posttoday

ชีวิตที่ลงตัวของ มาโนช พุฒตาล

06 กรกฎาคม 2556

มาโนช พุฒตาล ล่วงเข้าอายุ 57 แล้ว

โดย..อินทรชัย พาณิชกุล ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

มาโนช พุฒตาล ล่วงเข้าอายุ 57 แล้ว

ผมสีดอกเลาสั้นเกรียน ร่างเพรียวสมส่วน ไร้พุง ไม่เหมือนหนุ่มใหญ่ทั่วไป ทว่าสิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ยังดูหนุ่มอยู่เสมอ นั่นคือ เสน่ห์ในยามพูดคุย ยามเล่าเรื่อง ไม่ว่าเรื่องใดออกจากปากเขา มั่นใจได้เลยว่าต้องสนุก มีสีสัน น่าทึ่ง บางครั้งถึงขั้นมหัศจรรย์

“มันเป็นเรื่องของโชคชะตา”

ซัน มาโนช กล่าวประโยคนี้ออกมาอย่างถ่อมตน หลังถูกถามถึงเคล็ดลับการยืนระยะบนถนนสายศิลปะบันเทิงมานานกว่า 30 ปี เขากล่าวหลังจิบชาตุรกีร้อนๆ รสชาติฝาดลิ้น ท่ามกลางแดดอบอุ่นยามเช้า ณ บ้านพักย่านรามอินทรา กม.8

รู้กันว่าชายเชื้อสายมุสลิมจากชุมชนหัวแหลม อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา บุตรคนสุดท้องของนายเฉลียว และนางอำไพคนนี้ เคยเป็นทั้งพิธีกร ดีเจรายการวิทยุ นักดนตรี บรรณาธิการนิตยสาร เจ้าของค่ายเพลง สร้างผลงานโด่งดังเข้าขั้นคลาสสิก ขึ้นหิ้ง เป็นตำนาน ส่งผ่านแรงบันดาลใจต่อคนรุ่นหลัง

คำกล่าวถึงเรื่องโชคชะตาวาสนา มิได้พูดเอาเท่ มิได้โอ้อวดเกินจริงแต่อย่างใดเลย ถ้าได้รู้ว่าเขาไม่เคยคิดเคยฝัน หรือตั้งเป้าหมายไว้ว่าชีวิตจะต้องเป็นแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

“เอาจริงๆ ผมอยากเป็นเกษตรกร ตอนเอนทรานซ์ผมเลยเลือกสอบที่เกษตรศาสตร์ แต่ด้วยการแนะแนวบ้านเรายังไม่ดี ผมไม่รู้ว่าต้องไปเรียนอะไร เลยไปสอบวนศาสตร์ โชคดีไม่ติด ไม่งั้นได้ไปเป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าแน่ (หัวเราะ) ด้วยความช่างพูด ช่างสังเกต ผมตัดสินใจกลับมาเรียนต่อที่นิเทศฯ จุฬาฯ ภาควิชาวิทยุโทรทัศน์จนจบ แล้วก็พี่รงนั่นแหละดึงมาทำงานด้วย”

พี่รง หมายถึง ดำรง พุฒตาล อดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตพิธีกรรายการเจาะใจ และเจ้าของนิตยสารคู่สร้างคู่สม พี่ชายแท้ๆ ของเขา ผู้อยู่เบื้องหลังการสนับสนุนทุกด้าน ทั้งการงาน การเงิน วิธีคิด วิธีใช้ชีวิต

“ผมกับพี่รงโตมาด้วยกัน ติดสอยห้อยตามแกตลอด ตอนนั้นแกดังมาก คนไปไหนเรียกเรา ‘นี่ไง น้องดำรง’ คนมองพี่รงกับผมแตกต่างกันนะ พี่รงเป็นนักการตลาด ส่วนผมนี่เป็นขบถ แต่ลึกๆ มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอด อย่างทำรายการทีวียุคแรก พี่รงเป็นคนจ่ายค่าเวลาให้ เขาก็บ่น แกรู้ไหม 3 ปี ฉันซื้อบ้านให้แกได้สองหลังแล้วนะ คนไม่รู้นึกว่าผมอหังการ โห มาโนชแม่งใจถึง (หัวเราะ)

