ดอกไม้ในหัวใจ รักษิตา
...อัคร เกียรติอาจิณ
สวยสด งดงาม...เปี่ยมไปด้วยความฝันที่จะเติบโต ดอกไม้...สัญลักษณ์แห่งความงาม ความสดชื่น ความหวัง และแรงบันดาลใจ
ย้อนไปเมื่อปี 2541 ในคราวที่หนังสือ
“เรื่องเล่าของดอกไม้” ได้ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรก (สำนักพิมพ์ไปยาลน้อย) ความรู้สึกภายหลังอ่านมันจบลงก็คงไม่ต่างจากข้อความที่เรายกอ้างไว้ข้างต้นเป็นแน่จินตนาการที่มีถึงดอกไม้แต่ละชนิด งดงามในภาษาอันละมุนละไม จนหลายๆ คนฝันอยากจะจับปากกาขึ้นมาจรดบนกระดาษเปล่าเปลือย เพื่อเล่าเรื่องดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานสร้างความสดชื่นอยู่ริมรั้วหน้าบ้าน สำคัญคือในการใช้ชีวิตของบางคนยังได้รับอิทธิพลจากดอกไม้ดอกนั้นด้วย
12 ปีล่วงผ่าน หนังสือเล่มดังกล่าวก็กลับมาฟื้นชีพอีกหน ภายใต้ความปรารถนาดีของสำนักพิมพ์เล็กๆ ฟรีฟอร์ม ที่มุ่งหวังอยากให้ผู้อ่านรุ่นเก่าได้กลับไปทบทวนวันวานอันหอมหวาน ขณะเดียวกันก็เป็นความพยายามที่จะขยับขยายรากฐานการอ่านสู่คนรุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยสัมผัสรสและคำในสไตล์อ่อนโยนและอบอุ่น
“
เรื่องเล่าของดอกไม้” เวอร์ชันล่าสุด คงความเป็นผู้หญิงที่ชื่อ “รักษิตา” หรือ “นภพรรณ รักษิตานนท์” ไว้ทุกกระเบียด เนื้อหาที่ปรากฏไม่ได้ปรับเปลี่ยนใหม่ เพียงแต่โฉมหน้าของรูปเล่มและภาพประกอบดูจะดึงดูดใจด้วยลูกเล่นแพรวพราว มีคั่นหน้าสลับกับหน้ากระดาษสำหรับเขียนบันทึก คล้ายไดอะรีย่อมๆ เป็นภาพสีน้ำสบายตา โดย “บุษกร พิชยาทิตย์” ผู้หญิงที่รักดอกไม้ไม่แพ้ตัวผู้เขียน“
คนที่เขียนภาพประกอบให้คือพี่จี๋ (บุษกร) ที่รู้จักคุ้นเคยกันดี เขาก็ชอบดอกไม้เหมือนกัน ก็เลยลงตัว ภาพประกอบนี่นานค่ะกว่าจะเสร็จ ถ้าดอกไหนไม่ใช่ พี่จี๋ก็รื้อทำใหม่ เฉพาะภาพประกอบนี่กินเวลาเกือบ 3 ปีนะ”เนิ่นนาน แต่คุ้มค่า เพราะภาพประกอบสีน้ำเบาบาง สะท้อนถึงดอกไม้เช่นที่ผู้เขียนถ่ายทอดได้ไม่ตกหล่น ทำให้ผู้อ่านคล้อยตามตัวอักษรที่พร่ำพรรณนาไม่รู้เบื่อ
“
ตอนที่เขียนไม่ได้คำนึงเรื่องภาษาเท่าไหร่ รู้แค่ว่าจะต้องเป็นภาษาในแบบของเรา คือ อ่อนโยน เล่นคำได้ เยิ่นเย้อได้ ใช้คำฟุ่มเฟือยได้ เป็นบทกวีที่สามารถสร้างคำขึ้นใหม่ได้เอง แต่คงความสละสลวย เพราะคิดว่าภาษาก็ไม่ต่างอะไรกับดอกไม้ ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตายตัวหรอก ทุกคนคือเจ้าของและพร้อมจะสัมผัสมันได้ทุกเมื่อ”ในจำนวน 248 หน้า ผู้เขียนซึ่งผูกพันกับดอกพิกุลตั้งแต่สมัยเข้าเรียนราชินี เล่าเรื่องดอกไม้ที่อยู่ใกล้ตัว บางชนิดอยู่ริมรั้วบ้าน บางชนิดอยู่บ้านญาติๆ และหลายชนิดก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ปลูกไว้ แข่งขันกันออกดอกชูช่อไม่ซ้ำฤดูกาล
พู่ระหง ต้อยติ่ง ทานตะวัน กุหลาบ อัญชัน จำปี จำปา ดอกแก้ว ดาวเรือง เทียนสี พวงชมพู บานชื่น พิกุล มะลิ นอกจากนั้น ดอกไม้จำพวกผักผู้เขียนก็หยิบยกมาเล่า ดอกผักบุ้ง ดอกกระถิน ที่ทำเอาได้เห็นภาพความงดงามเด่นชัดยิ่งกว่าแค่เด็ดมาแกล้มกินกับอาหาร
“
สิ่งที่อยากให้ทุกคนได้รับจากหนังสือเล่มนี้ คือ ความสุข ทั้งจากการอ่าน การดูภาพประกอบ ความสุขเล็กๆ ของคนเราอยู่ใกล้ตัวมาก ดอกไม้ก็ให้ความสุขได้ คนรุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยอ่าน อยากให้ลองสำรวจตัวเองและสิ่งรอบข้างบ้าง บางทีเราเดินเร็วไปก็จะไม่เห็นของสวยงาม ทั้งๆ ที่มันอยู่ใกล้ตัวเรานั่นแหละ ค่อยๆ มอง หรือหัดสังเกตอย่างช้าๆ จะพบว่ารอบตัวมีของสวยงามอยู่เยอะแยะ ไม่เว้นกระทั่งดอกไม้ที่เราไม่เคยหันมามองมัน”รักษิตากับดอกไม้ เป็นเพื่อนกันมาแต่เยาว์วัย วันเวลาผ่านไป เธอกลายเป็นผู้ใหญ่ แต่เจ้าดอกไม้ไม่เคยแปรเปลี่ยน ยังสวยสดงดงาม... ยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งความสดชื่น ความหวัง และแรงบันดาลใจ


