จาดี กีรติพันธุ์ กับศิลปะ (ขนม) กินได้
แดดร่มลมตกเรามีนัดคุยกับเชฟสาวน่ารัก อารมณ์ดี มีชื่อเล่นและชื่อจริงเหมือนกันว่า “จาดี กีรติพันธุ์” เจ้าของร้านขนม Little Sweet Bakery
โดย...วรธาร ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
แดดร่มลมตกเรามีนัดคุยกับเชฟสาวน่ารัก อารมณ์ดี มีชื่อเล่นและชื่อจริงเหมือนกันว่า “จาดี กีรติพันธุ์” เจ้าของร้านขนม Little Sweet Bakery ในหมู่บ้านสหกรณ์ ปากซอย 18 ถนนเสรีไทย 57 ที่ตอนนี้มุ่งมั่นกับการปรับปรุงร้านใหม่ ซึ่งมีการเพิ่มโซนที่เป็นห้องเรียนสอนทำขนมขึ้นมารองรับโปรเจกต์ใหม่ที่เธอและคุณแม่ร่วมกันคิด ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 2 เดือนน่าจะเปิดสอนได้ ตอนนี้เริ่มมีเด็กๆ มาสมัครเรียนแล้ว
“จาดี” มิใช่โนเนมในเรื่องการทำขนม แต่เธอเก่งและมีชื่อเสียงในเรื่องของการทำขนมหลากหลายโดยเฉพาะเค้ก คัพเค้ก เบเกอรี่ รวมถึงขนมออริจินัลของชาติต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ฝีมือระดับครู ซึ่งหากใครที่ติดตามดูเธอในฐานะพาสทรีเชฟ (Pastry Chef) ให้กับฟู้ดทราเวล.ทีวี (Foodtravel.tv) รวมถึงได้ไปที่ร้านเมื่อเห็นหน้าตาขนม เชื่อว่าต้องยกนิ้วให้ในไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนวิธีการทำที่ไม่ง่าย แต่เธอก็ทำเป็นเรื่องง่ายนี้ดเดียวววววว
จาดี เล่าว่า ขนมที่ทำออกมาส่วนใหญ่ค่อนข้างแตกต่างจากที่อื่น ทั้งในเรื่องรูปลักษณ์หน้าตาและชื่อเรียก โดยจะมีความเป็นไทยผสมกลิ่นอายของญี่ปุ่นและตะวันตกอยู่ด้วย เนื่องจากเธอเคยเรียนทำขนมจาก 3 ประเทศ คือ ไทย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย มาแล้ว
“ขนมของลิตเติ้ลสวีท เดิมทีจะทำจากทำสูตรดั้งเดิมที่เคยไปเรียนมาจากญี่ปุ่นและออสเตรเลียก่อน สูตรว่ายังไง ใช้วัตถุดิบ เช่น น้ำตาล แป้ง นม อะไร แบบไหนซึ่งแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน จาดีใช้ตามนั้นก่อน ต่อมาก็ค่อยๆ ปรับให้ถูกปากและรสชาติของคนไทยแต่ยังคงกลิ่นอายของสูตรดั้งเดิม โดยแต่ละอย่างจะมาจากแรงบันดาลใจและโจทย์ที่ต่างกัน เช่น ตุ๊กตาหรือตัวการ์ตูนก็มาจากจาดีชอบตุ๊กตาและดูการ์ตูน เลยเอามาทำเป็นเค้กเจ้าหญิง เป็นต้น
บางอย่างได้ไอเดียจากกระแสสังคม เช่น เค้กเฟอร์บี้ บางอันได้โจทย์จากลูกค้า เช่น คุณแม่อยากได้คัพเค้กวันเกิดลูก ชิ้นเล็กๆ ที่เด็กกินแล้วไม่เลอะเทอะ เราก็ทำให้ แต่เราก็ทำการบ้านหาข้อมูลเกี่ยวกับน้องเพิ่มเติมจากคุณแม่ เช่น น้องอายุเท่าไหร่ ชอบตัวการ์ตูนตัวไหน สีอะไร จากนั้นก็สเกตช์ภาพออกมาดูว่าจะยังไงให้คุณแม่ดู ถ้าโอเคก็ลงมือทำ”
