อัทธนียา เอี่ยมวสันต์ ตามล่า หาฝัน
เชื่อว่าหลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาสาวน้อยตาโต หน้าใส ลูกแม่โดมคนนี้ดีจากตัวละคร “พิมพรรณ” สาวสวยแสนซื่อจากเรื่อง ตะวันทอแสง ทางช่อง 7
โดย...ศศิญากร เถาหมอ ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข
เชื่อว่าหลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาสาวน้อยตาโต หน้าใส ลูกแม่โดมคนนี้ดีจากตัวละคร “พิมพรรณ” สาวสวยแสนซื่อจากเรื่อง ตะวันทอแสง ทางช่อง 7 ออมอัทธนียา เอี่ยมวสันต์ สาวน้อยตาโตเสียงใส วัย 21 ปี คือผู้ชนะเลิศการประกวดโครงการ “ชิงดาว” ปี 2553 ในบทเหมย จากละครเรื่อง ระบำดวงดาว ถือเป็นประตูบานสำคัญที่เปิดโอกาสให้ออมเข้ามาลุยกับงานบันเทิงอย่างเต็มตัว
“ออม” อัทธนียา ย้อนให้เราฟังถึงความฝันในวัยเด็กของเธอว่า ก็คงเหมือนๆ เด็กทั่วๆ ไปว่า อยากเป็นหมอ แต่พอจะเอนทรานซ์จริงจังกลับตัดสินใจเลือกคณะสถาปัตยกรรมเนื่องจากที่บ้านมีกิจการวัสดุก่อสร้าง ก็น่าจะช่วยเหลืองานของที่บ้านได้ แต่กลับพบว่าการเรียนสถาปัตย์ค่อนข้างหนักมาก ด้วยเนื้อหาวิชาที่เรียนและออมต้องถ่ายละครไปด้วย บวกกับนิสัยส่วนตัวเป็นคนคิดมาก วันนี้ไปถ่ายละครแล้วพรุ่งนี้ต้องส่งแบบบ้าน ถ้าแบบบ้านยังไม่เสร็จจะกังวลทำให้ไม่มีสมาธิการถ่ายละครเลย แล้วพอไปถ่ายละครในช่วงเย็นๆ ใจก็ไปอยู่ที่ละคร เมื่ออยากทำควบคู่ไปได้ทั้งสองอย่าง สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนมาเรียนคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“กลายเป็นว่าออมได้เรียนในสิ่งที่ชอบค่ะ ก็ยิ่งทำให้มีความสุขนะคะ และพร้อมเรียนรู้ไปกับมัน สาขาวิชาวิทยุและโทรทัศน์ของคณะวารสารศาสตร์ฯ ทำให้ได้เรียนรู้งานเบื้องหลังทั้งตัดต่อเสียง จากที่เคยชินกับงานเบื้องหน้ามาแล้วทำให้รู้สึกสนุกมากขึ้นค่ะ ตั้งแต่เด็กๆ สัก10 ขวบ เคยเป็นเรียนการแสดงแล้วก็ได้แสดงละครเวทีแล้วจบไป มาเริ่มอีกทีตอน ม.3 มีคนติดต่อเข้ามาให้ไปถ่ายนิตยสาร ได้เล่นรับเชิญในละคร หินกลิ้ง ทางช่อง 7 หลังจากนั้นก็เริ่มแคสโฆษณามาเรื่อยๆ จนเริ่มรู้สึกอิ่มตัว เลยลองเข้ามาประกวดโครงการชิงดาว ซึ่งตอนนั้นเราไม่ได้หวังว่าจะชนะเลยนะคะ แค่อยากให้คุณนิด อรพรรณ เห็นหน้าเราแค่นั้นจริงๆ ค่ะ” อัทธนียา บอกเสียงใส
จากที่ไม่หวังก็กลับกลายเป็นว่าได้มากกว่าที่หวัง สาวน้อยหน้าใสคนนี้คว้าตำแหน่งชนะเลิศในบท “เหมย” สาวเรียบร้อยผู้สู้ชีวิตจากเรื่อง ระบำดวงดาว ที่สำคัญยังได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดโพลีพลัสอีกด้วย “ไม่เคยคาดหวังว่าจะต้องเข้าวงการมาแบบเต็มตัวเลยนะคะ จากตอนแรกที่เฉยๆ กับงานแสดง ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ กลายเป็นว่าทุกวันนี้เป็นอาชีพที่เรารักเพราะเริ่มสนุกกับมันมากขึ้น แน่นอนว่าความคาดหวังต่างๆ ก็มากขึ้นด้วย มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่หวังแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเอาความหวังมากดดันตัวเราเอง ถ้าเราได้รับโอกาสดีๆ จากผู้ใหญ่เราก็รู้สึกขอบคุณและดีใจ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เครียด เราถือว่าเราทำดีที่สุดและได้ทำตามความฝันของตัวเองแล้ว คุณแม่ออม บอกออมตลอดเวลาค่ะ ว่าทำให้ดีที่สุด เพราะถ้าวันหนึ่งสิ่งนั้นมันผ่านไปแล้ว เราจะได้ไม่มานั่งเสียใจทีหลัง จึงรู้สึกว่าเราต้องทำเต็มที่ทุกครั้ง สุดท้ายผลมันจะออกมาเป็นอย่างไรก็ไม่เป็นไรค่ะ เราสุดๆ กับมันแล้วค่ะ