แกสอนหมดทุกเรื่อง สมัยวัยรุ่น ผมเป็นคนแข็งกระด้าง รู้สึกว่าการยกมือไหว้คนมันไม่เก๋า จะไม่ยอมไหว้ใครง่ายๆ พี่รงก็จะสอนว่า ไม่ใช่ว่าเก๋าไม่เก๋า แต่มันเป็นเรื่องมารยาท สัมมาคารวะ แกไม่สอนเรื่องงานอย่างเดียว เพราะเป็นพี่ชาย ไม่ใช่เจ้านาย แต่ยังสอนเรื่องชีวิต วิธีคิด การดูแลตัวเอง

เมื่อก่อนผมซกมกมาก จั๊กกะแร้เหม็น แกเดินสวนเราในห้องอัด ด่าผมไอ้ซันขี้เต่าแกเหม็นฉิบหาย ไม่ได้นะ มาทำงานแบบนี้ ซาวด์เอ็นจิเนียเขาเหม็นตายห่า หรือตัดเล็บซะบ้าง เล่นกีตาร์ออกทีวี กล้องมันจับชัด คนเห็นขี้เล็บแกดำปี๋ น่าเกลียด สอนยันเรื่องการหาโฆษณา เมื่อวานนี้ยังโทรมาหา เฮ้ย ซัน หนังสือแกแกต้องดูเรื่องปกให้ดี ทำให้มันแรง ให้มันน่าสนใจ” น้องชายนินทาพี่ชายด้วยอารมณ์ปลาบปลื้ม

ในวัย 30 ต้นๆ รู้ตัวอีกทีมาโนชก็รับผิดชอบรายการโทรทัศน์ถึง 3 รายการ นิตยสารอีกหนึ่งเล่ม และอีกหนึ่งค่ายเพลง

“หนังสือเอย รายการทีวีเอย ค่ายเทปเอย อายุแค่สามสิบกว่าๆ ถือว่าใช้ได้นะ ไอเดียพลุ่งพล่านมาก มีความสด ความมัน แต่ผมบริหารไม่เป็น ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงจ้างคนมาเป็นคณะกรรมการ มาบริหาร ทุกคนอยากรวยทั้งนั้น ผมก็ด้วย แต่มันไม่สามารถ ทำไม่เป็น”

ค่ายไมล์สโตน เรคคอร์ด เป็นอีกตำนานบทหนึ่งของวงการเพลงไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2532 มีศิลปินในสังกัดอย่าง ดิ โอฬาร โปรเจ็คต์ มาลีฮวนน่า โกรวอิ้งเพน พาราณสี ออเคสตร้า ไวล์ดซี้ด

“ตอนทำค่ายเทปก็ไม่ใช่เรื่องธุรกิจ แต่ทำเพื่อออกอั้ลบั้มให้เพื่อนผม ไอ้โอ้ (โอฬาร พรหมใจ) ดิ โอฬาร โปรเจ็คต์ ชุดหูเหล็ก ตอนนั้นอุตสาหกรรมเพลงไทยยังไม่สนับสนุนเพลงเฮฟวี่เมทัล ทั้งคนฟังมีเยอะมาก ผมมั่นใจว่าขายได้ ยอดแรก 8 หมื่นม้วน ไมล์สโตนเกิดเลย

มาลีฮวนน่า เรื่องมีอยู่ว่าเด็กฝึกงานจากศิลปากรเอาเทปมาให้ฟัง ตอนนั้นกระแสอัลเทอร์เนทีฟกำลังมา โมเดิร์นด๊อก ดอนผีบิน ซีเปีย หนักๆ มาเลย นี่มาโฟล์กซอง ร้องสำเนียงปักษ์ใต้ ผมซื้อชุดบุปผาแห่งเสียงเพลง แต่ขอเปลี่ยนชื่อเป็นบุปผาชน แล้วทำปกใหม่ จู่ๆ ดังเป็นประวัติการณ์ ขายดีที่สุด 1.6 ล้านม้วน

เช่นเดียวกับหนังสือบันเทิงคดี นิตยสารดนตรีในตำนานที่มีแฟนคลับทั่วบ้านทั่วเมือง วางแผงครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2532 ออกมาทั้งหมด 100 เล่ม ก่อนจะปิดตัวลงในปี พ.ศ. 2539 ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ

วันนี้หลังห่างหายไปถึง 17 ปี มาโนชนำกลับมาปลุกชีพใหม่อีกครั้ง ภายใต้โฉมใหม่ เนื้อหาที่ฉีกออกไปจากกรอบเดิม เน้นความเป็นปกิณกะเรื่องเล่ามากกว่าความเป็นนิตยสารดนตรี ซึ่งดูเหมือนจะไปได้สวย

