ผีตาโขน
ฉบับนี้ขออนุญาตเกาะกระแสทางวัฒนธรรมที่ผมเห็นทางโทรทัศน์อีกหนึ่งวัฒนธรรม ที่คิดว่าน่าจะนำมาเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติอย่างหนึ่ง
ฉบับนี้ขออนุญาตเกาะกระแสทางวัฒนธรรมที่ผมเห็นทางโทรทัศน์อีกหนึ่งวัฒนธรรม ที่คิดว่าน่าจะนำมาเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติอย่างหนึ่งได้ในแง่การเชื้อเชิญนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวในภาคอีสานบ้านเรา ซึ่งผมอยากเปรียบเทียบเทศกาลนี้เหมือนเทศกาลคาร์นิวัลในประเทศบราซิล ในแง่ของการเตรียมการแต่งกาย และขบวนแห่ที่มีความสวยงาม สนุกสนาน แต่ของเราไม่มีการแต่งกายแบบวับๆ แวมๆ กับความยิ่งใหญ่ของงาน
ผมก็เลยฝันไปว่า สักวันประเทศไทยจะสามารถขายวัฒนธรรมในเชิงการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นต้นทุนของประเทศที่ถูกที่สุด แต่ได้รับผลตอบแทนสูงสุดในแง่ของการลงทุน ผมเลยอยากวิงวอนรัฐบาลให้ความสำคัญในการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้มากขึ้นนะครับ
ประเพณีแห่ผีตาโขนจัดเป็นส่วนหนึ่งในงานบุญประเพณีใหญ่ หรือที่เรียกว่า “งานบุญหลวง” หรือ “บุญผะเหวด” ซึ่งตรงกับเดือน 7 มีขึ้นที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย และจัดเป็นการละเล่นที่ถือเป็นประเพณีทุกปี เกี่ยวโยงกับงานบุญพระเวส หรือเทศน์มหาชาติประจำปี กับพระธาตุศรีสองรัก ปูชนียสถานสำคัญของชาวด่านซ้าย
ประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขนเป็นประเพณีสำคัญ เพราะอยู่ในสิบสองเดือนสี่งานบุญผะเหวด (พระเวส) แห่ผีตาโขนแม้จะมีเล่นในภาคอีสานถิ่นอื่นบ้าง แต่ที่วัดโพนชัย อ.ด่านซ้าย จ.เลย เป็นที่รู้จักและจะยังคงอยู่คู่กับ “พระธาตุศรีสองรัก” ตลอดไป
กล่าวกันว่า การแห่ผีตาโขนเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระเวสสันดรและนางมัทรีจะเดินทางออกจากป่ากลับสู่เมือง บรรดาผีป่าหลายตนและสัตว์นานาชนิดอาลัยรัก จึงพากันแห่แหนแฝงตัวแฝงตนมากับชาวบ้านเพื่อมาส่งทั้งสองพระองค์กลับเมือง “ผีตามคน” หรือ “ผีตาขน” จนกลายมาเป็น “ผีตาโขน” อย่างในปัจจุบัน
ชนิดของผีตาโขน ผีตาโขนในขบวนแห่จะแยกเป็น 2 ชนิด คือ ผีตาโขนใหญ่ และผีตาโขนเล็ก
ผีตาโขนใหญ่ ทำเป็นหุ่นรูปผี ทำจากไม้ไผ่สาน มีขนาดใหญ่กว่าคนธรรมดาประมาณ 2 เท่า ประดับตกแต่งรูปร่าง
ผีตาโขนเล็ก ผีตาโขนเล็กเป็นการละเล่นของเด็ก ไม่ว่าเด็กเล็ก เด็กวัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ ทั้งหญิงชายมีสิทธิทำและเข้าร่วมสนุกได้ทุกคน แต่ผู้หญิงไม่ค่อยเข้าร่วม เพราะเป็นการเล่นค่อนข้างผาดโผนและซุกซน
ประเพณีต่างๆ ผมคงไม่พูดถึงเยอะนะครับ แต่สิ่งที่อยากฝากให้ผู้อ่านเห็นอย่างที่ผมเห็น คือ ผู้เต้นที่สวมหน้ากากผีตาโขนในปัจจุบันเป็นเยาวชนที่น่ารักที่อยู่ในหมู่บ้าน พวกเขาออกแรงมาร่วมกันดำรงประเพณีที่สำคัญนี้ไว้ แต่สิ่งที่ผมกังวลใจ คือ เมื่อความเจริญทางวัฒนธรรมอื่นๆ เข้าไป การที่จะรักษาให้เยาวชนพวกนี้สืบทอดหรือสืบสานต่อๆ ไปนั้น ควรจะมีกระบวนการจัดการมารองรับ
ผมลองแอบนั่งคุยกับเด็กๆ เหล่านี้ถึงความเป็นไปเป็นมาของงานแห่ผีตาโขน เด็กตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจ และมีความแตกต่างกัน อันอาจจะเกิดจากการถ่ายทอดที่ได้รับมามีความแตกต่างกัน ผมเลยอาจจะรู้สึกว่าการสืบสานประเพณีที่สำคัญเช่นนี้ ถ้าหากไม่มีกระบวนการจัดการที่ดีพอ ความภูมิใจในประเพณีก็จะไม่เกิดขึ้น การสืบทอดก็จะได้ไปเพียงในระดับหนึ่ง
การสืบทอดประเพณีให้มั่นคงและคงอยู่ต่อไปนั้น คงต้องช่วยกันให้เป็นการสืบทอดทั้งกระบวนการ และที่สำคัญต้องเข้าเจตนารมณ์ที่ถูกส่งต่อมาจนเกิดเป็นวัฒนธรรม เพื่อไม่ให้เกิดความผิดเพี้ยน และสืบสานต่อไปได้จนชั่วลูกหลานนะครับ