จาดีขยายไอเดียหลากหลายในการทำขนม แล้วเล่าต่ออีกว่า การนำเอาการสเกตช์ภาพมาใช้ในการทำขนม เป็นวิธีการอันหนึ่งที่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น และการสเกตช์ภาพก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะชอบวาดภาพมาตั้งแต่อนุบาล โตมาก็เรียนศิลปะ และจบปริญญาตรี สาขาสถาปัตยกรรม ศิลปอุตสาหกรรม และความที่มีแม่เป็นครูคหกรรม สอนทำอาหารและขนมไทย พลอยทำให้เธอได้รับอานิสงส์ด้วย
ในวันหยุดแม่จะชวนทำขนม บางวันก็หาวัตถุดิบมาให้ทำที่บ้าน ขนมไทยที่เธอชอบทำมากสมัยเด็กคือ “ลูกชุบ” ที่มีสีสันสดใส
“สมัยเด็กเวลาที่คุณแม่เข้าครัวจาดีก็เข้าด้วย จำได้ว่าขนมที่คุณแม่สอนให้ทำแล้วจาดีชอบมากคือ ลูกชุบ โดยท่านจะมีวัตถุดิบติดไม้ติดมือเหลือจากการสอนที่โรงเรียนมาให้จาดีกับพี่ชายทำบ่อยๆ สนุกดี ได้ปั้นเป็นรูปสัตว์และรูปผลไม้หลายอย่าง จาดีเคยแอบทำคุกกี้ตอนเรียนประถมแต่ไม่สำเร็จ มาสำเร็จตอนเรียนมัธยม จากนั้นในช่วงเทศกาล เช่น วาเลนไทน์ ตรุษจีน ปีใหม่ เพื่อนๆ มักจะได้ชิมขนมจากฝีมือจาดีเสมอ” เชฟจาดี เล่าไปยิ้มไป
ว่าแต่ใครอยากจะเรียนทำขนมกับจาดี รีบสมัครด่วน เพราะตอนนี้ห้องเรียนใกล้เสร็จเรียบร้อย อีกประมาณ 2 เดือนคาดว่าทุกอย่างลงตัวรวมทั้งในเรื่องของหลักสูตร เธอบอกว่า เปิดรับสมัครเด็กอายุ 5 ขวบขึ้นไปถึง 8 ขวบ และตั้งแต่ 815 ปี นอกจากนี้ก็มีคอร์สของผู้ใหญ่และคอร์สอาชีพ โดยแต่ละคอร์สกำหนดไม่เกิน 6 คน
ร้านเปิดเฉพาะวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 07.3018.00 ขายเค้กและเต้าหู้นมสด แต่อีก 2 เดือนข้างหน้าที่จะเปิดสอนทำขนมจะเลื่อนเวลาเปิด 08.0018.30 น. และสิ่งหนึ่งที่เธอแพลนไว้หลังเปิดสอนทำขนมไปได้สักพัก คือจะมีที่นั่งรับประทานในร้าน โดยพ่อแม่ที่มารอรับลูกสามารถนั่งรับประทานอาหารที่ร้านได้ แต่ละวันจะมี 34 เมนู อาจจะซ้ำเมนูแต่ไม่ซ้ำทุกวันแน่นอน
ตอนนี้เธอมีคุณแม่ลาออกจากครูมาช่วยเต็มตัวในเรื่องของบัญชี การดูแลต้นทุนและราคา ส่วนเธอมีหน้าที่สร้างสรรค์เมนูขนมอร่อยๆ ออกมาให้ผู้บริโภคได้รับประทาน พร้อมกับทำหน้าที่ครูสอนทำขนม ซึ่งใครอยากได้ขนมอะไร สไตล์แบบไหนในงานอะไรก็คุยกับเธอ แต่ถ้าต้นทุน ราคา เธอขอให้แม่เป็นผู้ชี้แจง
ปิดท้ายจาดีผู้ใจดี ก็ได้มอบสูตรและวิธีการทำเค้กเจ้าหญิง (Princess Cake) ให้ท่านผู้อ่านไปลองทำดู เธอบอกว่า เค้กนี้ที่เหมาะจะเป็นของขวัญให้กับเด็กๆ เพราะจะได้ทั้งเค้กวันเกิดน่ารักๆ และตุ๊กตาของเล่นพร้อมๆ กัน ทำได้เองที่บ้าน ไม่มีส่วนผสมและอุปกรณ์ที่ซับซ้อน