“ความเป็นนักเล่าเรื่องที่สั่งสมมาเรื่อยจากการได้ไปทำนิตยสารคู่สร้างคู่สมกับพี่รง และไปจัดรายการวิทยุชื่อคนกรุงเก่าเล่าเรื่อง เอฟเอ็ม 96.5 ทุกๆ วันผมทำงานอยู่กับเรื่องเล่า คราวก่อนทำเรื่องเพลง ก็มีวัตถุดิบเรื่องเพลงเยอะ เลยเอามาทำเป็นหนังสือ วันนี้เรื่องเล่าเยอะก็เอาเรื่องเล่ามาทำหนังสือ

หนังสือคู่สร้างคู่สม รูปเล่มเฉยๆ แต่ขายดีที่สุดสัปดาห์ละ 4 แสนเล่ม น่าทึ่งมาก เทียบกับหนังสือใหม่ทันสมัย ปกสวย กระดาษดี แต่ต้นเดือนยันปลายเดือนยังวางที่เดิม ผมถามตัวเองว่าจะเลือกยังไงระหว่างความเท่ของนิตยสารกับขายได้ มันทำให้ผมอยากกลับมาทำบันเทิงคดีอีกครั้ง และอยากทำหนังสือที่มีแนวทาง ไม่ใช่เอาเท่ แต่ทำเพื่อขายให้ได้

ตอนจะทำผมปรึกษาพี่รง แกบอกมันเสี่ยงมากนะ แต่ผมมองว่าทำได้ มันเป็นธรรมชาติผมด้วย อย่างเช่นอยากทำแกงมัสมั่น ผมก็ไปหัดแกงเอง จนรู้สึกแกงอร่อยแล้ว เช่นเดียวกัน อินเทอร์เน็ต อีบุ๊ก ผมไม่ค่อยคลุกคลีกับเครื่องมือเหล่านี้ แต่หนังสือ ผมเห็นมันอยู่ จับมันอยู่ เหมือนเลี้ยงลูก เช็ดตูด ป้อนนม อุ้มเห่กล่อม ไม่เหมือนเลี้ยงทามาก็อต เราไม่ถนัดแบบนั้น แม้มันจะเสี่ยง แต่ชีวิตมันก็ต้องเสี่ยงอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

จากนักเพลงแปรเปลี่ยนกลายมาเป็นนักเล่าเรื่อง ประสบการณ์ทั้งชีวิตที่เคยผ่านมา ทั้งบทบาทพิธีกร นักเขียน นักดนตรี ดีเจ ไม่ว่าอะไรก็ล้วนแต่เป็นการเล่าเรื่องทั้งนั้น คำว่านักเล่าเรื่อง จึงเป็นตัวตนล่าสุดที่เขาเลือกจะเป็น

“คำว่านักเล่าเรื่องเป็นแค่เหตุผลทางการตลาด (หัวเราะ) คุยขำๆ กันว่า โน้ส อุดม ยึดครองเดี่ยวไมโครโฟนไปแล้ว หนูดีวนิษา เรซ ยึดครองอัจฉริยะไปแล้ว ใครบางคนยึดครองสแกนกรรมไปแล้ว เราก็ยึดครองคำว่านักเล่าเรื่องดีกว่า

ถ้าพูดถึงนักเล่าเรื่องที่คนจดจำได้แม่นยำอีกคน พี่หมู (พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ) นี่ นักเล่าเรื่องชั้นเซียนเหยียบเมฆ สนุก ตลก สะเทือนใจ มีจังหวะ เล่าด้วยเพลงคนกับหมา วิธีการร้องด้นแบบแจ๊ซ แกไม่จอง ผมเลยคว้าซะ (หัวเราะ) ถ้าคืนคงต้องคืนให้แก”

ผมไม่สามารถเป็นตัวผมเองได้ในทุกวัน มาโนช พุฒตาล ย้ำชัด

“แค่เล่นกีตาร์ผมยังเล่นเปลี่ยนไปจากเดิม ตอนแรกชอบเล่นแนวเฮฟวีเมทัล ปัจจุบันเล่นกีตาร์โปร่งธรรมดา เมื่อก่อนเคยเปิดแต่เพลงร็อค เดี๋ยวนี้ผมอยากเปิด ดนุพล แก้วกาญจน์ เท่ อุเทน เปิด เสก โลโซ ด้วย อย่างวันหนึ่งจัดรายการวิทยุ คุยเรื่องบึงแก่นนคร ผมก็หาเพลงที่เกี่ยวกับบึง ได้เพลงซากรักบึงพระราม อยากเปิดเพลงไหนก็เปิดที่มันเข้ากับนาทีนั้น ผมมีความสุขของผมแบบนี้

