ใกล้ที่สุด...คือไกล
ไม่บ่อยครั้งนัก...ที่เราจะสามารถมองเห็นสิ่งดีๆ จากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว
โดย...ปูปรุง [email protected] ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์
ไม่บ่อยครั้งนัก...
ที่เราจะสามารถมองเห็นสิ่งดีๆ จากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว
ว่ามันเป็นความสุข ที่ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรมากนัก
แถมบางที...เป็นความสุขที่ยั่งยืนกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก
ด้วยเพราะความสุข หรือสิ่งที่เราแสวงหามักถูกตีค่า
ให้ต้องมีราคาไว้ก่อนอยู่เสมอ
ต้องเดินทางไกลๆ ถึงจะได้พบธรรมชาติสวยๆ แปลกตา
ต้องแลกเปลี่ยนด้วยเงินจำนวนมาก
ถึงจะได้วัตถุสิ่งของที่ดูดี มีรสนิยม
ต้องปีนขึ้นไปให้สูง ถึงจะได้พบมุมมองที่กว้าง เหนือชั้นกว่า
แม้แต่เรื่องของการศึกษา
กว่าที่จะพบกับความสุขจากความสำเร็จ
ก็ต้องลงทุนด้วยเวลา ด้วยเงินจำนวนมากมายไม่ใช่น้อยเช่นกัน
จุดเปลี่ยนของตัวเองสำหรับเรื่องนี้...เกิดขึ้นในยามบ่ายวันหนึ่ง
เมื่อนั่งชิลชิล อ่านหนังสือใต้ต้นไม้ที่บ้านตัวเอง
แล้วความรื่นรมย์บางอย่างก็ปรากฏขึ้นเงียบๆ ในใจ
ความจริง...เราไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไหนไกล
เราก็พบที่ที่เรามีความสุขสงบอย่างที่ต้องการได้นี่
การที่เราต้องเดินทางเพื่อเปลี่ยนสถานที่ทำงาน สถานที่อ่านหนังสือ
โดยคิดว่า คือการทำเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
เพื่อเติมแรงบันดาลใจใหม่ๆ
อาจเกิดขึ้น...เพราะความยึดติดไปเองว่าสิ่งที่ใกล้
มีคุณค่าน้อยเกินไป
หรือเทียบไม่ได้กับสิ่งที่อยู่ไกลออกไปมากกว่า
มุมมองที่อาจจะดูเหมือนเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้
บางทีก็มีส่วนช่วยให้เราได้หันหลังกลับ แล้วปรับเปลี่ยนทัศนะ
ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกในการใช้ชีวิตของเราได้หลายเรื่อง
อย่างเช่น กลับมาให้ความสำคัญและเห็นความรัก
และความใส่ใจของคนใกล้ตัว ว่ามีคุณค่า
ไม่แพ้ความสัมพันธ์ที่ได้รับจากคนนอกบ้านมากขึ้น
เรื่องนี้ลองสังเกตตัวเองดูก็ได้ ว่าจริงหรือไม่
ที่เรามักเกรงใจหรือให้ความสำคัญ ตลอดจนระมัดระวังคำพูดคำจา
หรือกิริยาท่าทางกับคนนอกบ้านมากกว่าคนในบ้านของเราเอง
จะด้วยเพราะลืมใส่ใจ หรือเพราะชะล่าใจว่าอย่างไรเสีย
คนในบ้านก็จะให้อภัย จะไม่ถือสาหาความกับเรา
แต่รู้หรือเปล่าว่าบางที เหตุการณ์ธรรมดาสามัญแบบนี้
ก็ทำให้เขาเหล่านั้นน้ำตาตกในมาแล้วมากมายนับครั้งไม่ถ้วน
อีกเรื่องหนึ่งซึ่งสำคัญไม่แพ้กันก็คือ
การได้กลับมาทบทวนเพื่อให้เห็นคุณค่าของสิ่งที่กำลังทำอยู่
ให้ความสำคัญกับความเป็นปัจจุบัน วันนี้ วินาทีนี้
ว่าคือช่วงเวลาที่ควรทำสิ่งที่ดีที่สุด
มากกว่าที่จะโหยหาอดีต หรือกังวลกับอนาคตอันห่างไกล
สรุปโดยรวมแล้ว ก็คือเราคงจะจัดลำดับความสำคัญในเรื่องอื่นๆ
แต่ละช่วงเวลาได้ลงตัวขึ้นกว่านี้ หากมีเวลาได้ทบทวนอีกครั้ง
...แล้วเปิดใจตัวเองให้กว้างกว่าเดิม
มีบุคคลอาวุโสท่านหนึ่ง
ซึ่งฉันรู้สึกเคารพและชื่นชมท่านเป็นการส่วนตัว
ท่านผู้นั้นคือ ศาสตราจารย์ระพี สาคริก อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ผู้ประกอบคุณูปการมากมายให้กับระบบการศึกษาและสังคมไทยจนกระทั่งปัจจุบัน
แม้ว่าอายุอานามของท่านจะล่วงเลยมามากแล้วก็ตาม
ท่านเคยเขียนบทความไว้ชิ้นหนึ่ง สรุปใจความได้ว่า
คนส่วนใหญ่มักมองข้ามความสำคัญของสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ร่างกายและจิตใจตัวเอง
ท่านบอกว่าหากเราไม่ดูถูกความสำคัญของร่างกาย&จิตใจตัวเอง
แล้วยกมันไว้เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมดโดยไม่คิดทำลาย
แต่สร้างสรรค์ และทำใจให้เป็นกลาง เปิดกว้างแล้ว
ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน หรือทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น เพราะเหตุว่าทำแล้วมีความสุข
เหมือนคำพูดที่ว่า ร่างกายคือบ้านที่อยู่อาศัย ส่วนใจนั้นคือของจริง
การที่พบปัญหาแล้วเป็นทุกข์ เพราะว่าเรานั้นยังหาตัวเองไม่เจอ
เมื่อไม่เจอก็เท่ากับว่าได้ปล่อยให้ชีวิตเราตกอยู่ในความประมาท
ในยุคที่โลกหมุนเร็วเหลือเกินแบบทุกวันนี้
นอกจากชีวิตจะเสียสมดุลได้ง่ายดายแล้ว
บ่อยครั้ง เรายังปล่อยบางสิ่งที่มีค่าและอยู่ใกล้
ให้พร่าเลือนและห่างไกลไปอย่างน่าเสียดาย
กฤษณมูรติ นักปราชญ์ชาวอินเดีย ท่านเคยกล่าวไว้ว่า
“ก่อนจะเดินทางไกล เธอต้องเดินทางใกล้ก่อน ใกล้ที่สุดนั้น คือตัวเธอ
ก่อนจะทำสิ่งใดๆ เธอต้องเข้าใจตัวเอง”
วันนี้ ก่อนที่จะเพ่งสายตาพุ่งตรงไปข้างหน้า
อย่าลืมหลับตาเพ่งพินิจพิจารณาตัวเองก่อนออกเดินทาง
ขอให้โชคดีนะคะทุกคน :)


