ให้อภัย...จบปะ!?!
การให้อภัย ทำได้ง่ายหรือไม่ ก็มักจะทำได้ไม่ง่ายนักนะ
โดย...ไดนาห์ ชอว์ / ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์
การให้อภัย ทำได้ง่ายหรือไม่ ก็มักจะทำได้ไม่ง่ายนักนะ
แต่คุณไม่ได้ให้อภัยเพื่อคนอื่น หรือเพื่อผลประโยชน์ของคนอื่น
คุณให้อภัยเพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง จริงจริ๊ง
สถานการณ์ ที่ทำงาน คือ สมรภูมิของอารมณ์ การให้อภัยกับบางคนทำได้ แต่กับบางคนทำไม่ได้และจะไม่ทำ ซึ่งจะทำอย่างไร หรือจะถามใหม่ว่า จะทำอย่างไรจึงจะทำงานในแวดล้อมของคนที่เราไม่ให้อภัย (เครียดเด้อ)
ทางออก คุณพูดเองว่า ที่ทำงานคือสมรภูมิของอารมณ์ การให้อภัยผู้คนในสถานที่ที่เต็มไปด้วยสถานการณ์อันยุ่งยากซับซ้อนจึงเป็นเรื่องเข้าใจได้ และเป็นกติกาพื้นฐานของที่ทำงานที่ควรจะเป็น สำหรับบางคนแล้วการให้อภัยเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ทางจิตวิญญาณ แต่การให้อภัยผู้อื่นยังมีเหตุผลที่สำคัญกว่านั้น
เพราะถ้าคุณไม่ให้อภัยพวกเขา มันจะทำลายตัวคุณเอง !
สมมุติว่าคุณถูกเจ้านายไล่ออกด้วยเหตุผลผิดๆ หรือคุณถูกเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ตลบหลังแย่งผลงานไปอย่างด้านหน้า คุณเลยบอกว่า จะไม่มีทางยกโทษให้ใครก็ตามที่ทำแบบนั้นกับคุณ! แล้วใครกันที่ทุกข์ทรมาน หัวหน้ากำลังสนุกอยู่ในงานเลี้ยง ส่วน (อดีต) เพื่อนรักน่ะหรือ ก็กำลังเต้นรำสุดเหวี่ยงฉลองตำแหน่งใหม่
คุณต้องเลิกความคิดที่ว่า “ถ้าเราไม่ให้อภัยเขา เขาจะเป็นฝ่ายทุกข์ทรมาน” คุณเห็นแล้วว่า ไม่ใช่
สถานการณ์ ทำใจไม่ได้ที่จะให้อภัยคนอื่นง่ายๆ ในความผิดเลวร้ายที่พวกเขาก่อขึ้น (ฮึ่มๆๆ!!)
ทางออก มีผลการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ของสถาบันสาธารณสุขแห่งมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐ ที่ระบุว่า ความอาฆาตแค้น ความจงเกลียดจงชัง และความขุ่นเคืองใจ คือ ตะกอนที่ขุ่นกวนระบบภูมิคุ้มกันโรคของมนุษย์ แต่ละเปอร์เซ็นต์ของความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้น เพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคเบาหวานของตัวคุณเองขึ้นเป็น 2 เท่า!
ความโกรธทำให้คุณป่วย รู้อย่างนี้แล้วหัดเป็นคนไม่เก็บความโกรธไว้ด้วยการให้อภัยคนอื่น คุณไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยในสิ่งที่เขาทำ คุณแค่ต้องการให้ชีวิตของคุณดำเนินต่อไปด้วยดีเท่านั้น
สถานการณ์ งั้นก็ต้องให้อภัยคนอื่นตลอดไปสิ?
ทางออก รู้เท่าทันตัวเองแล้วจะรู้เท่าทันคนอื่น ในทางพุทธให้มีสติกำหนดใจ โกรธก็รู้ว่าโกรธ มีสติ ไม่คิดฟุ้งซ่านหรือคิดไม่ดี (โกรธแค้นผู้อื่น) อารมณ์อาฆาต อคติ หรือความเครียดจะลดลง จิตจะมีพลัง มีปัญญา คิดอ่านได้ว่าจะทำอย่างไรต่อสถานการณ์หรือปัญหาที่เกิดขึ้น บางทีคุณอาจพบว่า ความโกรธของคุณมีที่มาจาก “พื้นฐานอารมณ์” ที่ไม่ดีของตัวเอง หรือเกิดจากการยกตัวเองเป็นมาตรฐาน ทำให้ตัดสินเข้าข้างตัวเองตลอดมา
หรือถ้าเกิดจากคนคนนั้นจริงๆ ก็จะเข้าใจเขาได้มากขึ้น ให้อภัยเขาได้มากขึ้น ยิ่งกว่าปัญญาคือเมตตา จิตที่มองทะลุจะเมตตาตัวเอง ไม่อยากให้ตัวเองทุกข์ ไม่อยากให้ตัวเองโกรธ ก็ต้องทำใจสงบวางอุเบกขาต่อคนที่เราไม่ชอบ เกิดเมตตาต่อคนที่เราไม่ชอบ นึกถึงความบกพร่องของเขาน้อยลงได้ จับผิดเขาน้อยลงได้ เข้าใจว่ามนุษย์ทุกคนก็บกพร่องทั้งนั้น หรือถ้าเขาบกพร่องจริงๆ ก็เขาเอง ที่จะทุกข์ร้อนจากข้อบกพร่องนั้น...จบปะ!!
