงผู้กำกับชั้นครูเท่านั้น แต่ยังเป็นวาระครบรอบ 16 ปี การจากไปของเขาอีกด้วย (เสียชีวิต 31 ก.ค. 2540)

ลูกศิษย์ลูกหาแวะมาอย่างล้นหลามเพื่อขอคารวะครู ขณะที่เหล่าคอหนังที่เป็นแฟนของเศรษฐีตุ๊กตาทองก็มาร่วมย้อนรำลึกกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง

ผลงานที่ถูกนำเสนอต่อสายตา ได้แก่ มือโจร (ปี 2504) นางสาวโพระดก (ปี 2507) แม่ศรีไพร (ปี 2514) เมียหลวง (ปี 2521) คนภูเขา (ปี 2522) ลูกอีสาน (ปี 2525) ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด (ปี 2528) เป็นอาทิ

หลายคนดูหนังจบก็แสดงความปลื้มปริ่มผ่านสีหน้ารื้นด้วยน้ำตา บางรายเก็บอาการไม่อยู่ ขอชื่นชมฝีมือการกำกับแบบไม่หมกเม็ด และจำนวนไม่น้อยที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ต่างก็เอ่ยปาก “คุณปู่คุณาวุฒิเจ๋งสุดๆ”

นี่จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า วิจิตร คุณาวุฒิ หรือ คุณาวุฒิ คือเศรษฐีตุ๊กตาทองโดยเนื้อแท้

เกิด 23 ม.ค. 2465 ที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา เดิมชื่อ “ซุ่นจือ เค้งหุน” ต่อมาเปลี่ยนเป็น วิจิตร คุณาวุฒิ

เป็นศิษย์เก่าวชิราวุธวิทยาลัย เริ่มต้นด้วยการทำงานเป็นนักเขียน ควบคู่กับตำแหน่งพิสูจน์อักษรกับจัดสายส่ง มีเพื่อนร่วมสมัยที่รักใคร่ คือ “ส. อาสนจินดา” “อิศรา อมันตกุล” และ “ประมูล อุณหธูป”

เคยมีผลงานเขียนเรื่องสั้นน่าจดจำ เช่นว่า “น้ำตาจำอวด” กับ “โสเภณีร้องไห้” ก่อนจะผันตัวเองมาทำงานเบื้องหลัง นั่งแท่นเป็นผู้กำกับหนัง

ประเดิมเส้นทางผู้กำกับ ด้วยผลงานอมตะ “มรสุมสวาท” สร้างจากบทประพันธ์ของเกลอรัก อิศรา อมันตกุล ได้ “ชนะ ศรีอุบล” มาเป็นพระเอก ประกบนางเอกชาวพม่าคนงาม “ขิ่นเลส่วย”

เกรียวกราวจากหนังเรื่องแรก วิจิตรก็มุ่งหน้าเข้าวงการหนังไทยเต็มตัว โดยมีรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมตุ๊กตาทอง การันตีฝีมือ 4 ปีซ้อน ปี 2505 “สายเลือดสายรัก” “ดวงตาสวรรค์” ปี 2506 ต่อด้วย “นางสาวโพระดก” ปี 2507 และ “เสน่ห์บางกอก” ปี 2508

ฉายา “เศรษฐีตุ๊กตาทอง” ก็มีที่มาด้วยเหตุฉะนี้แล

หนังของวิจิตรใช่จะกวาดแค่รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม ทว่าทุกๆ ผลงานของเขายังเด่นเด้งในเรื่องบทและการลำดับภาพ ทุกคนได้ชมต้องยกนิ้วให้ เพราะความใส่ใจและความเนี้ยบ การันตีด้วยรางวัลตุ๊กตาทอง 4 ปีซ้อน ปี 2505 “สายเลือดสายรัก” ปี 2506 “ดวงตาสวรรค์” ปี 2507 “คมแสนคม” ปี 2508 “เสน่ห์บางกอก”

หลังเปลี่ยนชื่อรางวัลจากตุ๊กตาทองสู่รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี หนังของวิจิตรก็ยังชนะใจกรรมการ ด้วยการเขียนบทที่พิถีพิถัน ปี 2516 คว้ารางวัลจากหนังชีวิตเข้มข้น “น้ำเซาะทราย” และปี 2522 ก็คว้ารางวัลมานอนกอดจากหนังชีวิตสะท้อนสังคมชาวดอย “คนภูเขา” อีกเรื่องที่ต้องจารึกในหน้าประวัติศาสตร์หนังไทย “ลูกอีสาน” บนเวทีสุพรรณหงส์ทองคำ ปี 2525

ขณะที่รางวัลลำดับภาพยอดเยี่ยม ก็มี รางวัลตุ๊กตาทอง ปี 2505 “สายเลือดสายรัก” ปี 2507 “คมแสนคม” ปี 2508 “เดือนร้าว” รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ปี 2520 “ป่ากามเทพ” และ “เมียหลวง” ปี 2522

ด้วยมีผลงานอันโดดเด่นและทำงานกำกับอย่างต่อเนื่อง วิจิตรจึงถูกยกย่องเป็นบรมครู ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ปี 2530 ผู้มีไฟฝันของการศิลปินอย่างแน่วแน่ ที่เด็กรุ่นหลังควรยึดเป็นเยี่ยง ไม่ว่าจะ การวางตัว ความรับผิดชอบ กระทั่งวิธีคิด หรือตีความจากตัวอักษรในนวนิยายให้กลายเป็นหนัง อันเปี่ยมไปด้วยความบันเทิงและสาระ

ปี 2548 วิจิตรได้รับรางวัลกินรีเกียรติยศ Lifetime Achievement Award ฐานะผู้กำกับไทยในตำนาน เทศกาลหนังนานาชาติกรุงเทพฯ ถือเป็นรางวัลส่งท้ายนับจากเขาเสียชีวิตด้วยวัย 75 ปี

อำลา อาลัย เศรษฐีตุ๊กตาทอง

หมายเหตุ สอบถามรายละเอียด หอภาพยนตร์ 02-482-2013-14 ต่อ 111 www. fapot.org

ข่าวล่าสุด

‘ม.สงขลาฯ’ ร่วมกรมการแพทย์ รับผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองรักษาด้วย CAR-T Cell