ผมชอบสังเกตจากธรรมชาติ มันเป็นการไหลเวียน ผมเชื่อว่าโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด คนเราต้องปรับตัว เราก็เลือกสิ่งที่มันสอดคล้องกับสุขภาพอนามัย หัวใจ ภูมิอากาศ ผมชอบดูน้ำตก แม้น้ำตกจะดูไหลเอื่อยๆ คิดให้ลึกมันก็มีเรื่องราวมากมายในนั้นกว่าจะไหลจากภูเขาตกลงมาเป็นลำธาร แต่ถึงเลือกดูน้ำตก แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธคลิปใบเตย อาร์สยาม

ผมเป็นคนแบบถนอมทั้งด้านเก่า รับทั้งเรื่องใหม่ อย่างวันก่อนหนังสือโอเวอร์ไดรฟ์ของอาจารย์ปราชญ์ เขามีเวิร์กช็อปกับพวกนักกีตาร์รุ่นใหม่ๆ ผมก็ไปกับเขาด้วย จะได้เห็นว่าคนรุ่นใหม่เขาเล่นกีตาร์กันยังไง ขณะเดียวกันมีรุ่นเก่าด้วย มันก็ได้คุยสังสรรค์กับเพื่อน อย่างพี่แหลม มอริสัน 60 กว่าแล้ว ยังเล่นดนตรี ไปไหนมาไหนยังมีคนให้เกียรติ พี่ ช.อ้น ณ บางช้าง โป่ง หิน เหล็ก ไฟ ยังเฮ้วอยู่ รุ่นๆ ผมหลายคนตอนนี้เริ่มเจ็บเริ่มป่วยแล้ว เล่นกีตาร์ไม่ได้ แต่ยังมีไม้พยุงโขยกเขยกไปให้กำลังใจกัน เจอกันไหว้ทักทายกัน อบอุ่นครับ

นี่เพิ่งไปสัมภาษณ์เสก โลโซ มา เดี๋ยวนี้มันทำอัลบั้ม อัดเพลงเสร็จ เอาขึ้นยูทูบ ซาวเสียงก่อน พอคนท้วงติงเรื่องดนตรี ก็เอากลับมาทำใหม่ ไม่ต้องรอค่ายมาโปรโมต นี่คือตัวอย่างหนึ่งของการปรับตัว”

ความพอใจในจุดที่ยืนอยู่ตอนนี้ของเขา คือการพาตัวเองไปในที่ที่มีความสุข เบื่อก็กลับมาที่ที่ตัวเองสบายใจ

“ผมชอบป่า เพราะมันเย็นดี สีเขียว ไม่แสบตา แต่ให้ไปนอนเป็นเดือนก็ไม่เอา ชั่วครั้งชั่วคราวพอ ไปสนุก สนุกจนพอแล้วก็กลับบ้าน เบื่อก็ไปใหม่ ชีวิตก็แบบนี้ ช่วงหนึ่งเราก็ต้องพาตัวเองไปจุดที่เรามีความสุข เมื่ออิ่มแล้ว พอแล้ว ก็ค่อยกลับมายังจุดที่เราสบายใจที่สุด

ปัจจุบันแม้การงานยังคงรัดตัว เยอะแยะแต่ไม่ยุ่งยากเกินกว่าจะบริหารจัดการได้ ครึ่งหนึ่งพลีให้ครอบครัว อีกครึ่งทุ่มเททำในสิ่งที่ตัวเองรัก

“การทำงานไม่เคยทำให้ผมเจ็บปวด สิ่งที่จะทำให้ผมเครียดได้จะเป็นความสัมพันธ์กับคนมากกว่า ไอ้เรื่องทำหนังสือเจ๊ง ค่ายเพลงล้มละลาย เลิกรายการทีวีอะไรนั่น ผมไม่รู้สึกอะไร เพราะไม่เคยขึ้นถึงขีดสุด ตอนเลิก ตอนล้ม ตกลงมามันเลยไม่เจ็บ

เหตุผลเดียวที่ทำให้ลูกผู้ชายชื่อ มาโนช พุฒตาล เดินยืดอกสง่าผ่าเผยได้อย่างภาคภูมิใจมาถึงวันนี้ นั่นคือการสร้างผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ

ข่าวล่าสุด

แอร์เอเชียจัดโปร NiHao China บิน 10 เมืองฮิต เริ่มต้นแค่ 2,026 บาท