สูตรเค้กเจ้าหญิง
สำหรับ 1.5 ปอนด์
เวลาในการทำประมาณ 2 ชั่วโมง
อุปกรณ์
1.ที่ร่อน
2.หัวบีบ
3.ถุงบีบ
4.ชามผสมอาหาร
5.พิมพ์เค้ก 1 ปอนด์กลม
6.มีดหั่นเค้ก
7.พายยาง
8.ตะกร้อตีไข่
วัตถุดิบ
1.เนื้อเค้กจากสูตรบัตเตอร์เค้ก Butter Cake
2.เนยเค็ม 800 กรัม
3.ไอซิ่ง 350 กรัม
4.กลิ่นวานิลลาบัตเตอร์ 3 ช้อนชา
5.สีผสมอาหารตามชอบ
วิธีทำ
1.นำเนื้อเค้กจากสูตร Butter Cake ที่ตีผสมเข้าที่แล้วเทลงในพิมพ์ 1 ปอนด์ และชามทรงโค้งที่สามารถเข้าเตาอบได้
2.นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส
3.ใช้เวลา 35 นาที
4.เมื่อสุกนำออกมาพักบนตะแกรงจนเย็น
5.นำตุ๊กตามาห่อด้วยพลาสติกแรปเพื่อไม่ให้ตุ๊กตาโดนขนมเค้ก
6.เริ่มทำครีมด้วยการนำเนยเค็มมาพักไว้จนเป็นอุณหภูมิห้อง
7.ผสมเนยเค็ม ไอซิ่ง และกลิ่นวานิลลาบัตเตอร์เข้าด้วยกัน
8.ตีจนเนื้อเนียนเป็นครีมขาวขึ้น
9.ผสมสีตามชอบ พักไว้
10.กลับมาเตรียมเนื้อเค้ก
11.นำเค้ก 1 ปอนด์ที่พักไว้จนเย็นมาสไลด์ความหนาประมาณ 1 นิ้ว
12.เจาะรูเค้กทุกชิ้นตรงกลางเป็นวงกลมขนาดที่สามารถใส่ตุ๊กตาเข้าไปได้พอดี
13.นำเค้กวางเป็นชั้นทาครีมที่เตรียมไว้ทุกชั้นจนถึงชั้นด้านบน
14.วางชิ้นที่เป็นทรงโดมไว้ด้านบน ทาครีมให้ทั่วขนมเค้ก
15.นำไปพักในตู้เย็น 1530 นาที
16.นำออกมาแต่งตัวกระโปรงให้เรียบร้อยเนียนสวย
17.นำตุ๊กตาใส่เข้าไปด้านใน ใส่ครีมในช่องที่ตัดออกให้เต็ม
18.นำไปแช่เย็นจนอยู่ตัวประมาณ 1520 นาที
19.เมื่อเซ็ตตัวดีแล้ว ตกแต่งตุ๊กตาเค้กเจ้าหญิงตามชอบ
เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับจาดี
การศึกษา จบสถาปัตยกรรม สาขาศิลปอุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง
หลังเรียนจบได้รับรางวัลเอเชียอวอร์ด จากผลงานแพ็กเกจใส่อาหารในชื่อ “Natto” โดยทางสถาบันฯ เป็นผู้ส่งผลงานเข้าประกวดที่ประเทศสิงคโปร์
เคยเรียนทำขนมกับอาจารย์คนไทยชื่อดังหลายคน หนึ่งในนั้นมี อาจารย์ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ อยู่ด้วย จากนั้นไปเรียนที่ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย โดยที่ออสเตรเลียไปอยู่กับพี่ชายซึ่งเป็นเชฟอยู่เมืองเมลเบิร์น
ประสบการณ์ในความทรงจำ สมัยไปเรียนทำขนมที่ญี่ปุ่นต้องจ้างเพื่อนคนไทยที่พูดญี่ปุ่นได้เรียนด้วยกันเพราะว่าครูสอนทำขนมพูดอังกฤษไม่ได้ เลยต้องจ่ายค่าเรียนสองเท่า
ตอนนี้กำลังร่วมกับคุณแม่เขียนหลักสูตรการสอนทำขนมของตัวเองเพื่อมาใช้เป็นคู่มือในการสอนให้กับเด็กและผู้ใหญ่