อยากลองเล่นบทร้าย (บอกพร้อมเสียงหัวเราะ) แบบโรคจิตกับเขาเหมือนกัน รู้สึกว่ามันเล่นง่าย ซึ่งง่ายในที่นี้หมายถึงมันค่อนข้างแสดงออกได้เต็มที่มากกว่าบทเรียบร้อย จากที่ออมเคยเล่นบท “พิมพรรณ” ในตะวันทอแสง ถือเป็นเรื่องยากมากสำหรับเราเพราะแสดงอารมณ์อะไรได้ไม่เต็มที่ต้องเก็บไว้ข้างใน ต้องทำอะไรช้าๆ พูดเนิบๆ ซึ่งตรงข้ามกับบุคลิกลักษณะจริงๆ ของตัวออมมาก เพราะเราเป็นคนตาโตแล้วดูดุจะทำให้คนสงสารจะค่อนข้างยาก
แล้วถึงแม้จะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย อัทธนียา ยืนยันว่า ระดับผลการเรียนยังเป็นที่น่าพอใจอยู่ แม้ว่าจะน้อยกว่าทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้เครียดอะไร คุณพ่อคุณแม่ก็เข้าใจ ที่สำคัญมีเพื่อนที่ดีคอยช่วยเหลือเธอตลอด คลาสไหนที่เธอขาดเพื่อนก็จะช่วยจดงานให้เธอเสมอ
“ส่วนใหญ่ทางกองละครเขาจะพยายามขอคิวเลี่ยงไม่ให้ตรงกับวันที่เรามีเรียน หรือถ้าวันไหนมีงานก็ต้องรีบทำส่งอาจารย์ก่อน ผัดวันประกันพรุ่งไม่ได้ เพราะเราต้องเผื่อเวลาให้ทางกองละครด้วย หากนัดคิวเพิ่มเขาก็จะไม่ได้บอกเราล่วงหน้านัก ชีวิตเราก็จะไม่ได้ค่อยสบายเหมือนเพื่อนเท่าไรนัก ยิ่งช่วงใกล้สอบก็จะชอบชนกับช่วงที่ถ่ายละครหนักๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ (บอกยิ้มๆ ใสๆ) ช่วงนั้นจะเหนื่อยมาก บางทีเราอ่านหนังสือไม่ทันขอทางกองละครไป กลายเป็นว่าเราก็ขอ เขาก็ขอ สุดท้ายเราต้องยอมเขา”
เมื่อถามสาวน้อยหน้าหวานว่า จะมุ่งมั่นเอาจริงกับงานการแสดงเลยหรือไม่ อัทธนียา บอกว่า ต้องดูแนวโน้มผลงานละครก่อน งานแบบนี้อาศัยแค่เราคนเดียวไม่ได้คงต้องอาศัยดวงด้วย หากกระแสตอบรับดียังรุ่งอยู่ก็คงอยู่ต่อไป แล้วถ้าทุ่มเทให้ด้านนี้ แต่ถ้าไม่ค่อยดีก็คิดแผนสองตั้งใจว่า จะไปเรียนต่อด้านออกแบบ ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มเปิดร้านเสื้อผ้ากับเพื่อนในไอจี (@imlookbook) เพิ่งเปิดได้ไม่นานแต่กระแสตอบรับดีเกินคาด เลยพอเดาแนวลูกค้าได้ จึงมีความคิดว่า อยากจะออกแบบแล้วตัดเองเพื่อพัฒนาเป็นแบรนด์
ส่วนผลงานด้านการแสดงในอนาคตของสาวหน้าหวานคนนี้ก็กำลังจะมีผลงานให้เราได้ชมอีก 2 เรื่อง 2 รส คือ “เรือนกาหลง” ละครแนวดรามาพีเรียดของค่ายพอดีคำ ทางช่อง 7 ซึ่งจะเปิดกล้องถ่ายทำเร็วๆ นี้ เรื่องนี้เป็นคู่รอง เป็นน้องสาวของพี่ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ ไม่ใช่คนดีมากนักออกแนวอิจฉาพี่สาวตัวเอง บทเป็นคนละแนวกับตะวันทอแสง และที่ติดต่อไว้อีกเรื่องคือ “เสน่หาสัญญาแค้น” นำแสดงโดย โดมปกรณ์ ลัม เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ของทางช่อง 3 ก็อย่าลืมให้กำลังใจสาวน้อยคนนี้ด้วยนะคะ
5 ที่สุดของออม
1.เป็นคนคิดมาก ขี้กังวลสุดๆ เพื่อนสนิทหลายคนจะรู้ถึงข้อเสียนี้กันเป็นอย่างดี ตอนนี้ก็พยายามแก้ไขอยู่
2.วิชาโปรดในคณะวารสารศาสตร์ฯ คือวิชาจัดวิทยุ // เกลียดที่สุดคืองานตัดต่อ
3.โฆษณาที่คิดว่าคนคุ้นหน้าที่สุด นมโฟรโมสต์ บาร์บีคิวพลาซ่า ชานมทีเบรค
4.ดาราที่เป็นที่สุดในดวงใจ เชอรี่ เข็มอัปสรเพราะเขาวางตัวดีมาก ไม่มีข่าวเสียหายอะไรเลย นิสัยดี
5.ชอบฟังเพลงแนวอินดี้ ฟอสเตอร์ เดอะพีเพิลหรือเพลงเก่าๆ แบบบีทเทิลที่สุด