Ask the Expert
Q. มีเจ้านายอายุอ่อนกว่าหลายปี ทำงานเร็วคล่องแต่ไม่รอบคอบ บ่อยครั้งทำให้งานกระทบ จะสื่อสารอย่างไรกับเขาดีครับ?
A. จักรพันธ์ จันทรัศมี ที่ปรึกษาบริษัท ออคิด สลิงชอท ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาบุคลากร กล่าวว่า แม้ว่าหัวหน้าจะอายุน้อย แต่การจะพูดจาอะไรแบบตรงไปตรงมาโดยไม่ระมัดระวังคำพูด น้ำเสียง สีหน้า ท่าทางก็คงไม่ดี การพูดตรงในขณะมีอารมณ์คนฟังจะตีความว่าคนพูดก้าวร้าว (Aggressive) ครั้นจะไม่พูดไม่บอกก็จะกลายเป็นคนเฉื่อย (Passive) หัวหน้าก็ไม่รู้ข้อบกพร่อง ส่งผลกระทบต่อตัวงานและตัวเรา หลักสำคัญในการสื่อสารในกรณีแบบนี้ คือ มองโลกในแง่ดี อธิบายความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อผลการกระทำ (ไม่ใช่ต่อตัวหัวหน้า) บอกสิ่งที่อยากให้หัวหน้าทำ บอกผลดีที่จะเกิดขึ้น (เป็นผลดีต่องานและต่อหัวหน้า ส่วนผลดีต่อตัวเราไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้) และถามความคิดเห็นของเขาก่อนจบการสนทนา ตัวอย่างประโยคสนทนาก็จะออกมาในลักษณะนี้ “ผมเข้าใจดีครับว่าหัวหน้างานเยอะ มีความตั้งใจจะจบงานให้ทัน Deadline ทุกงาน แต่งานชิ้นล่าสุดเนี่ยตัวเลขที่ส่งมามันตกหล่นไป ผมเลยขอเลื่อนเคลียร์ค่าใช้จ่ายของแผนกเรากับทางบัญชีไปก่อน เพื่อเอาเวลามาตรวจสอบตัวเลขใหม่อีกที จริงๆ แล้วถ้าหัวหน้ามีงานเยอะ ผมอยากให้หัวหน้าเรียกผมไปช่วยลงตัวเลขให้ก็ได้นะครับ หัวหน้าจะได้มีเวลาเคลียร์งานอื่นและงานนี้ก็ไม่ต้องแก้ไขใหม่ หัวหน้าคิดว่าวิธีที่ผมเสนอนี้ดีไหมครับ”
He Said/ She Said
เจมส์ นักแสดง
“ผมว่าผู้หญิงก่อนอื่นเลยคือต้องคม มั่นใจตัวเองว่าชีวิตนี้ต้องการอะไร อึ๋มผมว่าไม่ค่อยเท่าไหร่ อย่างผมมองตาก่อนเลยนะครับ มันสื่อถึงข้างใน และความจริงใจ”
เนย ธุรกิจส่วนตัว
“ชอบผู้ชายล่ำๆ (หัวเราะ) คือมันหมายถึงเขาใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตัวเอง ดูแลตัวเองได้ดีขนาดนี้ ต้องดูแลเราได้ดีด้วยแน่ๆ เลย แต่ขอแบบล่ำกำลังดีนะคะ แบบก้ามปูนี่ไม่มองเลย”
Quote
“ในชีวิตการเป็นนักบาสเก็ตบอลมืออาชีพ ผมเคยชู้ตพลาดมากกว่า 9,000 ลูก แพ้มากกว่า 300 เกม แล้วก็มี 26 ครั้งที่ทุกคนตั้งหวังให้ผมชู้ตลูกที่จะเป็นแต้มตัดสินชี้ชนะแต่ผมก็ชู้ตไม่เข้า ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมทำพลาดแล้วพลาดอีกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ในที่สุดผมก็ประสบความสำเร็จ”
ไมเคิล จอร์แดน อดีตนักบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอผู้เป็นตำนาน


